ขอเริ่มร่ำสุนทราภาษิต |
ไว้เตือนจิตแม่เรือนเพื่อนผู้หญิง |
อันร่วมชาติศาสนาสัจจาจริง |
ทั้งร่วมมิ่งมหากษัตริย์ธวัชไทย ฯ |
ฉันมีนามแน่แท้ไม่แชเชือน |
ส้มจีนเขื่อนเพ็ชรเสนาอัชฌาสัย |
นามสกุลอุณหะนันทน์อันอำไพ |
ตั้งหทัยชูชาติไม่คลาดคลา |
แต่เป็นเพศนารีสุดวิสัย |
จะตรงไปสมัครทหารชาญอาษา |
ผดุงรัฐขัตติเยศเกศประชา |
จำอาษาทางอ้อมลับตามอับจน ฯ |
คิดเห็นว่าแม่เรือนเหมือนอาหาร |
บำรุงกายชายสำราญเจริญผล |
อาหารดีมีกำลังยังสกนธ์ |
ให้โสภณสุขังพลังเรือง |
อาหารที่มีพิษบริโภค |
ย่อมเกิดโรคแรงร้ายกายผอมเหลือง |
เสียศรีสรรพ์วรรณาปัญญาเปลือง |
ทั้งสืบเนื่องสายโลหิตผิดสำแดง |
ถ้าถ้อยคำร่ำไว้ไปภายหน้า |
มีประโยชน์โชตนาไม่หน่ายแหนง |
เหมือนพวกเราเหล่าสตรีมีส่วนแรง |
บำรุงแต่งกองทัพดับลำเค็ญ ฯ |
อนึ่งดังได้ฉลองละอองบาท |
มงกุฎราชอยู่เกล้าทุกเหล่าเห็น |
พระบารมีร่มเกล้าทุกเช้าเย็น |
ไม่วายเว้นลืมพระคุณการุญการ ฯ |
ขอถวายพระพรตรงบาทบงกช |
พระเกียรติยศจรูญแจ้งดังแสงฉาน |
จงแผ่ไกลไชยะชนะมาร |
สิ่งหยาบการณ์อย่าบีฑาฝ่าธุลี |
ให้พระองค์ยงยิ่งสิ่งประเสริฐ |
ทั้งล้ำเลิศกษัตราทุกราศี |
พระชนม์จงอย่าน้อยนับร้อยปี |
เจริญศรีสุขสวัสดิ์ในฉัตร์ไชย ฯ |
ขอกล่าวกลอนวอนสั่งด้วยหนังสือ |
ขนานชื่อ “แม่เรือนดี” ผ่องศรีใส |
สำหรับรุ่นดรุณีที่เป็นไทย |
ให้มีใจคิดสมัครรักวิชา |
เป็นนารีชันษาได้ห้าขวบ |
ก็อ่อนอวบน่าเอ็นดูแม่หนูจ๋า |
ดังอุบลยังไม่พ้นหลังธารา |
การศึกษาก็ต้องเริ่มประเดิมเรียน |
หนังสือไทยไปก่อนค่อยผ่อนผัน |
เหมือนก้าวคั่นบรรไดหัดฉวัดเฉวียน |
ย่างได้เจ็ดชันษาอุตส่าห์เพียร |
ทวีเรียนหลายภาษาหาวิธี |
อย่าเกียจคร้านการเรียนเพียรไว้หนา |
มีวิชาเหมือนมีทรัพย์ประดับศรี |
อยู่ที่ใดไปที่อื่นหมื่นบุรี |
งามกว่ามีเครื่องประดับที่วับวาม |
ปราชญ์นิยมชมชูดูไม่จืด |
เจริญพืชผลดีทวีหลาม |
ถึงแก่ตายฝ่ายวิชาปรากฏนาม |
ก็คงงามอยู่ยืดไม่ชืดชา ฯ |
เข้าโรงเรียนเขียนอ่านการหนังสือ |
อย่าดุดื้อฟังครูแม่หนูหนา |
อุตส่าห์เพียรเรียนให้ครบจบตำรา |
มีวิชาประดับกายไม่อายคน |
อย่ามัวเมาเอาแต่เล่นเต้นและวิ่ง |
เป็นผู้หญิงมิใช่ชายไม่เป็นผล |
ถ้าพลั้งพลาดบาดป่วยระทวยตน |
เพราะความซนแตกโนโอ้อับอาย |
วิชาเลขหนังสือนี้คือทิพย์ |
อาจยกหยิบความโง่และโซหาย |
จะจูงนำความสมบูรณ์พูนสบาย |
มิให้กายเราลำบากต้องกรากกรำ |
และเป็นเหมือนเพื่อนชีวาอาจสามารถ |
ช่วยบำราศพะยุงยกตกถลำ |
ให้ดำเนินเดินประกอบที่ชอบธรรม |
ไม่เพลี่ยงพล้ำแคล้วคลาดนิราศภัย |
หรือเป็นดังสะพานแก้วแววสว่าง |
ให้นวลนางข้ามตรงไม่หลงไหล |
