๒๐
ดูก่อนกุมารีทั้งหลาย เจ้าทั้งหลายพึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า–“การงานเหล่าใดเป็นการงานภายในของสามี—เราจักเป็นผู้ขยัน ไม่เกียจคร้านในการงานเหล่านั้น (จักเป็นผู้) ประกอบด้วยความฉลาดอันเป็นอุบาย (ที่จะทำการงานให้สำเร็จ) สามารถที่จะทำเอง สามารถที่จะจัด (ให้ผู้อื่นทำ) ในการงานเหล่านั้น”
อาหารที่บนโต๊ะล้วนแล้วแต่เครื่องกระป๋อง ขนมปัง ไส้กรอก ตับห่าน หมูแฮม ผักดอง, นอกจากนี้ก็มีที่กาแฟตั้งอยู่ด้วย
โต๊ะอาหารเป็นโต๊ะสี่เหลี่ยมจตุรัสขนาดใหญ่ เมื่อมีผู้นั่งด้านละคนก็จะรู้สึกว่ามีที่เหลือมาก แต่ถ้าจะนั่งด้านละ ๒ คนก็จะรู้สึกว่าคับแคบ ภรณีมองเห็นที่ของหล่อนอยู่ตรงหน้าเจ้าของบ้าน เพราะเป็นที่เดียวที่มีความสะอาด มีดและซ่อมสะอาดวางอยู่ เจ้าของบ้านมิได้เงยหน้าขึ้นมองดูหล่อน เขากำลังหั่นไส้กรอกให้ลูกหญิงของเขา และเมื่อหั่นเสร็จยกจานวางให้ตรงหน้าเด็กเรียบร้อยแล้ว เขาก็หันมาผสมกาแฟให้ตัวเอง โดยไม่ลืมที่จะรักษาสายตาไว้ในระดับพื้นโต๊ะ แต่ทั้งนี้มิได้หมายความว่าเขามองไม่เห็นตัวหรือกิริยาท่าทางของภรณี เขาเห็นหล่อนเอื้อมหยิบขนมปังออกจากหีบ พร้อมกับถามเด็กชายที่อยู่เบื้องซ้ายหล่อนว่าจะต้องการบ้างหรือไม่ แล้วหล่อนก็ปฏิบัติเด็กชายไปพร้อมกับที่หล่อนปฏิบัติตัวเอง สิ่งที่เขาไม่เห็นหรือไม่ตั้งใจจเห็น คืออาการที่หล่อนยิ้มให้กับเด็กกับดวงตาที่หล่อนมองดูเด็ก แล้วมองต่ำลงเพียงระดับพื้นโต๊ะ เช่นเดียวกับที่เขาทำอยู่ เขารู้ว่าด้วยเหตุอย่างใดอย่างหนึ่ง หล่อนไม่อาจทนต่อตากับเขาได้ แม้แต่เพียงชั่วอึดใจอันสั้นที่สุด แต่ประหลาดใจตัวเองว่าตัวก็มีอาการไม่สมัครจะต่อตากับหล่อนด้วยเหมือนกัน ความรู้สึกนี้เพิ่งเกิดมีแก่เขาเมื่อตอนเช้านี้เอง
เขาผสมกาแฟถ้วยที่สอง แล้วใช้ช้อนคนอยู่นานกว่าที่จำเป็นมาก เขาเห็นหน้าหญิงที่อยู่ตรงหน้าเขาด้วยความจำเป็น เป็นหน้าที่ดวงตาถูกเร้นเสียด้วยเปลือกตาและขนตาอันยาว เป็นหน้าที่มองเห็นตั้งแต่คางอันกลม จนถึงโคนเส้นผมที่สยายอยู่บนหมอน เป็นหน้าที่นวลพริ้ง งามบริสุทธิ์เด่นอยู่ในความสว่างสลัว ๆ เขาเกือบจะพลั้งปากอุทานออกมาด้วยความตกใจ และเกือบจะถลันออกนอกมุ้งด้วยความที่กลัวจะเสียกิริยา แต่อำนาจประหลาดอันหนึ่งได้รั้งตัวเขาไว้ แล้วความรู้สึกซึ่งสิทธิอันตนมีอยู่จึงตามมา เขาเป็นสามีของหญิงนี้โดยชอบด้วยกฎหมายและประเพณีนิยม เพียงแต่เปิดมุ้งเข้ามา พบหล่อนหลับอยู่เช่นนี้ เหตุไฉนเขาจะต้องรีบหนีราวกับผู้ร้ายย่องเบากลัวเจ้าของทรัพย์เขาจะจับได้ อย่าว่าแต่เพียงมาพบโดยเผอิญ เพราะห้องนี้เป็นห้องที่เขาได้จัดไว้สำหรับลูกและนางนมของเขา ถึงแม้จะมีเจตนามาพบก็หาเป็นข้อที่เขาจะต้องกลัวเกรงใครไม่
