ราชาภิเษกครั้งกรุงศรีอยุธยา
ณวันเดื่อนยี่ขึ้น ๑๐ ค่ำ จุลศักราช ๑๑๔๕ ปีเถาะเบ็ญจศก เจ้าพระยาเพ็ชรพิไชย เจ้าพระยาสุธรรมมนตรี พระยาราชสงคราม พระยาอุไทยมนตรี นั่งพร้อมกันแต่งกฎหมายซึ่งทำการพระราชพิธีราชาภิเษก ครั้งในหลวงวัดประดู่ไว้สำหรับหอหลวงฉะบับ ๑ ตั้งเตียงแว่นฟ้า มีเสาสี่เสา มีเพดาน ตั้งบนพระที่นั่งสรรเพชญปราสาท มีพิธีสงฆ์พิธีพราหมณ์ เทียนไชยพระสังฆราชจุด เทียนราวในหลวงทรงจุดบูชาพระ พระไชย พระชันษา พระมนตร์ภิเษก พระเต้าเงิน ๑ พระเต้าทอง ๑ พระเต้านาก ๑ พระเต้าสัมฤทธิ ๒ พระนพ ๑ พระมหาสังข์ทักขิณาวัฏ ๑ พระเสมาธิปัตร ๑ พระฉัตรไชย ๑ พระเกาวผ้าย ๑ พระมหาธงไชย ๑ กระบี่ธุช ๑ พระแสงง้าวเจ้าพระยาแสนพลพ่าย ๑ พระแสงขอตีช้างล้ม ๑ เครื่องตั้งบนเตียงแว่นฟ้า หีบพระธำมรงค์ ลุ้งพระมาลาเบี่ยง ฉลองพระองค์เกราะ ๑ ฉลองพระองค์นวม ๑ พระเต้าเบ็ญจครรภ มีพระยันต์รองห้า พระมหาสังวาล พราหมณ์สร้อยอ่อน เศวตฉัตร ๑ ผ้ารัตตกัมพล ๑ เบ็ญจกกุธภัณฑ์ ๑ มหามงกุฎ ๑ พระขรรค์ไชยศรี ๑ พัชนีฝักมะขาม ๑ ธารพระกร ๑ ฉลองพระบาท ๑ เป็น ๕ สิ่ง พระแสงปืนคาบชุดข้ามแม่น้ำสะโตง พระแสงหอกไชย พระแสงของ้าว พระแสงดาบชะเลย พระแสงเขนมีดาบด้วย พระแสงจักร พระแสงตรีศูล พระแสงเกาทัณฑ์ ชีพ่อพราหมณ์ตั้งพระอิศวร ๑ นางอุมาภัควดี ๑ พระนารายน์ ๑ นางลักษมี ๑ เป็น ๔ ทำพิธีพราหมณ์ด้วยสามวัน
เจ้าพนักงานปลูกโรงพระกระยาสนานข้างพระที่นั่งสรรเพชญปราสาทเป็นพระมณฑป มีนาคช่อห้อยช่อตั้งมีใบโพห้อย หลังคาบุแผงปูผ้าขาวนอก มีเพดานผ้าขาว มีดอกจำปาทองห้อย มีม่านขาวและมณฑปหุ้มผ้าขาว มีราชวัฏิฉัตรธง ฉัตรเงิน ฉัตรทอง ฉัตรนาก ฉัตรเบ็ญจรงค์ ต้นกล้วยต้นอ้อย ดอกหมาก ดอกมะพร้าวประดับตามธรรมเนียม มีเตียงลาดเสื่ออ่อนผ้าขาวปูบนเสื่ออ่อน ถาดทองแดงปากกว้างสามศอกตั้งบนผ้าขาว เมื่อแรกตั้งการพระราชพิธีสามวันนั้น ในหลวงทรงพระภูษาลายพื้นขาว ฉลองพระองค์กรองทอง ทรงพระมาลาพระเส้าสูงสีกุหร่า เสด็จเวลาบ่ายไปทรงฟังสวดทั้งสามวัน ทรงพระมหามงคล ครั้นวันรุ่งขึ้น ถึงพระฤกษ์จะราชาภิเษกนั้น ในหลวงเสด็จขึ้นไปแต่เวลาเช้า ทรงศีล ทรงประเคนสำรับพระสงฆ์แล้ว เมื่อจะเสด็จลงไปโรงพระกระยาสนานนั้น พระมหาราชครูเชิญเสด็จทรงเสื้อถอดทรงผ้าถอด พราหมณ์เชิญพระไชยนำเสด็จ และพระสงฆ์ก็ลงไปด้วยคอยพระฤกษ์อยู่ ครั้นได้พระฤกษ์แล้วให้โหรชักกล่อม ชาวพระภูษามาลาถวายเครื่องพระมุรธาภิเษก แล้วชาวพระภูษามาลา ขุนศรีสยุมพร หลั่งน้ำสหัสธารา ครั้นสรงแล้วพระสงฆ์ราชา คณะอธิการฝ่ายสมถะรดน้ำในพระเต้าเงิน พระเต้าทอง พระเต้านาก พระเต้าสัมฤทธิ์ แล้วพราหมณ์ถวายน้ำพระกลศ น้ำพระสังข์ เสดาะพระเคราะห์แล้ว ทรงพระภูษาลายพื้นแดง ฉลองพระองค์กรองทอง เสด็จขึ้นบนพระที่นั่ง เสด็จขึ้นนั่งบนดั่งไม้มะเดื่อ กว้างจตุรัสศอกคืบ ปูผ้าขาวโรยแป้ง วางหญ้าคา ผ้าขาวปกบน ผันพระพักคร์ไปทิศอิศาน มีตั่งน้อยกว้างศอกหนึ่ง ตั้งพระอัฐทิศ ตั้งกลศ ตั้งสังข์ทั้ง ๘ ทิศ ดังนี้
(แผนที่พระที่นั่งอัฐทิศ)
มีผ้าขาวปรองพระ พราหมณ์ถวายน้ำพระมหาสังข์ทักขิณาวัฏ ในหลวงทรงรับด้วยพระหัตถ์ สรงพระพักตร์แล้วเสวยหน่อยหนึ่ง พราหมณ์ถวายราชสมบัติ ถวายเวท ถวายมนตร์ ถวายไชย ผันพระองค์ไปรอบทั้ง ๘ ทิศ แล้วจึงเสด็จขนบนพระภัทรบิฐ มีผ้าขาวปูแล้วโรยแป้งวางหญ้าคา แล้วปูนทองที่เขียนรูปราชสีห์ด้วยชาดหอรคุณปกบนผ้าขาวดังนี้
พราหมณ์ถวายพระสุพรรณบัตร ถวายพระมหาสังวาลสร้อยอ่อน ถวายพระเศวตฉัตร ถวายผ้ารัตตกัมพล ถวายพระมหามงกุฎ ถวายพระขรรค์ไชยศรี ถวายฉลองพระบาท ๗ สิ่ง แล้วถวายอัษฎาวุธ พระแสงปืน พระแสงหอกไชย พระแสงดาบชะเลย พระแสงของ้าว พระแสงจักร พระแสงตรีศูล พระแสงเขน พระแสงเกาทัณฑ์ ๘ สิ่ง แล้วพราหมณ์ถวายไชยถวายพร แล้วจึงมีรับสั่งแก่พระมหาราชครูผู้ใหญ่ว่า พรรณพฤกษ์และสิ่งของทั้งปวงซึ่งมีในแผ่นดิน ทั่วขอบเขตต์แดนพระนคร ซึ่งหาเจ้าของหวงแหนมิได้นั้น ตามแต่สมณชีพราหมณ์และอาณาประชาราษฎรจะปรารถนาเถิด จึงพระมหาราชครูผู้ใหญ่ซึ่งมีตระกูลรับพระราชโองการเป็นฤกษ์ก่อนแต่เวลานั้นสืบไป ข้าทูลละอองธุลีพระบาทจึงได้รับพระราชโองการสืบไปได้ ในหลวงทรงโปรยดอกพิกุลเงินพิกุลทอง แล้วพราหมณ์เป่าพระมหาสังข์ตีฆ้องไชยกลองอินทรเภรี ประโคมมะโหระทึกแตรสังข์มะโหรีขับไม้ประโคมแล้ว ในหลวงเสด็จไปทรงเครื่อง ชาวพระภูษามาลาถวายพระสนับเพลาเชิงงอนสองชั้น พระภูษาริ้ววระวยี่จีบโจงโยคี รัดพระองค์หนามขนุน ทรงฉลองพระองค์ พระกรน้อย ทรงฉลองพระองค์สีย่นนอก รัดพระองค์แครง เหน็บพระแสงกั้นหยั่นพู่นิล ทรงพระธำมรงค์พลอยต่างกัน ทรงพระชฎาพระเกี้ยวแหวนแดง ๙ สิ่ง