ให้บรรลุถึงความงามวิลัย |
มิให้ไปข้ามสะพานฐานกาลี |
จงรักการงานดีอย่าหนีหน่าย |
เร่งเอียงอายความชั่วเอาตัวหนี |
เป็นนักเรียนเขียนอ่านการกวี |
รู้ไม่ดีได้แต่รู้งู ๆ ปลา ๆ |
ก็ใครเล่าเขาจะชมนิยมนุช |
มีอาวุธแต่ไม่คมสมปรารถนา |
ยามจะใช้ได้แต่เถือเหลือระอา |
ไม่แกล้วกล้าสามารถเพราะขาดเพียร |
วิชาดีมีสง่าชูราศี |
รูปไม่ดีวิชาพางามกว่าเขียน |
ทั้งหอมหวลชวนคิดพิศจำเนียร |
ชนจะเวียนสรรเสริญเจริญพร ฯ |
เมื่อเรียนจบครบประจักษ์หลักสูตรแล้ว |
ก็ผ่องแผ้วภิญโญสโมสร |
อยู่บ้านเรือนเพื่อนบิดาและมารดร |
จงอาทรปฏิบัติสวัสดี |
ถึงเหนื่อยยากอย่างใดอย่าได้คร้าน |
คิดถึงคุณท่านซึ่งกำเนิดเกิดเกษี |
ทั้งเสียทรัพย์ซื้อวิชาให้นารี |
พระคุณมีอยู่กับบุตรสุดรำพรรณ |
มีงานการสิ่งใดตั้งใจช่วย |
อย่าสำรวยกรีดกรายเที่ยวผายผัน |
ทำสิ่งใดอย่าให้ค้างทิ้งกลางคัน |
รีบบากบั่นให้เสร็จสำเร็จการ ฯ |
แม้ท่านจะโกรธาว่าสิ่งใด |
จงอย่าได้ตอบต่อข้อบรรหาร |
ผิดก็นิ่งจริงก็จำคำวิจารณ์ |
จึงควรการบริสุทธิ์เรียกบุตรดี |
จงตั้งใจเคารพอภิวาท |
เอาอำนาจกตัญญูกู้เกษี |
จะเจริญวาสนาในธาตรี |
ก็เพราะกตเวทีสนองคุณ |
การขึ้นเสียงเถียงบิดามาตุเรศ |
ใครแจ้งเหตุเขาจะเห็นเป็นสถุล |
ไม่อวยพรค่อนว่าบุตรทารุณ |
เนรคุณไม่น่าสมาคม ฯ |
อนึ่งอย่านั่งเง้างอดนั่งกอดเข่า |
เป็นคนเจ้าทุกข์กลับจะทับถม |
นั่งซึมเซาเหงาง่วงดังทรวงตรม |
ไม่น่าชมกิริยาเป็นราคี |
จงเริงรื่นชื่นแช่มยิ้มแย้มพักตร์ |
ให้น่ารักเพียงจันทร์อันสดศรี |
อร่ามเรืองเฟื่องฟ้าในราตรี |
รัศมีดังจะชวนยวนฤทัย ฯ |
จงตรองตรึกนึกเสมออย่าเผลอจิตต์ |
ที่ชอบผิดทุกข์ท้อด้วยข้อไหน |
ถึงร้อนเย็นเป็นประการใด |
ไว้ในใจอย่าได้ออกนอกพักตรา |
คอยวิเคราะห์เบาะแสอย่าแซ่ซร้อง |
แม้ขัดข้องในคดีมีปัญหา |
จงนำความแถลงแจ้งกิจจา |
กับบิดามารดรอย่าซ่อนงำ |
เข้าเขตสาวคราวควรสงวนโฉม |
งามประโลมชนนิยมว่าคนขำ |
จะพูดจาสารพัดประหยัดคำ |
อย่าพูดพร่ำเพรื่อนักมักไม่งาม |
จงรักษาวาจามารยาท |
ให้สอาดสมสาวชาวสยาม |
อย่าให้ปนมลทินราคินทราม |
จึงได้นามงามจริงเป็นหญิงดี |
จงรักษาตัวกลัวอายเสียดายชื่อ |
อย่าให้ลือข่าวชั่วจะมัวศรี |
อย่าทำตัวหมดราคาแม่นารี |
จะเสียทีเกิดเปล่า ๆ ไม่เข้าการ |
จงทำตนให้ดีมีมูลค่า |
เราเกิดมาต้องให้เห็นเป็นแก่นสาร |
เป็นที่พึ่งเผ่าพงษ์เหล่าวงศ์วาร |
จึงพ้นการครหาอนาทร ฯ |
เพราะฉะนี้นี่แหละฉันหวั่นถวิล |
ไม่วายจินตนาในฤทัยถอน |
เป็นหญิงยากมากกว่าชายหลายบทกลอน |
อุทาหรณ์ให้เห็นพอเป็นที |
หนึ่งสตรีมีร่างแบบบางจ้อย |
สองกำลังนั้นก็น้อยทุกร้อยสี |