แต่บันลือเกลียดภาพของตัวเอง ที่เขามานึกได้ภายหลัง และเกลียดความรู้สึกของตน ที่จำได้พร้อมกับที่นึกถึงภาพนั้น ภาพของเขานั่งเท้าแขนอยู่บนเสื่อริมที่นอน ขาทั้งสองอยู่ในมุ้ง ครึ่งหนึ่งอยู่ข้างนอกครึ่งหนึ่ง ตะลึงตะลานไปด้วยสิ่งที่ปรากฏแก่สายตา และความรู้สึกที่ไม่เคยรู้สึกมาแล้วตลอดเวลา ๗–๘ ปี–เขารู้ว่า ถ้าเขาไม่นึกถึงสิ่งแวดล้อม—หญิงที่กำลังหลับสนิทจะถูกปลุกให้ตื่น แล้วเหตุการณ์ซึ่งอยู่นอกเจตนาของเขาก็จะต้องเกิดขึ้น
“สันดานสัตว์ !” เขาบริภาษตัวเองเมื่อพ้นมุ้งออกมาได้
แล้วหล่อนก็ตามไปพบเขาอีกในขณะที่เขาเพิ่งจะลบภาพของหล่อนออกจากสมองได้ไม่ทันกี่นาที มีกิริยาเหมือนยอดไม้อ่อนที่หวาดไหวเพราะแรงพายุ มีแววตาเหมือนนางเนื้อที่มองเห็นพยัคฆ์ และเมื่อเขาชี้แจงการงานแก่หล่อน หล่อนทำท่าเหมือนนักเรียนที่ตั้งใจฟังคำสั่งของครูเพราะความกลัว มิใช่เพราะความสนใจในคำสั่งนั้น กิริยาของหล่อนทำให้เขาเกิดโทสะกรุ่น ๆ อยู่ในใจ เขาเคยพบหญิงที่มีอาการกลัวเขาจนน่าสังเวชแล้วครั้งหนึ่ง คือมารดาของเด็กชายก้องและเด็กหญิงป่อง แต่หญิงนั้นไม่ทำให้โทโสเกิด ส่วนหญิงคนใหม่นี้ –
“คุณพ่อครับ ขอกาแฟให้อาภรมั่ง”
“ขอหนูมั่ง” เด็กหญิงกล่าว
เขามองดูลูกทั้งสองคนละที แล้วนึกขึ้นได้ถึงดวงตาหลายคู่ที่มองดูเขาอยู่รอบ ๆ ข้าง หญิงที่กวาดลานบ้านกวาดแกรก ๆ แล้วก็รามือมองขึ้นมาบนเรือน หญิงที่กวาดระเบียง ๆ เรือนอยู่ทางโน้น แกว่งไม้กวาดไปมาตามบุญตามกรรม ผงอยู่ที่ไหนบ้างดูเหมือนจะไม่ได้ดู เพราะมัวแต่ดูคน นางพวงเคี้ยวหมากหยับ ๆ แล้วก็หยุดเคี้ยว ตาจ้องอยู่ที่โต๊ะจนลืมตัว นายถีมีอาการทำหน้าเจื่อนเมื่อสายตาของนายผู้ชายแลไปที่ตน “ไอ้นี่มันมีอะไรอยู่ในหัวของมัน ?” บันลือนึกทันใดนั้นเขาพูดขึ้น
“ยายป่องกินกาแฟได้ไหม ?” แล้วจึงมองตรงไปยังหน้าของภรณี
เขาเกือบไม่เชื่อหูตัวเองเมื่อได้ยินเสียงของหล่อนตอบว่า
“ดิฉันกำลังจะถามแม่พวงอยู่เหมือนกันว่า คุณมุกดาเคยให้รับประทานหรือ”
“เชื่อว่าเคย แล้วคงบ่อยด้วย” เขาตอบ “พี่มุกดาเป็นโรคตามใจเด็ก แต่เดี๋ยวนี้— อาภรเป็นคนเลี้ยง อาภรสั่งว่ายังไงก็ต้องเป็นอย่างนั้น”
เขารู้สึกพอใจตัวเองที่ได้ฝืนใจพูด และทำไปตามทางที่ควร เขารู้สึกพอใจภรณีที่เลิกทำตัวเป็นลูกนกเปียกน้ำ เมื่อเขาพูดกับหล่อนท่ามกลางการเฝ้ามองของคนใช้ บันลือดูถูกบรรดานายที่ทำตัวให้บ่าวเก็บไปเป็นเรื่องสำหรับนินทาหรือวิจารณ์เล่นในเวลาลับหลัง เห็นว่าเป็นการกระทบกระเทือนถึงอำนาจการปกครอง ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง
ฝ่ายภรณีก็เกือบจะไม่เชื่อหูตัวเอง เมื่อได้ฟังคำตัดสินประโยคสุดท้าย คำพูดนี้ทำให้อาการจุกที่คอหอยหายไปได้ดังปลิดทิ้ง เป็นเครื่องล้างความรู้สึกตัวว่าเป็นผู้ไร้ค่าในสายตาของนางพวงและนายถี รวมทั้งสายตาคนอื่น ๆ ที่อยู่ในที่นั้นให้หายไปจากความคิดของหล่อน
“วันนี้ให้รับประทานนิดหน่อยเห็นจะได้” หล่อนพูด แล้วมองดูเขาเป็นเชิงปรึกษา ครั้นเขามองตอบหล่อน หล่อนก็หลบตาไปมองดูเด็กหญิงเสียทันที บันลือลุกจากที่นั่งมองข้ามศีรษะหล่อนไปไกล และพูดว่า
