๑๓

ดูกรคฤหบดี บุตร ภรรยาเป็นทิศเบื้องหลัง สามีพึงบำรุงด้วยสถาน ๕ อย่าง คือ ด้วยความยกย่องนับถือ ๑ ด้วยความไม่ดูหมิ่น ๑ ด้วยความไม่ประพฤตินอกใจ ๑ ด้วยการมอบความเป็นใหญ่ให้ ๑ ด้วยการเพิ่มให้ซึ่งเครื่องประดับเนือง ๆ

 

“๒ ข้าวหลามตัด”

“ผ่าน”

“ผ่าน”

จิตรามองดูคู่มือของหล่อน กระแอมเบา ๆ อยู่ในคอ

“๒ โพแดง” คนที่สี่กล่าว

จิตรามองดูไพ่ในมือ แล้วมองดูคู่มือของหล่อนอีก เขาหมายความว่ากระไรในการที่บอก ‘ผ่าน’ ไปอย่างหน้าตาเฉย ในมือหล่อนได้ ‘ขึ้น’ ถึง ‘๒’ ในการ ‘เรียก’ ครั้งที่ ๑

“๒ โพดำ” หล่อนกล่าว

“๓ โพแดง” ผู้ที่อยู่ถัดไปประมูล

“ผ่าน” บันลือกล่าวอีก

จิตราร้อง ‘เอ๊ะ’ ออกมาครึ่งคำ แล้วก็ยั้งไว้ทัน แต่ขยับตัวไปมาด้วยความอึดอัดใจ

โดยปกติหล่อนเคยไว้ใจในวิธีที่บันลือ ‘เรียกไพ่’ หรือ ‘ขึ้นไพ่’ เสมอ แต่ระหว่างชั่วโมงเศษ ๆ มานี้ ปรากฏว่าเขากับหล่อนไม่มีความเข้าใจในกันและกันเสียเลย

ฝ่ายคู่แข่งขันซึ่งทำหน้าที่ลงคะแนนด้วย มองดูตัวเลขนหน้าสมุดเล่มน้อย แล้วกล่าวอย่างพอใจ ‘ผ่าน’

จิตราลังเล ไพ่ในมือหล่อนงามมาก ข้าวหลามตัดเป็นชุดยาวและมีโพดำแต้มสูงถึง ๔ ตัว แต่บันลือมิได้ให้ความสว่างเป็นการช่วยเหลือหล่อนเสียเลย มุมานะด้วยความทิษฐิ ดีแล้ว ! เมื่อเขาอยากจะทำตัวให้เป็นคู่มือที่เหลวไหลหล่อนจะ ‘ขึ้น’ ไปตามใจของหล่อนแต่ผู้เดียว

“๓ โพดำ” หล่อนกล่าวเกือบเป็นเสียงกระแทก

“๔ โพแดง”

“ลิตเติล สแลม โน ทรัมพ์”

ฝ่ายคู่แข่งขันหันไปดูเขา พร้อมกับหัวเราะด้วยความประหลาดใจ จิตราร้องขึ้นด้วยยั้งปากไว้ไม่ทัน

“ตาย อะไรกัน !”

“พึ่งตื่นขึ้นมารึ ?” นายพะเนียงคู่แข่งขันคนหนึ่งกล่าว “ผมยอมแพ้คุณ— ผ่าน”

“ฉันก็ผ่านเหมือนกัน ใครจะไปพูดอะไรถูก” จิตราว่า หน้าแดงด้วยความที่นึกฉิวเป็นกำลัง

“ผ่านค่ะ” เกสรคู่มือของพะเนียงกล่าว

บันลือคว่ำไฟในมือลงไว้บนโต๊ะ แล้วคว้าหาบุหรี่ เมื่อได้แล้วกำลังขีดไม้ขีดไฟ เห็นคู่แข่งขันทิ้งไพ่ตัวแรก เขาพูดว่า

“รู้สึกว่าไพ่ขาดหรือยังไงไม่รู้ แบลงมา คุณจิตราให้ผมดูถี คุณมีอะไรบ้าง ?”