สามความกล้าสามารถไม่อาจมี |
สี่เป็นที่ครหาทุกท่าทาง |
ยามดรุณรุ่นร่างสำอางเอี่ยม |
ดังเพ็ชร์เหลี่ยมเจียรนัยไม่มัวหมาง |
เป็นของควรสงวนค่าอย่าละวาง |
ทำทิ้งขว้างสะเพร่าจะร้าวราน |
เสียราคาพาเสื่อมความเลื่อมใส |
เป็นเพ็ชร์ไร้มูลค่าน่าสงสาร |
ชนจะฉินนินทากล่าวสามานย์ |
ประกอบการใดจงคิดพิจารณา |
อย่าใช้หวัด ๆ เลยจะเคยจิต |
ที่ชอบผิดตื้นลึกเร่งศึกษา |
อย่าคะนองเที่ยวเตร่เล่นเฮฮา |
จงอุส่าห์รักนวลสงวนนาม |
อย่าสนิทชิดใกล้กับชายนัก |
คนมักจักโจษนาว่าหยาบหยาม |
จริงหรือไม่เสียชื่อเลื่องลือลาม |
ต้องรับความแค้นคำช้ำฤทัย |
ดังจันทร์ผ่องต้องเมฆพโยมพยับ |
ก็พลอยอับศรีหมองไม่ผ่องใส |
จะฟ้องหาหมิ่นประมาทบังอาจใจ |
มันก็ไม่เป็นเรื่องเปลืองเวลา ฯ |
ก่อนจะมีคู่ครองจำต้องคิด |
เรามีสิทธิ์พอหวังหรือยังหนา |
จะรับรองครองสมบัติวัฒนา |
มีวิชาอาการสถานใด |
หนึ่งอายุของตนพ้นยี่สิบ |
รู้จักดิบดีงามตามสมัย |
สองหนังสือเลขบัญชีดีหรือไร |
ชำนาญในกิจการงานบ้านเรือน |
สามวิชาปฐมพยาบาล |
เผื่อมีการป่วยไข้ไม่เลื่อนเปื้อน |
สี่มีทรัพย์ตามฐานะประจำเดือน |
พอดูเพื่อนบ้านได้ไม่อายคน |
ห้าผู้ชายที่เราหมายฝากชีวาตม์ |
เขาสามารถบำรุงรักเป็นมรรคผล |
มีวิชาหาทรัพย์ไม่อับจน |
ประพฤติตนอยู่ในธรรมพระสัมมา ฯ |
ถ้าดีพร้อมห้าอย่างไม่ด่างกระ |
จึงควรจะมีเรือนเพื่อนเคหา |
จะสมบูรณ์พูนสมบัติวัฒนา |
มีบุตราบุตรีที่เจริญ |
มีกำลังอุปถัมภ์บำรุงบุตร |
เรียนจนสุดวิชาน่าสรรเสริญ |
รู้ชอบผิดจิตจำความจำเริญ |
เด็กจะเดินสูงทุกทีทวีวัน |
แม้นไม่มีเหมือนว่าในห้าข้อ |
เป็นการส่อนิมิตร์อย่าคิดฝัน |
ถึงมีคู่อยู่ไปไม่นิรันดร์ |
จะพากันจนยากลำบากกาย |
พลอยให้บุตรสุดอาลัยได้ลำบาก |
ต้องอดอยากสารพรรณมิ่งขวัญหาย |
จะเล่าเรียนวิทยาปรีชาชาย |
สำหรับภายภาคน่าให้ถาวร |
ฝ่ายบิดรมารดาหาทุนไม่ |
เด็กมิได้ความรู้จากครูสอน |
ก็จะเหลวเลวป่นเป็นคนดอน |
น่าอาวรณ์สงสารประการใด ฯ |
ถ้ายังไม่พร้อมตำราอย่าแต่งงาน |
จะเป็นการดีกว่าเป็นไหน ๆ |
เขาย่อมว่าอยู่เป็นสาวขาวเป็นใย |
ไม่ช้ำใจเปลืองตัวมัวมลทิน |
การมีคู่ใช่จะชูอารมณ์ชื่น |
ทุกวันคืนปลื้มจิตนิจสิน |
ถ้าอัตคัดขัดกันดารอาหารกิน |
จะสูญสิ้นสุขเกษมเปรมปรีดา |
ผัวก็โทษเมียว่าสุรุ่ยสุร่าย |
เมียก็โทษว่าผัวจ่ายไม่เป็นท่า |
มีแต่เรื่องบริภาษขาดเมตตา |
ทรมากว่าจะม้วยไปด้วยกัน ฯ |
อย่ารักชายง่าย ๆ จงไต่สวน |
ให้ถี่ถ้วนเท็จจริงทุกสิ่งสรรพ์ |
อย่าเอาความรักเป็นใหญ่หัวใจตัน |
จงคิดวันหน้าระวังหลังให้ดี |
เราดีไปใครมีจะดีด้วย |
เราชั่วไปใครจะช่วยชั่วด้วยนี่ |
อันผลลัภพับแก่ตัวชั่วหรือดี |