“ต้องไปดูงานเสียที มีธุระอะไรก็ให้นายถีไปตาม”
เขาลงบันไดไปโดยเร็ว ภรณีโล่งใจขึ้นถนัด หล่อนรับประทานอาหารต่อไปด้วยความรู้สึกในรสอร่อย พลางฟังเด็กชายเด็กหญิงเล่าถึงการเที่ยวของเขาทั้งสองเมื่อตอนเช้า หล่อนได้แกล้งทำลืมเรื่องที่เด็กหญิงร้องขอจะดื่มกาแฟ เพื่อลองดูว่าเด็กชอบอาหารนั้นจริงหรือร้องขอขึ้นมา เพราะอยากจะเอาอย่างผู้ใหญ่ เมื่อหล่อนผสมกาแฟให้ตัวเอง เด็กหญิงมองดูกิริยาของหล่อนอย่างเอาใจใส่ แต่มิได้แสดงความประสงค์ที่จะบริโภคของสิ่งนั้นอีก
เสร็จการรับประทานแล้ว ภรณีลุกจากโต๊ะกลับเข้าในห้อง เด็กทั้งสองตามเข้าไปด้วย และจัดนั่นรื้อนี่ในบรรดาของ ๆ ภรณีเป็นพัลวัน เจ้าหล่อนไม่หวงห้าม เป็นแต่คอยระวังมิให้เด็กทำของเสีย หรือทำบาดแผลให้แก่ตัวเอง เมื่อเบื่อของที่ได้ดูจนทั่วแล้ว เด็กก็ขึ้นไปปลุกปล้ำกันอยู่บนเตียงนอน ภรณีคอยเตือนอย่าให้ปล้ำกันแรงนักจะทำให้เจ็บตัว เพราะพลัดตกจากเตียง หล่อนทำงานไปด้วยดูเด็กไปด้วยเช่นนี้ จนงานจัดในห้องสำเร็จโดยเรียบร้อย
แต่พอว่างงาน ลงนั่งพักทอดอารมณ์โดยสบายได้สักครู่ ก็เกิดความรู้สึกว่าตนขาดนาฬิกาสำหรับดูโมงยาม ซึ่งเป็นการขาดอย่างสำคัญ จะดูดวงอาทิตย์หรือคะเนแสงแดดเพื่อรู้ว่าเป็นเวลาใกล้เที่ยงหรือยังห่างไกลก็ดูไม่ออก คะเนไม่ถูก ดูเหมือนแสงแดดแผดกล้าอยู่เช่นนี้ตั้งแต่แรก ที่หล่อนออกจากมุ้ง ส่วนอากาศก็โปร่งเย็นสดชื่นน่าสบายอยู่เช่นนี้ตั้งแต่ต้นเหมือนกัน หล่อนนึกถึงเวลาอาหารมื้อที่สอง เจ้าของบ้านเคยบริโภคในเวลาใด ชาวบ้านนี้เขาจ่ายตลาดกันที่ไหน และใครเป็นผู้มีหน้าที่ประกอบอาการ หล่อนลุกขึ้นไปยืนที่หน้าต่างด้านหนึ่งเพื่อดูไปที่เรือนครัว ก็เห็นแต่นายถีนางพวงและหญิงอีก ๒ คนยืนพูดกันอยู่ ประหลาดมากที่บ้านนี้ดูท่าทีเหมือนกับว่าทุก ๆ สิ่งจะสำเร็จไปเองโดยไม่มีผู้ใดต้องทำอะไร เพราะผู้คนที่มองเห็นอยู่ในที่ต่าง ๆ นั้น ล้วนแต่ทำอาการเหม่อกับอาการพูดอยู่ทั้งสิ้น
หรือว่าเจ้าของบ้านบริโภคอาหารแต่เพียง ๒ มื้อ ? ดูแต่เมื่อวานนี้สิ เขารับประทานอาหารกลางวันที่บ้านแล้วก็นั่งมาในรถไฟ โดยไม่มีสิ่งใดตกถึงท้องอีก แม้แต่น้ำสักหนึ่งหยด ครั้นมาถึงที่อยู่นี้แล้ว หล่อนตั้งใจคอยดูว่าเมื่อไรเขาจะรับประทานอาหาร ก็ไม่เห็นเขารับประทานจนแล้วจนรอด หรือว่าเขารับประทานเมื่อหล่อนเข้านอนแล้ว หล่อนได้ยินเสียงเขาเดินกุกกักอยู่รอบ ๆ ห้อง ทั้งบนเรือนและรอบเรือน แต่ไม่ได้ยินเสียงที่สังเกตได้ว่า เขาลงนั่งรับประทานอาหารเลย
เสียงฝีเท้าคนสวมรองเท้าเดินขึ้นมาบนเรือน ใกล้เข้ามาทางห้องภรณี หญิงสาวหันหน้าจากหน้าต่าง กลั้นหายใจโดยไม่มีเจตนา แต่เมื่อเห็นตัวเจ้าของฝีเท้า สีหน้าของหล่อนก็เปลี่ยนไปและเปลี่ยนหนักขึ้น เมื่อเขาผู้นั้นเดินเข้ามาเกือบถึงกลางห้อง
“ต้องการอะไร นายนพ?” หล่อนถามโดยเร็ว เพื่อยุติการล่วงล้ำของเขาไว้เพียงนั้น
“เงินค่าโทรเลข”
“เท่าไหร่ ?”