จิตราจัดไพ่วางบนโต๊ะอย่างเร่งรีบ ใจเต้นด้วยความที่อยากเห็นไพ่ในมือบันลือ เมื่อวางไพ่ลงหมดแล้ว หล่อนลุกไปยืนอยู่เบื้องหลังเขา ทันใดนั้นหล่อนกำมือเงื้อขึ้น และพูดว่า “นี่ ขอทุบที” กำปั้นของหล่อนลงไปที่บ่าของเขาโดยแรง “เป็นครั้งแรกที่ฉันทำร้ายร่างกายเธอ มีอย่างรึ หลับอยู่ได้! นี่ถ้าฉันไม่เกิดบ้าดันทุรังไปคนเดียว ก็เสียรับเบ้อร์เปล่า ๆ”

บันลือไม่แสดงอาการสะดุ้งสะเทือนในการที่ถูกทุบ ทั้งไม่โต้ตอบว่ากระไร อมยิ้ม สูบบุหรี่พ่นควันโขมงมองดูไพ่ของคู่มือ จิตรายืนดูเขา ‘เรียก’ ไพ่อยู่ ๒–๓ รอบแล้ว แต่ก็เดินห่างไปจากเขา และแวะนั่งลงบนเก้าอี้คู่ ตัวที่สามีของหล่อนนั่งอยู่

เขาผู้นี้กำลังอ่านหนังสืออย่างเพลิดเพลิน หล่อนฉวยหนังสือมาเสียจากมือเขา พร้อมกับหัวเราะและว่า

“สมาธิดีจริง ภรรยาโมโหจะฆ่าเพื่อนเสียแล้ว ยังไม่เหลียวแล”

“ไม่สำคัญ” เจริญตอบ “อย่าให้เพื่อนฆ่าภรรยาก็แล้วกัน” พยายามจะแย่งหนังสือกลับคืน “เล่นไพ่อยู่ดี ๆ แล้วมากวนทำไมนี่”

“โมโหบันลือ” หล่อนว่าแล้วหัวเราะคิก ๆ

“โธ่ !” บันลือส่งเสียงตอบมา “ทุบเอาดังตุ้บเบ้อเร่อ แล้วยังไม่หายโกรธอีก—มา คุณเกสร ปล่อยนางควีนของคุณออกมา”

จิตราเบือนหน้าไปทางวงการเล่น เมื่อเกสรทิ้งไพ่ แล้วหล่อนก็ถาม “ได้ยายควีนไหมบันลือ ?”

“ได้” เป็นคำตอบสั้น ๆ

ส่วนเจริญดึงหนังสือจากมือภรรยาได้แล้ว ก็พลิกหาหน้าที่อ่านค้างอยู่พลางบ่นพึมพำ “เกะกะจริงเทียว เห็นเล่นเพลินดีอยู่แล้ว คิดว่าจะหาความสบายสักหน่อยเท่านี้แหละ”

“โถ ฉันอยากให้เธอสบายยิ่งขึ้น เอาวิศกี้อีกไหม ?”

เจริญแลไปดูถ้วยเปล่าที่วางอยู่ข้างตัว แล้วตอบว่า “ดีเหมือนกัน”

จิตราจึงลุกขึ้นไปผสมวิศกี้โซดา แล้วนำมาส่งให้ต่อมือเขา

“วางไว้” เจริญบอก

“เธอยังไม่ได้ขอบใจฉันนี่” ภรรยาของเขาตอบ

“ขอบใจ กลับไปที่ของเธอไป ยุ่งจริงเทียว”

จิตราหายจากความอึดอัดใจ เพราะเหตุที่โกรธบันลือ แล้วก็กลับไปยังที่ของหล่อน พอดีกับบันลือทิ้งไพ่ ๔ ใบสุดท้ายลงบนโต๊ะ แสดงความแน่ว่า ‘ทริค’ สุดท้ายทั้ง ๔ ‘ทริค’ จะเป็นของเขาทั้งสิ้น

เที่ยวใหม่นี้เกสรจะต้องเป็นผู้แจก จิตราตัดไพ่แล้ว ก็ลุกขึ้นไปรินวิศกี้โซดาเติมลงในถ้วยของบันลือ และถ้วยของพะเนียง เมื่อยืนอยู่ข้างคู่มือของหล่อน จิตรากล่าวว่า “อย่าหลับอีกนะ บันลือ ไหว้ละ”