จงรอรีจดจำตามตำรา ฯ |
เป็นหญิงสาวคราวงามทรามสวาท |
อย่าด่วนมาตร์มุ่งเล่ห์เสน่หา |
เหมือนดอกไม้ยังไม่ถึงซึ่งเวลา |
ไปเก็บมาคลี่กลีบรีบให้บาน |
กลิ่นมิดีสีมิงามทรามทั้งรส |
จงรองดอย่าทำเร่งจำสาร |
ไว้ให้ถึงเวลาสุมามาลย์ |
จะเบิกบานได้เองระเวงวรรณ |
งามทั้งสีดีทั้งกลิ่นประทินหอม |
น่าถนอมชูชมภิรมย์ขวัญ |
ควรประดิษฐานพานสุวรรณ |
ได้สมกันกับมาลัยให้เจริญ ฯ |
แม้ชายใดให้หนังสือมาสื่อสาร |
ไม่ควรการสาวด้วยเร่งขวยเขิน |
อย่าตอบก่อต่อสะพานให้ผ่านเดิน |
จงขามเมินเสียอย่าได้ทำไมตรี |
ถ้าเขาจริงเจตนาสถาพร |
จะบำรุงดวงสมรเป็นศักดิ์ศรี |
ท่านผู้ใหญ่ฝ่ายเราเล่าก็มี |
เขาควรที่แต่งทูตมาพูดจา |
ถ้าท่านสืบสวนเช่นเห็นว่าเหมาะ |
ท่านคงเพาะปลูกฝังเป็นฝั่งฝา |
ให้งามพักตร์ศักดิ์ยศรจนา |
จะลือชาเกียรติคุณจรูญเรือง |
ว่าบุตรหลานท่านประยูรสกุลนั้น |
น่ารับขวัญจริงแท้แม่เนื้อเหลือง |
ได้ของหมั้นขันหมากมากนองเนือง |
ชื่อจะเฟื่องฟุ้งสง่าเลิศนารี ฯ |
ฝ่ายบิดรมารดาจะปราโมทย์ |
สมประโยชน์ที่ท่านมุ่งบำรุงศรี |
ได้วิวาห์ลูกรักภคินี |
ไม่เสียทีโลมเลี้ยงโดยเที่ยงธรรม์ |
ถ้าเลี้ยงลูกปลูกโพธิไม่โตสูง |
อายแก่ฝูงชาวประชาแทบอาสัญ |
จะละห้อยน้อยจิตเป็นนิรันดร์ |
เหมือนแกล้งท่านให้เทวศน้ำเนตร์นอง |
จะเป็นบาปติดกายไปภายหน้า |
ต้องปราชัยตัวเกิดมัวหมอง |
ทั้งญาติมิตร์บิดเบื่อเหลือปกครอง |
จะลอยล่องเป็นสวะออกทะเล |
สำหรับเน่าเปื่อยไปไร้ประโยชน์ |
เหมือนทำโทษตัวเองไม่เก่งเก๋ |
อย่าเลวทรามตามชายง่ายเสเพล |
เขาทิ้งเทลงกระป๋องจะต้องอาย ฯ |
เหมือนมณีมีค่าราคายิ่ง |
ส่งให้ลิงแล้วไม่งามอร่ามฉาย |
ถือประเดี๋ยวเลี้ยวใส่ปากเคี้ยวขากคาย |
ขว้างกระจายแตกเปล่าไม่เข้าการ |
เป็นนางสาวคราวอายุยังน้อยรุ่น |
ไม่เคยคุ้นโลกัยกว้างไพศาล |
ประกอบทั้งชั่วดีไม่มีประมาณ |
อย่ากล้าหาญทำไปตามใจปอง ฯ |
เวลาเราเยาว์อยู่ผู้เกิดเกล้า |
หาเลี้ยงเราไม่กังวลมัวมลหมอง |
ครั้นเติบใหญ่ท่านให้อยู่มีคู่ครอง |
เราจะต้องหาสะเบียงเลี้ยงกันเอง |
ยังจำต้องสนองคุณการุญรัก |
ท่านฟูมฟักสงเคราะห์ให้เหมาะเหม็ง |
ต้องเลี้ยงรอบครอบครัวของตัวเอง |
จงกริ่งเกรงรายได้รายจ่ายจร ฯ |
เพราะเช่นนี้จำต้องหัดประหยัดทรัพย์ |
ไว้สำหรับบำรุงกายสายสมร |
เวลาอยู่กับบิดาและมารดร |
จะกินนอนเดินนั่งระวังระไว |
เพ่งเล็งดูหูใส่การในบ้าน |
จงหัดการแม่เรือนอย่าเชือนไถล |
อย่าให้ผู้ปกครองร้องเรียกไกล |
การบ้านไซร้ต้องหัดทำให้ชำนาญ ฯ |
อันแม่เรือนสำคัญมากเหมือนรากแก้ว |
ถ้าขาดแล้วต้นใบไม่ไพศาล |
สำหรับเป็นฟืนเถ้าไม่เข้าการ |