เขาทำท่างง ภรณีจึงถามต่อ “โทรเลขกี่คำล่ะ ?”
“ไม่ทราบ”
ถึงคราวที่ภรณีออกงงบ้างแล้ว ภายหลังหล่อนจึงถาม
“ร่างโทรเลขอยู่ที่ไหนล่ะ ที่เขียนไว้จะไปส่งนะ ?”
“คุณกำลังเขียนอยู่”
“ก็รอให้เขียนแล้วเสียก่อนซิ”
“ขอเงินค่าหมูด้วย สองหน เมื่อวานเจ๊กเอามาส่งอีกหนหนึ่ง คุณไม่อยู่”
“เป็นเงินเท่าไหร่ ?”
“ไม่ทราบ”
ภรณีนึกฉิวชายผู้นี้จะมา ‘ท่าไหน’ ต่อหล่อน
“ใครเป็นคนรับหมูไว้ ?” หล่อนถาม
“นังเนียบ”
“ไปถามเขาสิหมูราคาเท่าไหร่”
เขาเหลือบตาขึ้นมองดูหล่อน ภรณียืดตัวขึ้นในท่าเตรียมสู้เต็มที่ แต่หล่อนก็เห็นได้ในทันทีนั้นว่าฝ่ายเขามิได้มีท่าทางท้าทายแต่อย่างใด หันกลับ และเดินออกไปจากห้องโดยดี ภรณีมองตามด้วยความสงสัย หน้าตาก็คมคาย ลักษณะก็ไม่ดูเป็นคนโง่ เหตุไฉนจึงมีแต่ความไม่ทราบมาแถลง จะคิดว่าเขาตั้งใจ ‘โย’ ก็มองไม่เห็นอาการเช่นนั้นอยู่ในท่วงที
ส่วนนายนพเมื่อลงจากเรือนไปแล้ว มีความรู้สึกไม่พอใจในหญิงสาว เขาทำงานอยู่กับคุณผู้ชายของเขาเกือบปีครึ่งแล้ว ไม่เคยรู้สึกว่าถูกซักถามจุกจิกเช่นนี้ เมื่อเขาขอเบิกเงินซื้อของ เขาได้รับคำถามแต่เพียงว่า ‘ซื้ออะไรมั่ง?’ แล้วก็จะได้รับเงินที่เกินราคาสิ่งของนั้นประมาณเท่าตัว ส่วนราคาอันแท้จริงของสิ่งของ เขาจะต้องแจ้งให้คุณผู้ชายทราบ ก็ต่อเมื่อการซื้อจ่ายสำเร็จเรียบร้อยแล้ว แม้เงินค่าหมูก็เหมือนกัน จีนผู้ขายหมูมาส่งไว้แก่นางเนียบ แล้วก็ไปขอรับเงินจากนายนพ ขอเท่าไรนายนพก็ให้เท่านั้น ไม่เคยต้องเสียเวลาเดินไปสอบถามแม่ครัว หรือบางทีนายนพออกไปทำงานไกลจากบ้านมากนัก จีนเจ้าหมูไม่รอรับเงิน วันหลังนายนพมีธุระจะไปที่อำเภอ ซึ่งหมายถึงว่าเขาจะต้องแวะไปที่ตลาดด้วย เขาก็นำเงินไปชำระค่าหมูเท่าที่ผู้ขายจะเรียกร้องเอา บัดนี้เมื่อคุณผู้ชายไปพาภรรยามาอยู่ด้วย นายนพจะต้องไปถามราคาหมูจากนางแม่ครัว เขานึกสงสัยว่าแม่ครัวก็น่าจะบอกจำนวนตรงไม่ถูกเสียละกระมัง อย่างดีที่สุดก็จะบอกได้แต่เพียงจำนวนที่กะเอาพอให้ใกล้เคียง
ในนาทีแรกที่นายนพเห็นภรณี เขามองเห็นว่าหล่อนเป็นคนสวย และด้วยเหตุที่เขาเป็นชาย เขารู้สึกหวังดีต่อหล่อนในทันทีนั้น แต่บัดนี้เขาออกจะไม่ชอบหน้าหล่อนเสียแล้ว
เมื่อเขากลับขึ้นมาบนเรือน พบภรณียืนคอยอยู่ที่หน้าห้อง เขาบอกแก่หล่อนว่า
“นังเนียบก็ไม่ทราบ แต่ผมเคยเอาไปให้ราว ๆ ๕ บาทเสมอ”
หล่อนพยักหน้า พร้อมกับพูดว่า “รอประเดี๋ยว”