เขาหันมามองดูถ้วยแก้ว ซึ่งจิตรากำลังทำให้เต็มขึ้นด้วยน้ำสีเหลืองแก่ แล้วเงยหน้าขึ้นยิ้มกับหล่อน พร้อมกับพูดว่า

“ขอบพระคุณอย่างยิ่ง ขอรับ”

การเล่นนี้ได้เริ่มต้นมาประมาณเกือบ ๓ ชั่วโมงแล้ว ในเดือนหนึ่งประมาณ ๒ หรือ ๓ ครั้ง บางทีถึง ๔ ครั้ง จิตรามักจะมีแขก ซึ่งนับว่าเป็นเพื่อนค่อนข้างสนิทกับหล่อนและสามีของหล่อนมารับประทานอาหารและเล่นไพ่ด้วยกัน หรือมิฉะนั้นจิตรากับสามีก็เป็นฝ่ายไปสู่บ้านเพื่อน เจริญพอใจให้มีแขกมาที่บ้านของตน มากกว่าพอใจไปเป็นแขกที่บ้านอื่น เพราะเขาต้องการหาความสบายมากกว่าที่จะใฝ่ใจหาความสนุก เมื่อมีแขกมาที่บ้าน เขาต้องช่วยจิตราทำหน้าที่รับแขกในชั่วเวลาอันสั้น คือระหว่างก่อนเวลารับประทานอาหารจนถึงเวลาเล่นไพ่ ต่อจากนี้ไปเขามักจะได้นั่งอย่างสบายกับเพื่อนที่ ‘เหลือ’ จากเป็นขาไพ่ หรือมิฉะนั้นก็นั่งอย่างสบายกับหนังสือเล่มหนึ่ง ดังเช่นคืนวันนี้ ยิ่งกว่านั้น บางที เมื่อขาไพ่เป็นบุคคลชุดที่สนิทสนมกับเขามาก เขาเคยหลบขึ้นห้องนอนแล้วเลยหลับสบายไปจนเช้าก็มี แต่ในเวลาที่ตัวเขาเป็นแขกอยู่ในบ้านเพื่อน ถึงแม้จะเป็นเพื่อนที่คุ้นเคยกันมากเพียงไร เขาก็ยังต้องรักษากิริยาของผู้เป็นแขก ถึงแม้จะเบื่อ จะเกียจคร้าน จะง่วงนอนก็ไม่อาจจะแสดงกิริยาให้ปรากฏแก่เจ้าของบ้าน ข้อร้ายที่สุดอีกข้อหนึ่งคือ เมื่ออยู่ในฐานะเป็นแขก เขามักจะเลี่ยงจากการเป็นขาไพ่คนหนึ่งไม่พ้น และในน้ำใสใจจริงของเจริญนั้น เขาไม่ชอบเล่นไพ่ชนิดใดนอกจากไฟไทยแต่อย่างเดียว

อย่างไรก็ตาม ในเรื่องนี้เจริญถือความพอใจแห่งภรรยาของเขาเป็นใหญ่ ในการเที่ยวเตร่ก็ดี การสมาคมก็ดี จิตราต้องการให้สามีของหล่อนร่วมกับหล่อนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันทุกโอกาส เจริญเห็นว่าความต้องการเช่นนี้ไม่เป็นสิ่งเหลือบ่ากว่าแรงที่เขาจะทำให้แก่หล่อนได้ เขารู้ว่าหญิงที่เคยแก่การสมาคมเช่นจิตรา จะกลายเป็นหญิงที่อยู่เหย้าเฝ้าเรือน และพอใจในการเฝ้าปรนนิบัติสามีกับลูก แต่ส่วนเดียวโดยเด็ดขาดหาได้ไม่ เมื่อหล่อนมีความสุขในการคบหาสมาคมกับเพื่อนฝูง และความสุขเช่นนี้มิได้ทำความเสื่อมหรือความเดือดร้อน ให้แก่ผู้หนึ่งผู้ใด เขาเห็นเป็นการสมควรที่จะอนุโลมตามหล่อน ถึงแม้ว่าความสุขเช่นนี้จะเป็นการเปลืองทรัพย์โดยไม่จำเป็นแก่การครองชีพ เขาถือเสียว่าบุคคลทุกคนมีสิทธิที่จะซื้อหาความสุขให้แก่ตน เท่าที่กำลังทรัพย์ของตนจะอำนวย และกำลังทรัพย์นี้จิตราไม่ขาดแคลน รายได้ทั้งหมดของสามีที่เขานำมามอบให้แก่หล่อนทุก ๆ เดือนนั้น เพียงพอแก่การครองชีพอย่างสะดวกสบายภายในครอบครัวของเขา นอกจากนี้จิตรายังมีรายได้ส่วนตัวของหล่อนอีกไม่น้อย