อุปมานเพื่อนมนุษย์สุดรำพรรณ |
ถ้ารากนั้นมั่นคงดำรงต้น |
จะผลิตดอกออกผลวิมลสรรพ์ |
จะบริบูรณ์พูนสุขทุกคืนวัน |
สารพรรณลาภผลจะล้นมา |
การจะนั่งลุกคลานหรือกรานหมอบ |
ควรน้อมนอบต่อผู้ใหญ่ให้หรรษา |
ดัดจริตบิดกายส่ายพักตรา |
ไม่โสภาน่าชังอย่าบังควร |
อย่านั่งกลางขวางประตูโต๊ะตู้ต่าง |
อย่าใกล้ห่างดูพอดีให้ถี่ถ้วน |
อย่าพรวดพลาดนั่งสะเทือนพื้นเรือนซวน |
เขาจะสรวลเย้ยเยาะเป็นเงาะเลว |
ยามจะเดินเดินให้ดีอย่าผลีผลาม |
อย่ากรายข้ามเหยียบชนป่นแหลกเหลว |
อย่าหน้าเป็นเล่นแขนอ้อนแอ้นเอว |
เป็นเฉลวเครื่องหมายสายชะนวน |
อย่าก้าวยาวเร็วจริงดังวิ่งหนี |
จรลีเฉยช้าอย่าร่าสรวล |
จงรักษามารยาทสอาดนวล |
ต้องสงวนศักดิ์ให้สมพรหมจารี ฯ |
ยามนอนอย่าเซาซบเที่ยวฟบหลับ |
ไปห้องหับขัดกลอนนอนเป็นที่ |
ไหว้พระสวดมนต์ก่อนนอนจึงดี |
เจริญศรีสุขสวัสดิ์ขจัดภัย |
อย่านอนหงายป่ายปะระมุ้งม่าน |
เสียสัณฐานกายีหาดีไม่ |
นอนเรียบร้อยตะแคงร่างอย่าวางใจ |
หัดนอนไวคอยสังเกตฟังเหตุการณ์ ฯ |
ยามกินจงพินิจพิศเสียก่อน |
อย่ารีบร้อนฉวยคว้าสิ่งอาหาร |
ปะเป็นของเบื่อเมาของเหล่าพาล |
ชีพไม่ลาญก็เวียนเจียนบรรลัย |
จงใช้ความระวังอย่าพลั้งพลาด |
รักษาสอาดหยิบต้องให้ผ่องใส |
อย่ามูมมามปามเปรอะเลอะเทอะไป |
ผู้ใดใครเห็นรังเกียจเฉียดไม่ดี |
อย่ากินเติบเปิบใหญ่ย้ายแก้มตุ่ย |
พุงจะพลุ้ยอึดอัดน่าบัดสี |
โลภอาหารไม่ประมาณแต่พอดี |
จะเกิดมีซึมเซาง่วงหาวนอน |
จะทำการสิ่งใดให้ท้อแท้ |
ดูป้อแป้คอยแต่ลุกหัวซุกหมอน |
กินมากโง่โตกระบือหรือโคจร |
สำหรับต้อนแอกใส่ไถนาดี ฯ |
ยามจะจำนรรจาอย่าค้อนควัก |
ทำประหลักประเหลือกตาน่าบัดสี |
จงยิ้มแย้มแช่มช้าค่อยพาที |
เหมือนมาลีแย้มช่ออรชร |
ใครได้ผลมณฑาสุมามาส |
หวังสวาทเชยประทินกลิ่นเกษร |
อันงามใดในหล้าหรืออาภรณ์ |
ไม่งามงอนเหมือนผู้ดีมีอัชฌา ฯ |
ถึงจะโกรธเคืองใครไว้ในจิต |
อย่าหงุดหงิดป่องปัดสบัดหน้า |
ทั้งผูกคิ้วนิ่วพักตร์ลักษณา |
กล่าววาจาหยาบคายสลายนวล |
อย่าหัวเราะเสียงดังฟังไม่เพราะ |
ถึงจะเหมาะขบขันจงกลั้นสรวล |
ทำหลุกหลิกซิกซี้เชิงยียวน |
คนจะลวนลามหมิ่นกล่าวนินทา ฯ |
จงไว้วางเหลี่ยมแต้มให้แช่มช้อย |
ไม่มากน้อยสมอาตม์วาสนา |
ใครได้เห็นเป็นเองเกรงวิญญา |
ไม่กล้ามาดูหมิ่นสิ้นรำคาญ |
จะนั่งนอนกินเดินอย่าเลินเล่อ |
อย่าเผลอเรอเอาแต่สุขสนุกสนาน |
ชีวิตเรายังจะไปอีกไกลนาน |
ต้องหัดการทำเสบียงเลี้ยงชีวี ฯ |
ตื่นแต่เช้างามชื่นอย่าตื่นสาย |
ชำระกายพักตราชูราศรี |
อย่าให้ทันแสงตะวันนั้นแหละดี |
จงรีบรี่จัดงานการบ้านเรือน |
เก็บสลัดปัดละอองของเครื่องใช้ |
ให้ผ่องใสสอาดดีไม่มีเปื้อน |