หล่อนกลับเข้าในห้อง และเปิดประตูเลยเข้าไปยังห้องหนังสือ หล่อนนึกเดาวิธีจ่ายเงินของบันลือได้แล้ว และเชื่อว่าเดาถูกตามที่เป็นจริงด้วย บัดนี้มีปัญหาอยู่แต่เพียงว่าต่อไปหล่อนควรจะใช้วิธีของเขา หรือจะใช้วิธีใหม่ตามความเห็นชอบของหล่อน
เมื่อได้ให้เงินแก่นายนพไปแล้ว ภรณีกลับเข้าในห้องหนังสืออีก ด้วยความตั้งใจจะตรวจดูจำนวนเงินที่หล่อนได้รับมอบไว้ แต่เมื่อได้รับเงินเสร็จและจัดไว้ในลิ้นชักโดยเรียบร้อย แล้วเปิดบัญชีค่าแรงคนงานเพื่อเทียบกับตัวเงิน หล่อนเห็นความรกที่บนโต๊ะเป็นที่น่ารำคาญยิ่งนัก ก็ยืนนิ่งมองดูด้วยความปรารถนาที่จะแก้ความรกให้หมดไป คิดเกรงเขาผู้เป็นเจ้าของโต๊ะก็มาก เขาอาจจะไม่พอใจให้หล่อนแตะต้องสิ่งของที่เขาวางไว้เลยก็ได้ แต่เมื่อนึกถึงภาพแห่งตัวเขา รวมพร้อมทั้งร่างกายเครื่องนุ่งห่ม กิริยาที่เคลื่อนไหวตลอดจนถึงมารยาท ก็รู้สึกว่าเป็นภาพอันเข้ากันไม่ได้อย่างเด็ดขาด กับสภาพแห่งความเกะกะรุงรังที่เห็นอยู่บัดนี้ ดูกระดาษต่าง ๆ ที่รวมกันอยู่เป็นปึกในที่หนีบกระดาษบ้างในแฟ้มบ้าง พอจะเห็นได้ว่าถูกแบ่งไว้เป็นพวก ๆ เหมือนกัน แต่ต่างพวกต่างปนกันสับสน เป็นที่น่าสงสัยว่าเมื่อจะต้องการพวกใดพวกหนึ่ง จะมิต้องมีการรื้อกันอย่างกระจัดกระจาย และถ้าหากว่าจะต้องการใช้โต๊ะในงานที่ตรงกับชื่อของโต๊ะกระดาษต่างพวกเหล่านี้จะมิต้องซ้อนสุมกันเป็นตั้งสูงซึ่งจะทำให้ยากแก่การค้นหาในภายหลังยิ่งขึ้น ภรณีจับกระดาษแล้วก็วาง แล้วก็จับอีก ลังเล ไม่ตกลงใจว่าควรจะทำอย่างไรดี แล้วหล่อนสังเกตเห็นพื้นโต๊ะอันงามนั้นมีรอยไหม้เป็นทางยาวหลายแห่ง พิเคราะห์ดูว่าเป็นรอยไฟบุหรี่ และบนโต๊ะนี้ไม่มีที่เขี่ยเถ้าบุหรี่วางอยู่เลย น่าขันเจ้าของโต๊ะ เพียงแต่จะหาความสะดวกให้ตัวเองในเรื่องง่าย ๆ เช่นนี้ ก็ไม่คิดที่จะหา แต่เมื่อนึกไปอีกทีหนึ่ง จิตราได้เคยบอกแก่ภรณีว่าบันลือไม่ติดเครื่องเสพติดอย่างใดเลย การที่เขาปล่อยให้ไฟบุหรี่ไหม้โต๊ะ เห็นจะเป็นด้วยนาน ๆ จึงจะสูบบุหรี่ครั้งหนึ่ง เป็นเหตุให้มีความเลินเล่อในเรื่องนี้
ละจากกระดาษตรวจดูหนังสือทั่ว ๆ ไป ส่วนมากที่สุดมีชื่อเรื่องแสดงไปในทางประวัติศาสตร์และการกสิกรรม นอกจากนั้นก็เป็นหนังสือเบ็ดเตล็ดเกือบทุกชนิดตั้งแต่หลักธรรมในศาสนาต่าง ๆ จิตวิทยา ปรัชญา จนกระทั่งหนังสือบันเทิงคดีชนิดต่าง ๆ บางเล่มมีรอยฝุ่นจับจนหนา แสดงว่ามิได้ถูกมือจับต้องมานาน บางเล่มมีรอยมือซ้อนรอยฝุ่นเป็นแห่ง ๆ หนังสือปกแข็ง ๔ เล่ม ตัวอักษรโรมัน ชื่อเรื่องแสดงถึงพุทธประวัติและหลักธรรมแห่งพุทธศาสนา ทำให้ภรณีรู้สึกทึ่งเป็นพิเศษ นอกจากนี้มีหนังสือใหม่และงาม