เมื่อใกล้เวลาที่สามีภรรยาคู่นี้จะได้บุตรคนแรก เขาปรึกษากันจะตัดรายจ่ายที่ฟุ่มเฟือยลงให้สิ้น เพื่อสงวนไว้ใช้ในในการเลี้ยงดู และให้การศึกษาแก่เด็กที่จะเกิดใหม่ “ถ้าเผื่อเราไม่มีแขกมากินข้าวด้วย เดือนหนึ่งเราจะทุ่นไปหลายบาท” จิตรากล่าว “วันไหนเหงา เบื่อเต็มแก่ เราก็ไปดูหนังดูละครกันสองคนก็แล้วกัน”

เผอิญในปีนั้นเอง เมื่อบุตรของเขาทั้งสองเกิดแล้วได้ ๒–๓ สัปดาห์ หมอยังไม่อนุญาตให้จิตราได้รับความกระเทือน เจริญก็ได้เงินเดือนขึ้นเป็นจำนวนใกล้เคียงกับส่วนของรายจ่ายที่นับเนื่องในทางฟุ่มเฟือย สามีภรรยาก็ตกลงกันว่าเขาทั้งสองไม่มีความจำเป็นที่จะตัดรายจ่ายส่วนใดแล้ว

วันนี้จิตราเชิญแขกไว้ ๒ คู่ แต่คู่หนึ่งสามีเป็นนายแพทย์ ถูกเรียกไปรักษาไข้โดยปัจจุบันทันด่วน ภรรยาของเขาเป็นหญิงที่มีมติคล้ายคลึงกับจิตรา คือไม่ชอบไปหาความสำราญนอกบ้านโดยปราศจากสามี จึงโทรศัพท์บอกจิตราถึงความจำเป็นที่หล่อนมาตามนัดไม่ได้ ในระหว่างรับประทานอาหาร เจริญกำลังเบื่อในข้อที่ตัวจะต้องเป็นขาไพ่ แทนผู้ที่ขาดไป บันลือก็เผอิญมาถึง

ไม่ต้องสงสัยว่าจิตรากับเจริญจะไม่ต้อนรับชายหนุ่มผู้นี้ด้วยความยินดี ในตอนแรก บันลือกล่าวคำขอโทษและปฏิเสธที่จะรับประทานอาหาร อ้างว่าเขาตั้งใจแต่เพียงจะมาเยี่ยมเยียนและสนทนากับเจ้าของบ้านชั่วครู่เดียว เจริญกล่าวว่าบันลือเล่นตัว จิตราพ้อว่า “๒ ปีแล้วนะ เธอรู้ไหม เธอไม่ได้มากินมาเล่นกับฉันเหมือนแต่ก่อนเลย” แล้วจับตัวเขาให้นั่งลงที่โต๊ะโดยไม่แยแสต่อการเบี่ยงบ่ายของเขา ในที่สุดบันลือก็พ่ายแพ้ต่อคำวิงวอนและคำตัดพ้อของเพื่อนทั้งสอง เขาได้รับประทานอาหาร แล้วก็รับชวนเล่นไพ่ด้วย

เมื่อจบรับเบอร์หลัง เวลาล่วงไปเกือบถึง ๑.๐๐ นาฬิกา ทุกคนพากันแสดงความประหลาดใจ เมื่อรู้ว่าเป็นเวลาดึกถึงเพียงนั้น ขณะที่พะเนียงรวมคะแนนเพื่อดูว่าฝ่ายใดแพ้ฝ่ายใดชนะ เกสรหาวแล้วหาวอีก บันลือลุกขึ้นสวมเสื้อชั้นนอก ทำทีดังจะรีบกลับบ้านในทันที แม้แต่จะทนรอดูผลสุดท้ายของการเล่นก็จะช้าไป จิตรา ‘อุทธรณ์’ “ของว่างของฉันจะเก้อ วันนี้ฉันมีแซนด์วิชตับห่านเลี้ยง” เกสรแก้ว่าอาหารชนิดนั้นไม่เสียง่าย ๆ จะใช้ประโยชน์ได้อีกในวันพรุ่งนี้ พะเนียงกับเกสรก็บอกลา