มหาดเล็กถวายพระแสงใจเพ็ชรฉลองพระบาท เสด็จขึ้นพระราชยานแห่เครื่องสูงเป็นกระบวนลงมาพระตำหนักสวนกระต่าย เสร็จการราชาภิเษกแล
มีกฎหมายจมื่นไวยวรนาถ ทำโคลงไว้ว่า เมื่อล้นเกล้าล้นกระหม่อมในพระบรมโกษ ขึ้นปราบดาภิเษกปีกลูเอกศกนั้น ตั้งการพระราชพิธีสงฆ์ พิธีพราหมณ์ บนพระที่นั่งพิมานรัตยาวังหน้า เจ้าพนักงานทำการและตั้งเครื่องทั้งปวงเหมือนกัน ผิดกันแต่ไม่ตั้งพระภัทรบิฐ ไม่ถวายเบ็ญจกกุธภัณฑ์ ตั้งแต่ตั่งใหญ่น้อย ๘ ทิศ เสด็จขึ้นบนตั่งกลาง พราหมณ์ถวายน้ำพระมหาสังข์ ถวายราชสมบัติ ถวายเมือง ถวายเวทมนตร์ แล้วถวายไชย
เมื่อครั้งในหลวงพระที่นั่งสุริยามรินทร์ขึ้นผ่านพิภพนั้น หาเสด็จขึ้นบนพระภัทรบิฐไม่ เสด็จขึ้นแต่บนตั่งอัฐทิศ ทำอย่างในหลวงในพระบรมโกษ ข้าพเจ้าจำได้แต่เพียงนี้ แล้วแต่จะโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม
เมื่อครั้งปีฉลูนพศก ในหลวงพระบรมโกศทรงพระกรุณาสั่งกรมพระเทพพิพิธว่า สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้ากรมขุนพรพินิตนั้น ให้ยกขึ้นเป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคล ครั้งนั้นตั้งพิธีสวดพระพุทธมนต์พระที่นั่งสรรเพชญปราสาท ๓ วัน ตั้งเครื่องทั้งปวงอย่างเฉลิมพระตำหนัก ปลูกโรงริมพระที่นั่งสรรเพชญปราสาท ตั้งเตียงที่สรงมีราชวัฏิฉัตรธง ฉัตรเงิน ฉัตรทอง ฉัตรนาก ฉัตรเบ็ญจรงค์ ตามธรรมเนียม ครั้นเข้าที่สรงแล้ว พระสงฆ์รดน้ำพระพุทธมนต์แล้ว พราหมณ์ถวายน้ำกลศน้ำสังข์ แล้วทรงพระภูษาลายเขียนทอง จีบโยงหางหงส์ ทรงฉลองพระองค์กรองทอง ทรงพระมาลาพระเส้าสูงสีแสด ทรงพระเสลี่ยงแห่เครื่องสูงสามชั้น ลงมาพระที่นั่งบรรยงค์รัตนาสน์ เกณฑ์แห่หยุดอยู่ เสด็จลงจากพระเสลี่ยง เปลื้องเครื่องแต่เครื่องต้นออกเสียแล้ว จึงเสด็จขึ้นไปเฝ้าในหลวงบนพระที่นั่ง เมื่อเสด็จกลับลงมานั้น เห็นทรงพระแสงดาบยี่ปุ่นฝักมะขามสำหรับพระราชวังบวรทรงอยู่แต่ก่อนนั้นลงมา แล้วขึ้นพระเสลี่ยงแห่ไปตำหนักสวนกระต่าย แล้วเจ้ากรมเทพพิพิธลงมาสั่งหมื่นเสมอใจราชมหาดเล็ก ว่าสมเด็จพระเจ้าลูกเธอขึ้นไปเฝ้าบนพระที่นั่ง ล้นเกล้าล้นกระหม่อมพระราชทานพระแสง สำหรับพระราชวังบวรให้แล้ว พระราชทานพระพรอวยพระไชยให้เป็นเจ้ากรมพระราชวังบวรสถานมงคล ให้รับพระบัณฑูร ให้หมายบอกแก่ข้าทูลละอองธุลีพระบาทฝ่ายทหารพลเรือนให้รู้ทั่วกัน ได้ทราบเกล้าทราบกระหม่อมแต่เท่านี้