อย่าค่อยทำร่ำไรน้ำใจเชือน |
อันการเรือนนี้นะนางใช่อย่างเดียว |
เมื่อเข้าครัวรีบรัดจัดอาหาร |
จงประมาณตรึกตรองของหวานเปรี้ยว |
อย่าทำครึ่งทิ้งครึ่งของนึ่งเจียว |
อย่ากราวเกรียวครกชามให้ครามโครม |
หัดบำรุงภัตตาปรุงโอชารส |
ใครได้ซดต้องคนึงรำพึงโฉม |
จัดสำรับประดับประดาให้น่าโลม |
เสร็จแล้วโฉมเฉลาอย่าเบาใจ |
เก็บกวาดล้างวางไว้ให้เป็นระเบียบ |
สำรับเทียบกระโถนทำขันน้ำใส |
ตั้งไว้ท่ามารดรไม่ร้อนใจ |
ตื่นจะได้รับประทานสำราญรมย์ |
จงอาบน้ำชำระกายให้ใสสอาด |
จงซักฟาดเสื้อผ้าอย่าหมักหมม |
แล้วตกแต่งกายาให้น่าชม |
นั่งนิยมรับการของมารดา ฯ |
ทั้งจะได้สดับรับโอวาท |
ให้สามารถรับกระแสแก้ปัญหา |
ความเป็นไปตามสมัยของโลกา |
อ่อนปัญญาเปลี่ยนไปไม่ใคร่ทัน |
ได้รับคำนำแนะแหละยังชั่ว |
อย่าถือตัวเป็นนักเรียนเขียนขยัน |
ถึงเรียนรู้อักขรามาอนันต์ |
ไม่สำคัญเท่าสังเกตฟังเหตุการณ์ |
ความสดับรับรู้พหูสูตร |
คำคนพูดมากมายหลายสถาน |
มีประโยชน์อย่างใดใช้วิจารณ์ |
ย่อมทราบการดีชั่วทั่วทิศทาง ฯ |
มีแขกไทยไปมาหาผู้ใหญ่ |
จัดของไปปฏิบัติอย่าขัดขวาง |
ให้น้องหรือคนใช้นำไปวาง |
อย่าไปห่างคอยแอบฟังแยบคาย |
เขาพูดเนื่องเรื่องดีมีความรู้ |
จำเป็นครูอนุโลมนะโฉมฉาย |
ถ้าพูดเนื่องเรื่องชั่วตัวอบาย |
จงเกลียดอายอย่าจำเป็นตำรา |
มีพี่น้องหญิงชายคนใช้สรอย |
ผิดถูกค่อยพูดกันให้หรรษา |
อย่าส่งเสียงลำพองก้องโกลา |
เสียจรรยาหญิงสาวคราวเจริญ |
จะพูดจาปราศรัยอย่าใช้หยาบ |
พูดสุภาพเสมอไม่เก้อเขิน |
อย่าเอาสุขคลุกดิบหยิบประเมิน |
อย่าดำเนินคำมุสาเป็นราคี ฯ |
อันการกล่าวคำเท็จนั้นเผ็ดร้อน |
เหมือนตัดรอนกำลังตัวให้มัวศรี |
ไม่มีใครปรารถนาสามัคคี |
มีชีวีอยู่ก็เป็นเหมือนเช่นตาย |
ถ้าเราประพฤติตัวดีไม่มีผิด |
ใครประดิษฐ์แกล้งกล่าวฉาวสลาย |
บาปเขาทำกรรมเขารับเขาอับอาย |
เขาไปอบายช่างเขาเราอยู่ดี |
เหมือนทองคำงามหรูชมพูนุท |
บริสุทธิ์ปลั่งเปล่งเล็งฉวี |
สาดน้ำครำซ้ำเอาเผาอัคคี |
ก็ไม่มีมัวหมองผ่องอำไพ ฯ |
จงตั้งหน้าทำงานการดีกว่า |
อย่าเป็นอารมณ์เลวคำเหลวไหล |
เวลาว่างการบ้านสำราญใจ |
ทำลำไพ่ตามวิชาหาสตางค์ |
ได้เฟื้องหนึ่งสลึงหนออย่าท้อจิต |
แต่ปลวกนิดไม่มีหัตถ์น่าขัดขวาง |
ยังทำรังโตใหญ่ได้สำอางค์ |
ควรเอาอย่างเพียรประกอบที่ชอบธรรม |
ถึงได้น้อยค่อยประสมอุดมได้ |
อย่าช่างจ่ายสารพัดรู้จัดสรร |
ไม่จำเป็นอย่าจ่ายเสียดายครัน |
จงหมายมั่นเป็นเศรษฐีมีเงินทอง |
การสุรุ่ยสุร่ายไม่ได้เรื่อง |
จะเป็นเครื่องพาตนให้จนหมอง |
ประมาทว่าหาได้ใช้คะนอง |
น้ำเต็มคลองน่าแล้งยังแห้งเลย |