จิตรากับเจริญไปส่งสามีภรรรยาคู่นี้ที่รถ โดยไม่ทันสังเกตว่า บันลือมิได้ตามออกมาด้วย ครั้นส่งแขกไปแล้วนึกขึ้นได้ว่าบันลือหายไป แล้วคาดว่าเขาคงจะไม่หายอยู่นานนัก ก็เดินเตร่อยู่ที่หน้าตึก คอย ๆ บันลือก็ยังไม่ออกมา เกิดความสงสัยอยากรู้ว่าเขาทำอะไรอยู่ จึงชวนกันกลับไปที่ห้องนั่งเล่น

เห็นบันลือนั่งสบายอยู่บนเก้าอี้นวมใหญ่ มือถือหนังสือ เสื้อชั้นนอกพาดอยู่บนหน้าเก้าอี้ตัวเดียวกับที่เขานั่ง สามีภรรยาร้องเอ๊ะ ! ด้วยความพิศวง แล้วจิตราถามไปทันที

“นั่นทำอะไรนั่นน่ะ ?”

“อ่าน เยนอ๊อสติน” เขาตอบ แล้วก็หัวเราะ แล้วถาม “ใครอ่านอยู่ เห็นมีรอยคั่น—ไพรด์แอนด์เพรจุดิ๊ส!

“ฉันเองแหละ” จิตราตอบ เดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา “ทำไมอยากอ่านมั่งหรือ รออีกสัก ๒ วันซี ฉันยังอ่านค้างอยู่ จบแล้วจะส่งไปให้”

บันลือหัวเราะอย่างเห็นขันเป็นที่สุด ปิดหนังสือวางไว้ข้างตัวแล้วเงยหน้าขึ้นถาม “คุณจิตราว่าจะเลี้ยงสัปเปอร์ไม่ใช่หรือ”

เจ้าของบ้านสาวอุทานด้วยความประหลาดใจว่า “ก็ไหนว่าไม่กินจะรีบไป ง่วงนอนจะตายยังไงล่ะ”

“ผมไม่ได้บอกสักทีว่าผมไม่กิน แต่ผมไม่อยากให้คนอื่นกินด้วย”

เจริญมองดูผู้พูดด้วยความประหลาดใจ หัวเราะด้วยอดขันคำพูดอย่างตรงไปตรงมานั้นไม่ได้ จิตราร้องว่า

“ดู ตายจริง นี่ไปติดโรคใจแคบอย่างนี้มาจากไหน”

“ความจำเป็น เป็นกฎหมาย ขอรับ” บันลือตอบ “โธ่ ทนอัดใจมากี่ชั่วโมงนี่ ตั้งแต่ทุ่มกว่า ๆ จนตี ๑ ดูถี ๖ ชั่วโมง ผมอยากพูดอะไรกับคุณสักคำเดียวเท่านั้น ไม่ได้โอกาสสักที เล่นเสียครึ่งคืน ถ้าจะให้รอไปอีกจนคุณเกสรหน้าวัวแกกินสัปเปอร์เสร็จผมก็ตายกันเท่านั้น”

เจริญหัวเราะออกมาด้วยเสียงอันดัง เขาเคยนึกหามานานแล้วว่า ลักษณะของเกสรเหมาะที่จะเป็นเกสรของดอกไม้ชนิดไหน และนึกหาทุกคราวที่เขาได้พบหล่อน เพราะเกสรเป็นหญิงที่มีรูปร่างดี และเค้าหน้าก็พอดูได้ แต่หล่อนผอมมากและกิริยาท่าทางรวมทั้งอิริยาบถที่เคลื่อนไหว มีอาการแข็งๆ อย่างอธิบายยากปรากฏอยู่ด้วยเสมอ

