ปัญจราชาภิเษก
ปฺจ เอกราชาโน มหาสตฺโต ราชาภิเสกํ จกฺกวตฺติ ภาวิสฺสนฺติ
อันว่าลักษณะราชาภิเษกมีแก่พระมหากษัตริย์ อันจะได้ราชสมบัติเป็นเอกราชานุวัติมหัศดิอุดมบรมอัครถาน มีลักษณะห้าประการ คือ มงคลอินทราภิเษก ๑ มงคลโภคาภิเษก ๑ มงคลปราบดาภิเษก ๑ มงคลราชาภิเษก ๑ มงคลอุภิเษก ๑ มีลักษณะห้าประการ สำหรับสมเด็จพระมหากษัตริย์อันจะครองราชสมบัติ มีวาระพระบาลีว่า
สกฺกราชาภิเสกํ มหาสตฺตํ มงฺคลํ อันว่าลักษณะอินทราภิเษก คือสมเด็จอมรินทราธิราชเอาเครื่องปัญจกกุธภัณฑ์ทั้งห้ามาถวายเมื่อจะได้ราชสมบัตินั้นก็ดี และเสี่ยงบุษยพระพิไชยราชรถมาจรดฝ่าพระบาท ด้วยฤทธิอำนาจวาสนาบุญนั้นก็ดี และเหาะเหินมาโดยนภดลอากาศ มีฉัตรทิพยโอภาสมากางกั้นนั้นก็ดี ลักษณะสามประการนี้ชื่ออินทราภิเษกแล
โภคาภิเสกํ ราชานํ มงฺคลํ อันว่าลักษณะโภคาภิเษก คือเป็นชตติตระกูลพราหมณมหาศาล มีโภไคยไอศุริยสมบัติอันบริบูรณ์ก็ดี เป็นชาติตระกูลมหาเศรษฐีมียศบริวารและทรัพยสมบัติอันรุ่งเรือง สมควรที่จะเป็นสมเด็จพระมหากษัตริย์ อันจะเป็นเจ้าพิภพปกครองอาณาประชาราษฎรทั้งหลาย และรู้จักในลักษณะราชธรรมและตราชูธรรม และทศกุศลผลอันจะเป็นประโยชน์โทษทัณฑ์ และรู้ลักษณะที่จะแบ่งบันตัดรอนซึ่งทุกข์ของราษฎรอาวรณ์ในแผ่นดิน ลักษณะดังนี้ชื่อว่าโภคาภิเษกแล
ปราบดาภิเสกํ พิฆาฏหตฺถดาวมงฺคลํ อันว่าลักษณะปราบดาภิเษกคือว่าเป็นตระกูลกษัตริย์ขัติยราช มีฤทธิอำนาจรบพุ่งหักหาญได้ราชฐานบ้านเมือง และราชสมบัติด้วยฤทธิอาณาจักร และมีไชยชำนะแก่ข้าศึกศัตรู หีนชาติทั้งปวงบมิได้จะล่วงเข้ามาประทุษร้ายแก่สมเด็จพระมหากษัตริย์องค์นั้นได้ ลักษณะดังนี้ชื่อว่าปราบดาภิเษกแล
ราชาภิเสกํ มาตาปิตูนํ ญาตีนํ มงฺคลํ อันว่าลักษณะราชาภิเษก คือเมื่อสมเด็จพระบิดาพระมารดาทรงพระชราแล้ว และเห็นพระราชโอรสและพระราชบุตรี กษัตริย์ทั้งสองพระองค์นี้เป็นสวัสดิเชื้อชาติเนื้อพระวงศ์แก่กัน และพระญาติวงศ์ทั้งสี่ตระกูลนั้นเห็นสมควรแก่พระลักษณะ ซึ่งจะเป็นสมเด็จพระมหากษัตริย์เสวยราชสมบัติสืบพระวงศา ทรงพิภพตามสันดานพระราชวงศา ลักษณะดังนี้ชื่อว่าราชาภิเษกแล
อุภิเสกํ ราชา มาตาปิตูนํ มงฺคลํ อันว่าลักษณะอุภิเษก คือสมเด็จพระบิดามารดาเอาตระกูลชาติเสมอกัน มากระทำมงคลวิวาหะอุภิเษกให้ปกครองกันตามพระวงศาสันดานของเราก็ดี และเหล่ากษัตริย์อันจรมาแต่ต่างประเทศ และเรามาเห็นเป็นสุขุมขัติยชาติ และมาราชาภิเษกด้วยพระญาติพระวงศ์ของเราก็ดี เป็นสวัสดิชาติ ลักษณะดังนี้ชื่อว่าอุภิเษกแล