จะนุ่งห่มดูพอสมวาสนา |
อย่าหรูหราทั้งตาปีเจ้าพี่เอ๋ย |
อยาแต่งตัวเกินงามนะทรามเชย |
เขาจะเลยแลเห็นเป็นละคร |
การเสื้อผ้าหาประดับนับไม่ถ้วน |
แต่งแต่ล้วนต่วนแพรแลสลอน |
ให้งดงามเฉิดฉินเป็นกินนร |
แต่ทรัพย์กล่อนหมดม้วยสวยอะไร |
เก็บเงินไว้ได้หมุนทำทุนต่อ |
จะผลิดอกออกช่องามไสว |
ได้เก็บผลสุกห่ามอร่ามไป |
เมล็ดในปลูกสลับทับทวี |
จะเกิดผลล้นหลามงามแน่แท้ |
กินจนแก่จนตายไม่หน่ายหนี |
ถ้าใช้เงินเสียแต่รุ่นดรุณี |
แล้วไม่มีทุนรอนจะถอนใจ |
อย่าถือผิดคิดว่าใช่หน้าที่ |
มีสามีเขาจะหาเงินมาให้ |
จะนั่งนอนฟ้อนรำทำอย่างใด |
เขาคงให้เงินทองเรากองโต |
ถ้าคิดเห็นเช่นนี้ผิดทีแน่ |
ใครรู้แซ่แล้วก็ตนไม่พ้นโง่ |
เหมือนสิ้นคิดวิทยาคอยพาโล |
ดังคนโซวอนง้อเที่ยวขอทาน ฯ |
เกิดเป็นหญิงจริงแล้วหรือมือเท้าหาย |
ต้องให้ชายเขาเลี้ยงเพียงข้าวสาร |
ทิ้งชีวิตให้เขาช่วยอำนวยการ |
เขาประหารตามเวลาก้มหน้าตาย |
มือเท้าดีมีพร้อมหรือยอมขลาด |
ทั้งเป็นชาติมนุษย์วิสุทธิ์หลาย |
ความรู้สึกต่าง ๆ อย่างภิปราย |
ไม่แปลกชายกี่มากน้อยเลยกลอยใจ |
อันเงินทองถมไปในใต้หล้า |
ผู้หญิงหาก็ต้องพบสบสมัย |
หาได้เองไม่ต้องเกรงน้ำใจใคร |
จะกินใช้ก็สะดวกไม่ลวกคอ ฯ |
ได้ยินเล่าลาง ๆ บางผู้หญิง |
พูดอ้อยอิ่งโอดโอ้พุทโธ่หนอ |
เงินเดือนไม่พอใช้จ่ายไม่พอ |
ลูกกะยอกะแยร้องแซ่กิน |
ฟังแล้วเหี่ยวเสียวสลดระทดท้อ |
นี่เพราะข้อแต่เดิมไม่เริ่มถวิล |
ไม่คิดอ่านทำมาการหากิน |
คิดแต่ผินพึ่งชายเสียฝ่ายเดียว |
ถึงพึ่งได้ก็ยังลือขึ้นชื่อว่า |
เขาไม่หาเลี้ยงท้องก็ต้องเหี่ยว |
ไม่ชื่นสดอดอยากลำบากเจียว |
ไม่แน่นเหนียวเหนี่ยวรั้งประทังกาย ฯ |
โอ้เกิดมาเป็นหญิงสิ่งเสียเปรียบ |
โบราณเทียบเป็นข้าวสารการทั้งหลาย |
ไม่งอกงามทรามตาเทียมหน้าชาย |
น่าแสนอายแสนเจ็บน่าเก็บจำ |
ส่วนผู้ชายท่านเปรียบเทียบข้าวเปลือก |
จะกลิ้งเกลือกไม่เป็นที่ก็ดีขำ |
ตกที่ไหนงอกที่นั่นรำพรรณคำ |
ไม่ม้านน้ำบ้างหรือไรไฉนนา ฯ |
เพราะผู้หญิงบางคนวนขี้เกียจ |
ต้องถูกเหยียดเป็นเด็กอ่อนฉะอ้อนหา |
ชายข่มขู่ดูหมิ่นสิ้นเมตตา |
ก็ไม่กล้าปริปากเพราะยากใจ |
การน้อยทรัพย์อัประมานกันดานหมด |
ต้องออมอดสาระพัดแทบตักษัย |
ทำไม่ถูกยืมจมูกเขาหายใจ |
จะต้องได้ยากแค้นแสนทวี ฯ |
เชิญอนงค์จงจำคำตัวอย่าง |
ได้เป็นทางตรองดูรู้วิถี |
ทางใดเลี่ยนเตียนก็จรลี |
ทางใดมีขวากหนามอย่าข้ามกราย |
เหมือนคนเดินทางไกลไปภายหน้า |
จำต้องหาสะเบียงไปให้มากหลาย |
อย่าหมายน้ำบ่อน่าว่ามากมาย |
ไม่สมหมายจะต้องอดหมดกำลัง |
อย่าคอยพึ่งผู้อื่นกลืนอร่อย |
จงอายหอยต่าง ๆ ดูอย่างมั่ง |