จิตราเองก็อดขันไม่ได้ แต่เห็นว่าเป็นหน้าที่ ๆ หล่อน ๆ ต้องออกรับแทนเพื่อนร่วมเพศ เมื่อผู้ต่างเพศมาพูดเช่นนี้จึงว่า

“อะไรกันนะ เกสรหน้าวัว! ค่อนเขา พอเขาคล้อยตัวเท่านั้นแหละ ฉวยโอกาสนินทา !” หล่อนทำท่าจะนั่ง แต่แล้วก็ชะงัก พูดว่า “ลืมไปยังไม่ได้สั่งของกิน เดี๋ยวเด็กมันหนีนอนหมด” แล้วหล่อนเดินไปทางประตูด้านหลัง เจริญกำลังในวิศกี้ใส่ในถ้วยของเขาเอง แล้วหาถ้วยสะอาดเพื่อจะรินให้บันลือด้วย แต่โซดาที่วางอยู่ขวดหนึ่งนั้นชืดเสียแล้ว เขาหันไปมองดูประตูเพื่อจะตะโกนบอกภรรยา แต่เมื่อจิตรากลับมาถึงประตูนั้นหล่อนถือขวดโซดามาด้วยแล้ว

เจริญรีบเดินไปรับของต้องการจากมือภรรยา ถือถ้วยแก้วทั้งสองใบติดมือมาด้วย แล้ววางลงบนโต๊ะตรงหน้าเพื่อน หันกลับไปหยิบขวดวิศกี้มาวางไว้อีก บันลือกล่าวคำขอบใจ แล้วก็ลุกขึ้นเดินบ้างโดยไม่มีเจตนา จิตราผู้ซึ่งได้นั่งลงแล้วกำลังรับจานแซนด์วิชและกระเช้าเงินใส่ผลไม้จากมือคนใช้ จัดวางไว้บนโต๊ะมองเห็นขากางเกงที่สะบัดไปสะบัดมาอยู่ตรงหน้า หล่อนก็เงยหน้าขึ้นพูด “กางเกงเธอสีสวยจริงบันลือ เพิ่งเห็นเดี๋ยวนี้เอง”

เขาก้าวหน้าไป ๒–๓ ก้าว เมื่อจะนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ใกล้โต๊ะ เขาดึงขากางเกงขึ้นเล็กน้อยด้วยความเคยมือ จิตรามองเห็นถุงเท้าของเขาได้พร้อมกับรองเท้า ก็ขยับปากจะทักอีก ก็พอดีบันลือพูดขึ้น มือลูบคลำหนังสือที่เขาวางไว้เมื่อครู่ก่อน

“ผมแพ้คุณร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม เรื่องที่ท้าแข่งกันเมื่อคืนวันซืน จริงเจ้าหล่อนของไพฑูรย์สวยสู้—เด็กของคุณไม่ได้”

“อ้าวไหมล่ะ! ไปเห็นมาแล้วรึ ?” น้ำเสียงจิตราเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “เอ๊ะ ดอดไปเห็นเขาเมื่อไหร่”

เขาหัวเราะแกล้งทำไม่ได้ยินคำหลัง ตอบว่า “เห็นแล้ว อมยิ้มอยู่แสดงอาการใช้ความคิดและพูดสืบไป “นี่คุณจิตรา ผมคิดว่า ผมจะได้พบ—” เขามองไปเห็นชื่อหนังสือไพรด์แอนเพรจุดิ๊ส “คิดว่าจะได้ไปพบมิส เยนเบ็นเนต แต่ไปถึงเข้าจริงกลายเป็น ซินเดอเรลลา

ถามว่า “ไปเห็นเขามาตั้งแต่เมื่อไหร่”

“วันนี้เอง” เขาตอบเมื่อหมดทางเลี่ยง “เผอิญมีธุระผ่านไปทางนั้น ที่จริงผม–ไม่ได้ตั้งใจ—”

จิตราไม่รอให้เขาพูดจบเอ่ยขึ้นว่า “อ้อมิน่าล่ะ แต่งตัวสวยเช้งทั้งตัว ดูซีเจริญ ฉันก็เพิ่งสังเกตเห็นเมื่อตะกี้นี้เองกำลังจะทักว่าถุงเท้า—”

“โธ่ จิตรา” บันลืออุทาน “ผมไม่ใช่เด็กหนุ่มอายุ ๑๘ นะจะต้องแต่งตัวอวดผู้หญิง” เขาเปลี่ยนเสียง “แต่ถ้าผมตั้งใจแต่งจริงมันก็เป็นเกียรติยศอันหนึ่งที่ผมให้แก่—เด็กของคุณใช่ไหม ?”