ลักษณะเครื่องสำหรับราชาภิเษกของสมเด็จพระมหากษัตริย์นั้น คือพระมหามงกุฎ ๑ พะภูษาผ้ารัตตกัมพล ๑ พระขรรค์ ๑ พระเศวตฉัตร ๑ เกือกทองประดับแก้วฉลองพระบาท ๑ สำหรับราชาภิเษกของสมเด็จพระมหากษัตริย์มีลักษณะห้าประการดังนี้แล
โส มหาสตฺโต สิเนโร อธิฏฺานกายํ ปฺจาภิเสกํ อธิฏฺาสิ เมื่อสมเด็จพระมหากษัตริย์ ได้ราชาภิเษกเป็นเอกแก่ราชสมบัติแล้ว พึงได้อธิษฐานอาตมาพระองค์เอง ว่าเรานี้คือเขาพระสุเมรราชอันตั้งอยู่เป็นหลักพระธรณีในพื้นปฐพีดล และพระเนตรของเราข้างขวาคือพระสุริยอาทิตย์ พระเนตรของเราข้างซ้ายคือพระจันทร์อันส่องโลก ให้เห็นแจ้งในพระทัยของสมเด็จพระมหากษัตริย์อันจะตัดทุกข์ภัย ให้แจ้งในพระอุเบกขาบริญัติ ที่ร้อนก็ให้ร้อน ที่เย็นก็ให้เย็นตามประเวณีเหมือนกัน และพระหัตถ์ทั้งซ้ายขวา และฝ่าพระบาทนั้น คือ ทวีปทั้งสี่ เศวตฉัตรหกชั้นนั้น คือฉกามาพจรทั้งหก อธิษฐานพระโองการมั่นคงบมิได้หวั่นไหวในน้ำพระทัย พระมหามงกุฎนั้นไซ้ คือยอดวิมานพระอินทร์ พระขรรค์นั้น คือพระปัญญาอันจะตัดมลทินถ้อยความไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินให้เห็นแจ้งทั่วทั้งโลกธาตุ และเครื่องประดับผ้ารัตกัมพลนั้น คือเขาคันธมาทน์อันประดับเขาพระสุเมรุราช อันองค์พระมหากษัตริย์นั้น คือพระวินัยธรรม อันตรัสสั่งสอนแก่ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดิน ให้ปรากฏเห็นแจ้งรุ่งเรืองไปทั่วทั้งชมพูทวีป เกือกแก้วนั้น คือแผ่นดินอันเป็นที่รองรับเขาพระสุเมรุราช และเป็นที่อาศัยแก่อาณาประชาราษฎรทั้งหลายทั่วทั้งแว่นแคว้นขอบขันธเสมา และจะฦๅชาปรากฏด้วยพระยศพระเดชของสมเด็จพระมหากษัตริย์เจ้านั้นแล
อติเรกวสฺสสตํ ชีวตุ โส ราชา และพระองค์บำรุงเลี้ยงชีวิตอยู่ด้วยสุคติธรรม สจฺจํ เมาะ วจนํ พระองค์ตั้งอยู่ในความสัตย์บมิได้จะเกลื่อนกลับพระโองการ ตํ วจนํ ซึ่งถ้อยคำของสมเด็จพระมหากษัตริย์เจ้านั้น จะเป็นเหตุให้ร้อนรนแก่ผู้ใดก็หาบมิได้ ถ้าและกษัตริย์จะตรัสสุขทุกข์สิ่งอันใด ย่อมจะตรัสไปเป็นพระอุเบกขายุตติธรรม วณฺณํ เมาะ สุวณฺโณ และมีพระสุวรรณสัณฐานอันรุ่งโรจน์โชตนาการปรากฏด้วยพระยศพระเดชยิ่งนัก อติเรกลาภํ เหตุว่าสมเด็จพระมหากษัตริย์นั้นใช่จะเจตนาเห็นแก่ลาภพัสดุของข้าทูลละอองธุลีพระบาท และอาณาประชาราษฎรข้าแผ่นดินก็หามิได้ และสมเด็จพระมหากษัตริย์เจ้านั้นตั้งอยู่ในสุจริตธรรม แม้นว่าข้าทูลละอองธุลีพระบาท ทำความชอบด้วยราชการถวายสิ่งอันใดก็ดี ย่อมโปรดเลี้ยงตามคุณานุรูปที่สมควร ย่อมจะให้เจริญเป็นปริวัตรมงคล แก่พระญาติพระวงศ์และข้าทุลละอองธุลีพระบาททั้งปวงเป็นยุดติธรรม