ตัวอักษรไทยอีก ๓ เล่ม ซึ่งทำให้ภรณีใฝ่ใจมากเหมือนกัน เพราะนามแห่งบุคคลผู้แต่งหนังสือนี้ เป็นนามเดียวกับผู้แต่งหนังสือสองเรื่องที่จิตราได้เคยให้ภรณียืมอ่าน จิตราเล่าว่าเจริญชอบเรื่องที่บุคคลคนนี้แต่ง และจิตราก็เห็นด้วยแต่ภรณีไม่ชอบหนังสือชนิดนั้น หล่อนกล่าวแก่จิตราว่าอ่านแล้วทำให้เกิดความรู้สึกว่าโลกนี้เป็นที่สกปรกหาความดีมิได้ ถ้ายิ่งอ่านมากเล่มเข้า น่าจะทำให้เกิดความรู้สึกอยากทำลายชีวิตตัวเอง
หล่อนตัดสินใจแน่วแน่ ผิดชอบอย่างไรก็ตามหล่อนจะทำห้องหนังสือนี้ให้เรียบร้อยขึ้นจนได้ แท้จริงนั้นหล่อนไม่มีอำนาจที่จะบังคับตัวเองให้อยู่นิ่ง ประสาททุกส่วนของหล่อนกระตุ้นให้หล่อนต้องเคลื่อนไหว ให้ใช้ความเพ่งเล็งไปในทางใดทางหนึ่ง และหล่อนต้องการใช้ความเพ่งเล็งไปในทางประกอบการงานให้เป็นล่ำเป็นสัน มิใช่เพ่งเล็งไปในทางคิดถึงตัวอันจะเป็นเหตุให้หล่อนเศร้าหมองกลัดกลุ่มและท้อใจ คิดถึงตัว! ข้อนี้เป็นข้อที่หล่อนจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงโดยเด็ดขาด มิฉะนั้นความเห็นผิดเป็นชอบจะเกิดขึ้นแก่หล่อนจะชักจูงให้หล่อนเดินเข้าสู่ทางอันเป็นภัยแก่ตัวโดยเร็ว
ด้วยการบังคับตัวบังคับใจในลักษณะดังกล่าวนี้ตอนต้นแห่งวันอันแปลกอันใหม่สำหรับภรณีค่อย ๆ ล่วงไป บันลือมาพบภรณีในขณะที่หล่อนกำลังปัดฝุ่นละอองตามหนังสือ และทำบัญชีหนังสือเป็นหมวด ๆ ตามชนิดของเรื่อง ทั้งสองฝ่ายทำอาการเหมือนไม่เห็นกัน บันลือผ่านห้องหนังสือเข้าไปล้างมือในห้องน้ำ แล้วก็ลงบันไดห้องน้ำเลยไปขึ้นทางหน้าเรือน ต่อจากนั้นไม่ช้าก็มีผู้มาเรียกภรณีรับประทานอาหารกลางวัน
อาหารมื้อนี้ทำให้ภรณีพิศวงถึงนิสัยและจิตใจของเจ้าของบ้าน อาหารประกอบด้วยนกและหมู ทั้งแกงทั้งผัดล้วนแต่มีรสชืด ๆ ขื่น ๆ ปร่า ๆ และมีสิ่งชวนให้คิดถึงความสกปรกมากกว่าชวนกิน แต่บันลือมิได้บ่นมิได้ติเตียน หรือแม้แต่ทัก เป็นเครื่องแสดงความรู้สึกของเขาในรส และลักษณะแห่งอาหารแต่สักคำเดียว
หลังจากอาหารกลางวัน บันลือก็หายไปจากเรือนอีก ราว ๑๗ นาฬิกาจึงกลับมาอาบน้ำและรับประทานของว่าง ภรณีสังเกตเห็นว่าเขารับประทานมาก ถ้าจะเปรียบกับอาหารกลางวัน ก็ดูเหมือนว่าอาหารว่างเป็นมื้อสำหรับเขายิ่งกว่ามื้ออื่น ต่อจากนั้นเขาลงไปพูดเล่นอยู่กับลูกของเขาที่หน้าเรือน แล้วนายนพกับนายคิดก็มายืนพูดอยู่ด้วยจนพลบค่ำ นายคิดกับนายนพหายไป บันลือกลับขึ้นเรือนเรียกให้นายถีนำตะเกียงเข้าไปในห้องหนังสือ