“อ๋อ แน่นอน ถูกแล้ว” จิตราตอบ “แต่เห็นสวยก็อดชมไม่ได้ แล้วก็เด็กน่ะเดี๋ยวนี้เป็นของเธอแล้ว ทำไมยังเรียกว่าเด็กของฉันร่ำไป–เอ้ารับประทานเสียทีซีคะ มัวแต่พูดเจ้าของบ้านเลยกินเสียเองคนเดียว รับประทานเสียทีน่า แล้วเล่าไป ว่าไปพบเขาทำอะไรอยู่”

บันลือหยิบแซนด์วิชใส่ปากภายหลังจึงพูดว่า

“เวลาพบไม่ได้ทำอะไร นั่งเฉย” เขาหัวเราะ “พ่อทำแทน”

“ทำอะไร” จิตราถามอย่างฉงน เจริญมองดูเขาอย่างทึ่ง

“ก็ทำ—อย่างที่คนขายของหน้าร้านเขาทำกัน—” หัวเราะอีก “ช่างเถอะ–ๆ”

“อะไร ? คนขายของหน้าร้านทำอะไร ?” จิตราซัก

“ก็โฆษณาสินค้าน่ะสิคุณ แต่ช่างเถอะ ผมอยากจะปรึกษาคุณว่า เมื่อคุณยายท่านไปหมั้นเขาบอกท่านมาว่าเขาข้องใจเรื่องผมจะไม่ให้มีการรดน้ำ เขาอยากให้ทำอะไรมีหน้ามีตาสักหน่อย แล้วก็วันนี้เขาก็พูดอีก ผมอยากทราบว่าไอ้ที่มีหน้ามีตาน่ะเป็นอย่างไร”

“อ๋อ ก็ให้มีงานใหญ่ เชิญแขกมาก ๆ มีคนมาในงานเยอะ ๆ อย่างที่เขาเชิญแขกรดน้ำน่ะ แต่เธอไม่ยอมรดน้ำจะไปทำอะไรให้ครึกโครมได้ยังไง”

“ก็ไอ้วันที่จะลงทะเบียนแต่งงานกันนั่นแหละ มีงิ้วเข้าสัก ๓ โรง” เจริญออกความเห็น

“จริงนะ” บันลือเสริม แล้วหันไปทางจิตรา “เอาอย่างงั้นรึ ?”

“อุ๊ย อะไรก็ไม่รู้” เจ้าหล่อนว่า “อย่ายุ่งไปหน่อยเลย เขาอยากให้ทำแต่เราไม่ทำ เขาจะมาว่าอะไรเราได้อย่างอื่นจะเรียกร้องเอาอะไร เราก็ให้จนหมดแล้ว”

“แต่ผมอยากจะทำให้เขาจริง ๆ อยากให้ถูกใจเขาทุกอย่าง ขออย่างเดียวอย่าให้ต้องรดน้ำเท่านั้น”

“อ้อ นึกได้แล้ว” เจริญเอ่ยขึ้น ทันใดนั้นจิตราก็หันขวับไปทางเขาและขัด

“เอาอีกละ ยี่เกตลกละซี”

“ไม่ใช่” เจริญตอบ “ที่นี้พูดจริง ๆ มีงานเลี้ยงให้เขาหน่อยซีบันลือ เลี้ยงวันแต่งงานหรือก่อนสักวันหนึ่งก็ได้”