แม้ข้าทูลละอองธุลีพระบาทจะทูลนำทำให้ฟั่นเฟือนเกลื่อนกลับด้วยผ่านแผ่นดิน และสมเด็จพระมหากษัตริย์เจ้านั้น มิได้มีน้ำพระทัยใฝ่ฝันเผื่อแผ่ไปแก่พระญาติพระวงศ์และข้าทูลละอองธุลีพระบาท ว่าเป็นทาสข้าหลวงเดิมก็หามิได้ และสมเด็จพระมหากษัตริย์เจ้านั้น ก็ดำรงพระองค์ไว้ ดังเขาพระสุเมรุราชอันเป็นหลักพระธรณี ทีฆายุโก โหติ ก็จะมีพระชนมายุอันยืนยงยิ่งนัก สุขิโต โหติ ก็จะได้เจริญอยู่ด้วยความสุขเป็นอันมาก อชฺฌตติกพาหิเร ชาตํ อันว่าทุกข์ภัยอันบังเกิดภายในภายนอกพระกายก็ดี ก็จะอันตรธานหายไป ด้วยสมเด็จพระมหากษัตริย์นั้นตั้งอยู่ในพุทธบัญญัติ โสตฺถิ สพฺพมงคลํ ก็จะได้จำเริญพระมงคลอันประเสริฐ เหตุว่าสมเด็จพระมหากษัตริย์เจ้านั้นสะดุ้งแก่บาป ละอายแก่บาป กลัวแก่บาป และเชื่อถือในกุศลผลบุญ และเลี้ยงชีวิตด้วยชอบธรรม สตตํ เมาะ ชีวิตํ อันว่ามนุษย์ทั้งหลายอันบังเกิดมาในโลกนี้ คนหนึ่งชีวิตมีอยู่ ๗ ประการ ชีวิตอันหนึ่งอยู่ในจักษุ แต่งให้รู้ดูลักษณะทั้งปวง ชีวิตอันหนึ่งอยู่โสต แต่งให้รู้ฟังรสธรรม ชีวิตอันหนึ่งอยู่ในฆานะ แต่งให้รู้ดมกลิ่นหอมเหม็นทั้งปวง ชีวิตอันหนึ่งอยู่ในชิวหา แต่งให้รู้รสหวานขม ชีวิตอันหนึ่งอยู่ในกาย แต่งให้รู้จักแข็งอ่อนและร้อนเย็นอันเจ็บปวด ชีวิตอันหนึ่งอยู่ในมโนทวาร แต่งให้รู้รำพึงถึงทุกข์ภัยในอารมณกาย ชีวิตอันหนึ่งอยู่ในอัตตภาวะ แต่งให้รู้รสตัณหาอันเกิดมาเป็นมนุษย์ กอบไปด้วยนิวรณทุกข์เป็นอันมากนักหนา และสมเด็จพระมหากษัตริย์องค์ใด ทรงตรึกเห็นแจ้งในทศกุศลธรรมดังนี้แล้ว ปรมํ สุขํ ก็จะบังเกิดบรมสุขแก่สมเด็จพระมหากษัตริย์เจ้านั้นเป็นอันมากนัก เทวตาโย อันว่าเทวดาทั้งปวงก็จะอวยพระพรบวรสวัสดิ์แก่สมเด็จพระมหากษัตริย์เจ้านั้นแล
นสฺสปฺตฺติยา มหาสตฺตอปฺปกายา ปฺตฺติโย อปฺปมาติ มีในคัมภีร์บาลีพระโลกบัญญัติ สำหรับสมเด็จพระมหากษัตริย์อันจะรักษาพระองค์ให้ศรีสูงรุ่งเรือง คืออย่าให้ทอดพระเนตรดูแสงพระอาทิตย์ อนึ่งอย่าบรรทมตื่นขืนพระองค์จนถึงแสงพระอาทิตย์ขึ้นมา อนึ่งอย่าให้เสวยโภชนาเมื่อตะวันบ่ายถึงยามหนึ่ง อนึ่งอย่าให้เสวยผลไม้อันต้นดำและผลดำ อนึ่งอย่าให้เสวยน้ำซึ่งมีมันตมและห้วยหนอง อนึ่งอย่าให้เสวยมัจฉมังสาอันคาวและไม่มีมัน อนึ่งอย่าให้เสวยพระโอสถยาอันหมอประกอบมิชอบที่เสวยอย่าพึงเสวย อนึ่งอย่าให้เสวยของอันขบอันกัด อนึ่ง อย่าให้เสพกามคุณด้วยสตรีอันมีอายุ ๔๐ ปี ๕๐ ปี และอย่าให้ทรงพระภูษาเนื้อหยาบ ๑๐ ประการนี้มิควรแด่สมเด็จพระมหากษัตริย์เจ้าแล