ตลอดเวลาที่รู้ว่าเขาอยู่ในห้องนั้น ภรณีหวั่นหวาดวาบหวำในใจ หล่อนได้ย้ายที่หนังสือของเขาเสียสิ้น เว้นแต่เล่มที่หล่อนเห็นมีรอยพับหรือรอยคั่น ซึ่งหล่อนได้เดาเอาว่าเป็นเล่มที่เขาอ่านค้างอยู่ หล่อนได้ทำแผนที่แสดงที่วางหนังสือภายในตู้ตามบัญชีชื่อเรื่อง สอดไว้ในระหว่างแถวหนังสือกับบานตู้ซึ่งเป็นกระจกด้วย เพื่อสะดวกแก่การหยิบเล่มที่ต้องการ หล่อนพยายามจะไม่ถามตัวเองว่าเขามีความรู้สึกต่อการกระทำของหล่อนไปในสถานใด แต่ยิ่งห้ามความอยากรู้ก็ยิ่งเกิด เป็นเหตุให้หล่อนตั้งความคาดคะเนไปต่าง ๆ นานา
อาหารมื้อค่ำเป็นอาหารอย่างเดียวกับมื้อกลางวัน ไม่มีสิ่งที่แปลกที่ใหม่แม้แต่สักสิ่งเดียว ภรณีสังเกตเห็นว่าบันลือรับประทานน้อยมาก แต่เขามิได้ปริปากวิจารณ์เรื่องรสอาหารอยู่ นั่นเอง หล่อนนึกถึงคำของนางพวงที่ปรารภแก่หล่อนเมื่อตอนใกล้ค่ำ นางพวงบ่นว่า “คุณไปเอาอีแม่ครัวเถื่อนมาจากไหน น้ำแกงเหมือนกับน้ำล้างชาม ข้าวจะหุงมันก็ไม่ซาวน้ำเสียก่อน ดิฉันกลืนไม่ลงทั้งข้าวทั้งกับ ไม่รู้ว่าคุณเธอรับประทานเข้าไปยังไงได้” นี่เป็นข้อพิสูจน์ว่าอาหารทั้งสองมื้อนั้นเลวจริง มิใช่ภรณีมีอุปาทานหรือคิดไปเอง
ในระหว่างการรับประทาน มีหญิงชายที่ภรณียังมิได้เห็นในตอนกลางวัน พากันมายืนตามบันไดและตามริม ๆ เรือนเป็นจำนวนหลายคน บันลือรับประทานพลางปราศรัยพูดเล่นอยู่กับเขาเหล่านั้นอยู่ตลอดเวลา จนเกือบจะว่าได้ว่าเขาไม่ได้มองมาดูผู้ที่ร่วมโต๊ะกับเขาเลย ภาษาที่เขาและชาวพื้นเมืองพูดกันเป็นภาษาที่แปลกหูสำหรับภรณี หล่อนเกือบจะเข้าใจไม่ได้เลยว่าเขาพูดถึงเรื่องอะไรกันบ้าง โดยประการฉะนี้หล่อนถือโอกาสลอบมองดูหน้าบันลือโดยถนัดหลายครั้งด้วย ยังพะวงอยากรู้ถึงความเห็นของเขาในส่วนงานที่หล่อนจัดทำไป แต่มองดูอยู่เท่าไรก็ไม่เห็นร่องรอยความคิดของเขาที่จะเกี่ยวมาถึงตัวหล่อน ในท้ายที่สุดภรณีตัดสินว่าการกระทำของหล่อนเห็นจะอยู่ในลักษณะเสมอตัว ก็ดีแล้วเมื่อเขาไม่นึกที่จะติหรือจะชมสิ่งที่หล่อนทำ วันหน้าหล่อนจะทำสิ่งอื่นอีกตามความพอใจของหล่อน
เช่นเดียวกับเมื่อตอนกลางวัน พอลุกจากโต๊ะบันลือก็หายไปจากเรือน ชายและหญิงซึ่งภรณีขนานนามไว้ในใจว่าบริวารของเขา พากันเดินตามเขาไปบ้าง หรือคุยกันตามความพอใจของเขาบ้าง ลงนอนอย่างเกียจคร้านแกมสบายบ้าง เด็กชายก้องกับเด็กหญิงป่องได้เล่นมากเที่ยวมากเกือบตลอดวันก็ง่วงแต่หัวค่ำ และออดอ้อนให้ภรณีไปเข้ามุ้งด้วย หญิงสาวทำตามใจเด็กด้วยความยินดี ยิ่งกว่านั้นหล่อนขอบใจเด็กเป็นอย่างมาก ในข้อที่ใฝ่ใจใกล้ชิดพัวพันอยู่กับหล่อนเกือบทุกครู่ทุกยามเป็นเครื่องหน่วงเหนี่ยวความคิดของหล่อนให้เกาะเกี่ยวอยู่ที่เขาทั้งสอง จนไม่มีเวลาที่จะฟุ้งซ่านไปในทางอื่น