“ฉันนึกอยู่เหมือนกัน” บันลือรับอีก “แต่อยากจะทำในเรื่องการหมั้น เพราะว่าไม่อยากจะต้องเกี่ยวข้องกับท่านผู้ใหญ่เราไม่ได้เชิญท่านรดน้ำ แล้วขึ้นชื่อว่าเลี้ยงในวันแต่งงานก็ไม่เชิญท่านอีก เป็นเกิดความแน่ ทีนี้ถ้าจะเชิญผู้ใหญ่แท้ ๆ ของเราไม่มีจะรับรองท่าน เราคนเดียวรับแขกท่านผู้ใหญ่ด้วย รับเพื่อนฝูงด้วย ไม่ไหว เคยคิดดูแล้วท่านผู้ใหญ่ลุง อา น้าทั้งข้างพ่อข้างแม่สัก ๓๐ แล้วยังเพื่อนของพ่ออีกล่ะ ถ้าเชิญขาดไปสักคนก็แล้ว ถูกด่า ผู้หลักผู้ใหญ่ไม่นับถือ พ่อมันตายแล้วมันไม่ดูดำดูดีกับผู้ใหญ่ ถ้าในงานหมั้นละก็อย่างหนึ่ง เราเอาแต่คนรุ่นเรา ท่านผู้ใหญ่ท่านก็ไม่นึกจะว่า เห็นเป็นอย่างไรขอรับ คุณแม่ยาย”

“ก็ได้เหมือนกัน” จิตราตอบ “เลี้ยงในการหมั้นก็ครึกโครมเหมือนกันนี่ เสร็จแล้วคนก็เอาไปโจษกันครึ่งเมือง หรูหรากันใหญ่ แต่ฉันเชื่อว่ายายภรแกไม่– –ไม่ยุ่งอะไรกับอะไรพวกนี้เลย”

“อย่างน้อยที่สุดแกจะต้องแต่งตัวมาในงาน” บันลือตอบแล้วหัวเราะ “ผมหมายความว่ายุ่งไม่ยุ่งก็จะต้องมีตัวแกอยู่ในงานนั้นจนได้”

แล้วเขาพูดเป็นงานเป็นการ

“ถ้าจะทำกันก็ทำกันเร็ว ๆ นี่แหละ กลางเดือนหน้าผมจะออกการ์ดเชิญทันที คุณกรุณาบอกเด็กของคุณด้วยต้องการจะเชิญใครบ้างให้เขาส่งรายชื่อโดยเร็ว”

จิตราทำตาคว่ำ “อย่าลืมให้เวลาเจ้าสาวเขาเตรียมเครื่องแต่งตัว” หล่อนว่า “แล้วฉันอยากรู้ว่าทำไมฉันถึงจะต้องเป็นคนสื่อสารให้เธออีก ในเมื่อเธอก็ไปรู้จักมักคุ้นกันมาแล้ว ...”

“คุ้น !” บันลือหัวเราะ แต่แล้วก็พูดเรียบ ๆ “กรุณาอีกสักครั้งเถอะขอรับ ช่วยชี้แจงให้พ่อเขาเข้าใจแล้วก็ตัวเขาด้วย อ้อ” เขาชะงักความลังเลปรากฏในสีหน้า “คือยังงี้ ผมชอบวิธีแต่งตัวของคุณ ไม่ทราบเป็นยังไงไม่ว่าพบคุณจิตราที่ไหน เห็นแต่งตัวสวยไม่มีที่ติทุกคราว ผมหวังว่าลูกศิษย์ของคุณจะใช้วิธีแต่งตัวแบบเดียวกับคุณ”

จิตราทำหน้าสนเท่ห์ แต่ความพอใจปรากฏชัดในแววตา “ฉันเองฉันก็ไม่รู้ว่าฉันแต่งตัววิธีไหน” หล่อนว่า “จะสอนลูกศิษย์ก็ไม่รู้จะสอนยังไงถูก”

“ไม่รู้ละ” บันลือตอบโดยเร็ว “คืนนั้นผมจะโฆษณากับทุกคนที่มาในงาน ว่าผู้หญิงที่ผมหมั้นนั้นคุณจิตราเป็นคนแนะนำ แล้วคุณอย่าลืมด้วยว่า ในพวกแขกที่มา จะมีผู้หญิงที่พี่ผมน้องผมเคยคิดจะเลือกให้ผมหลายคน แล้วยังมีพวกที่เพื่อนของพี่เพื่อนของเพื่อนของพี่มอง ๆ ไว้ให้อีกล่ะ” พูดแล้วบันลือก็หัวเราะ

  1. ๑. Jane Austen

  2. ๒. Pride and Prejudice

  3. ๓. Jane Bennet

  4. ๔. Cinderella

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