สุขราสิยา ปรมเสฏฺโ อตฺตโน สุวตฺถิยา สุคนฺธรส อตฺตมา อาภาติ อธิบายว่า ถ้าจะรักษาพระองค์ให้สูงศรีและเป็นตบะฤทธิ และเมื่อจะเสวยโภชนานั้น ให้บ่ายพระพักตร์ไปบูรพทิศ และให้เสวยมัจฉมังสาซึ่งมีรสโอชา แเละให้เสวยผลไม้อันมีรสอันหวาน และให้ดมกลิ่นดอกไม้อันหอม และให้สระสรงพระองค์เมื่อระหว่างเที่ยง และให้ลูบไล้ด้วยสุคนธรสเครื่องหอม และเมื่อจะบรรทมนั้นให้บ่ายพระพักตร์ไปบุรพทิศ และเมื่อตื่นจากพระบรรทมแล้ว ให้ชำระสรงพระพักตร์ด้วยน้ำสังข์และน้ำอันหอม และบ่ายพระพักตร์ไปฝ่ายบุรพทิศ และให้ทรงพระภูษาเนื้อละเอียด เมื่อสมเด็จพระมหากษัตริย์องค์ใดมิสิริสวัสดิ์ดังนี้ไซ้ ย่อมจะจำเริญพระอิสสริยยศ และมีอำนาจแก่สมเด็จพระมหากษัตริย์เจ้าทั้งปวงนั้นแล
เอกราชา มหาสตฺโต ฉ จ ทสฺสเนยฺยฉาราวเสสฺสติ อธิบายว่า รางวัดสมเด็จพระมหากษัตริย์เจ้านั้น ๖ ศอกเป็นปริวัตร ถ้าและลูกหลวงและเจ้าพระยาอุปราช และเจ้าพระยา และพระยา พระ หลวง ทั้งปวงนั้น ล่วงเข้ามาย่อมจะมีโทษหนัก และรางวัดพระเนตร ๔๗ ศอกเป็นปริมณฑล และย่อมให้หมอบคลานเข้ามาถวายบังคมถึงสามคราจนถึงที่ตามตำแหน่ง และเมื่อสมเด็จพระมหากษัตริย์เสด็จออกนั่งราชอาสนมงคลบนพระแท่นที่เฝ้าแล้ว ครั้นไม่มีพระราชโองการแย้มพระโอฐออกก่อน เจ้าพระยาและพระยา พระ หลวง จะล่วงกราบทูลขึ้นไปนั้นมิได้ และให้มีพระราชโองการตรัสปราไสแก่เจ้าพระยาอัครมหาเสนาอันเป็นชาติตระกูลก่อน จึ่งจะกราบทูลสนองพระโองการไปได้ อนึ่ง ข้าทูลละอองธุลีพระบาทมิได้เปนชาติตระกูล จะเอาเข้ามาเป็นมหาดเล็กใช้ฝ่ายข้างในนั้นมิได้
มหาสตฺโต คุณอุปฺปนฺโน สุริโยว เหตุว่าสมเด็จพระมหากษัตริย์ทรงพระเมตตาคุณแก่ข้าทูลละอองธุลีพระบาท และอาณาประชาราษฎรทั้งปวง สุริโยว ดังพระสุริยอาทิตย์อันส่องโลกทั้งปวงให้รู้จักค่ำและรุ่ง และสมณพราหมณาจารย์ และข้าทูลละอองธุลีพระบาท และอาณาประชาราษฎรทั้งปวง จงรักษาป้องกันสัตย์ซื่อต่อฝ่าละอองธุลีพระบาท จึ่งจำเริญซึ่งยศศักดิ์ ถ้าและข้าทูลละอองธุลีพระบาททำราชการสิ่งอันใดมิสัตย์มิซื่อต่อฝ่าละอองธุลีพระบาทไซ้ อันว่าทุกข์ภัยจะบังเกิดมีแก่ข้าทูลละอองธุลีพระบาทมีลักษณะต่าง ๆ ด้วยสมเด็จพระมหากษัตริย์ตั้งอยู่ในทศพิธราชธรรม และทรงพระเมตตาคุณและกรุณาคุณเป็นสมมติเทวดาในชมพูทวีปพิภพอันนี้แล
ราชาภิเษก ๕ ประการ และทศกุศลธรรม ๑๐ ประการนี้ สมเด็จเจ้าพระพิมลธรรม คัดออกจากคัมภีร์พระโลกบัญญัติ และฎีกาพระมงคลทีปนี ถวายในหลวงเมื่อขึ้นปราบดาภิเษก สมเด็จเจ้าพระธรรมเจดีย์ลอกเอามาแต่สมเด็จเจ้าพระเทพมุนี เป็นตำหรับมาแต่กรุงเทพพระมหานคร สำหรับราชาภิเษกสมเด็จพระมหากษัตริย์เจ้าแล