ครั้นแล้วก็ถึงเวลาที่ภรณี กลับมาสู่ห้องส่วนตัวของหล่อน เพื่อพักผ่อนในเวลากลางคืน เมื่อเข้ามุ้งแล้วหล่อนเหยียดตัวเต็มส่วนแห่งความยาวของร่างกาย พลางนึกเทียบความกว้างแห่งที่นอนกับส่วนกว้างแห่งร่างกายของตนเอง ริมที่นอนทั้งสองข้างยังอยู่ห่างจากปลายแขนไปไกล ทั้งที่หล่อนได้กางแขนออกเป็นเส้นตรงทั้งสองแขนและเพดานมุ้งซึ่งขาวโพลงอยู่ในความสว่างสลัว ๆ แห่งแสงเดือนนั้นก็น่าจะสูงพ้นศีรษะไปมาก แม้ในเวลาที่หล่อนยืนบนเตียง หมอนหนุนศีรษะมีถึงสองคู่ หมอนข้างสองใบ ผ้าห่มสองผืน ภรณีไม่เข้าใจว่าเหตุไรตนจึงได้รับความบำเรอด้วยเครื่องใช้ในที่นอนถึงเพียงนี้นึกถึงที่ ๆ ตนนอนเมื่อคืนที่แล้ว หล่อนได้ไปนอนให้นางพวงกรนกรอกหูโดยไม่มีความจำเป็นอย่างใดเลย เนื่องจากที่เด็กหญิงป่องกับเด็กชายก้องหลับสนิทในระหว่างที่เดินทางมา ครั้นถึงที่พักแล้วไม่มีที่นอนและมุ้งอันเตรียมพร้อมสำหรับให้เด็กนอนได้ในทันที นางพวงกับภรณีจึงจัดให้เด็กนอนบนเตียงที่ภรณีนอนอยู่บัดนี้ ครั้นแล้วเมื่อถึงเวลาที่ภรณีจะนอนบ้าง หล่อนไม่อยากรบกวนเด็กด้วยการย้ายเด็กจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง จึงไปนอนแทนเด็กที่ในมุ้งเดียวกับนางพวง แต่แท้จริงอย่าว่าแต่เด็กเล็กขนาดเด็กชายก้อง และเด็กหญิงป่องจะกินที่บนเตียงหมดถึงกับไม่มีเหลือให้ภรณีนอน ถึงแม้ผู้ใหญ่มีขนาดตัวเท่าภรณีเองสักสองคน มานอนแทนเด็กก็ยังจะมีที่สำหรับให้ภรณีนอนด้วยได้โดยไม่ต้องเบียดกัน
หล่อนหาวครั้งหนึ่ง แล้วปล่อยตัวในท่าสบาย เสียงดนตรีชนิดหนึ่งดังอยู่เรื่อย ๆ อยู่ครู่ใหญ่แล้ว หล่อนจะใช้เครื่องกล่อมใจให้หลับไปโดยเร็ว แต่แล้วก็เกิดนึกสงสัยว่าใครหนอเป็นผู้ดีดออร์แกนเป็นเพลงพอฟังได้อยู่ในบัดนี้ ภรณีไม่มีความรู้ในทางดนตรีไทย แต่ด้วยความเคยชิน หล่อนพอจะบอกแก่ตัวเองได้ว่า เพลงที่กำลังนั่งอยู่นั้น ทำนองเป็นเพลงไทยเหนือ หล่อนหาวอีก แล้วพลิกตัวเปลี่ยนท่าใหม่เพื่อหาความสบายให้ยิ่งขึ้นทำใจให้กลมกลืนกับเสียงเพลง เตรียมคอยความง่วงที่จะบันดาลให้หลับ แต่ใจก็ดี ความง่วงก็ดี มิได้อยู่ในอำนาจแห่งความปรารถนาของหล่อน ส่วนหูได้ยินเพลงก็ได้ยินไป ส่วนใจแม้จะราบเรียบไปตามเสียงเพลงบางครูบางขณะ ก็ยังมีความคิดคำนึงถึงสิ่งที่อยู่ในความจำมาแทรกแซงสลับกับเสียงเพลงด้วย