มันไม่มีมือเท้าก้าวประทัง |
มันก็ยังเลี้ยงกายได้ใหญ่โต ฯ |
จงคำนึงพึ่งตัวเราดีกว่า |
คำพระว่าอัตตะโนนาโถ |
แต่ให้เป็นสัมมาอาชีโว |
อย่าโลโภมิจฉาอาชีวะ |
การหากินสิ่งใดถึงใหญ่ลาภ |
แต่เป็นบาปทุจริตผิดจังหวะ |
จะทำให้เสื่อมคลายหายะนะ |
จงหลีกละอย่าทำเป็นกรรมเวร |
จงแสวงหาแต่ข้อบริสุทธิ์ |
อย่ายั้งหยุดรีบรัดขัดเขมร |
อย่าเฉื่อยช้าซึมเหงาดังเขาเกณฑ์ |
ทำให้เจนใจชำนาญการหากิน |
ถ้ามีทรัพย์มารศรีมีคู่ครอง |
จะไม่ต้องร้อนจิตคิดถวิล |
เรามีอยู่เขามาหาเป็นอาจิณต์ |
จะเพิ่มภิญโญยิ่งทรัพย์ศฤงคาร |
ถ้าเราจนเขาก็หามาไม่พอ |
จะเป็นข้อร้อนใจดังไฟผลาญ |
เรามีไว้ขาดเหลือได้เจือจาน |
จะสำราญไม่ต้องหมองฤทัย ฯ |
เป็นหญิงดีมีทั้งทรัพย์กับเป็นปราชญ์ |
เปรียบดังชาตินพรัตน์จรัสไข |
หรือจะไร้เรือนรองทองอุไร |
อันอำไพสมศักดิ์ลักษณา |
มีบ้านเรือนเพื่อนชีวิตคิดให้ชอบ |
จงน้อมนอบทอดเทเสน่หา |
คอยกังวลปรนนิบัติภัสดา |
ให้ผ่องผาสุขสานต์สำราญรมณ์ |
จงตั้งจิตคิดที่ชอบประกอบกิจ |
สุจริตชวนชิดสนิทสนม |
เหมือนชีวิตอันเดียวกันเกลียวกลม |
ทุกระทมสุขเกษมเปรมปรีดา |
ย่อมได้รับด้วยกันนะขวัญจิต |
อย่าควรคิดลังเลเสน่หา |
ถึงนอนดินกินเกลือเหลือระอา |
ก็อุตส่าห์กล่อมเกลี้ยงเลี้ยงกันไป |
เวลายิ้มอิ่มเอมเกษมสุข |
คราวมีทุกข์ถอยหนีทีไถล |
อย่าจับโน่นโยนนั่นไม่ทันไร |
ผิดวิสัยหญิงดีมีจรรยา ฯ |
หญิงจะงามเต็มที่ยามมีผัว |
ครองครอบครัวชำเลและเคหา |
เครื่องใช้สอยน้อยใหญ่หลายบรรณา |
อวิญญาณกทรัพย์นับประมาณ |
ทั้งวิญญาณกทรัพย์นับเอนก |
อดิเรกลาภามหาสาร |
ของทั้งหลายได้แบ่งเมื่อแต่งงาน |
บิดามารดามอบให้ครอบครอง ฯ |
งามสงวนควรรักษาอย่าให้ขาด |
จงฉลาดหาเพิ่มเติมสนอง |
ให้ได้สืบนามสกุลทรัพย์มูลมอง |
ไม่มัวหมองเจริญสุขทุกทิวา ฯ |
มีคู่ครองน้องเอ๋ยอย่าเฉยแฉะ |
ครั้งนี้แหละญาติวงศ์เผ่าพงศา |
ทั้งเพื่อนบ้านใกล้ห่างจะตั้งตา |
ดูสุดาครองบ้านการใหญ่โต |
แม้นปกครองของเก่าไม่เศร้าสูญ |
ของใหม่พูลเพิ่มไว้ได้อักโข |
ทั้งญาติมิตรทั้งหลายจะไชโย |
แม้ใหม่โซเก่าสูญท่านขุ่นเคือง |
จะสาปแช่งแหนงหน่ายไม่หมายคบ |
คอยหลีกหลบเกลียดชังไปทั้งเรื่อง |
กลัวใกล้ตัวชั่วจะทำพาเขาเปลือง |
จะแค้นเคืองเอาใครตัวไม่ดี |
จงระวังนั่งเดินอย่าเพลินสุข |
กริ่งเกรงทุกข์ภัยพาลผ่านวิถี |
อย่าให้ล้ำกล้ำมาทำราวี |
เป็นหน้าที่ของเราเฝ้าป้องกัน |
แต่ก่อนนี้สมรมิ่งนามหญิงสาว |
นี่ถึงคราวได้ชื่อลือขยัน |
ว่าแม่เรือน ๆ เหมือนกับเผ่าพันธุ์ |
พืชสำคัญของมนุษย์ปุถุชน |
ถ้าพืชพันธุ์นั้นดีไม่มีลีบ |
จะสืบชีพวัฒนาสถาผล |
รู้รักษ์ความดีมีกมล |
ไม่เป็นคนเหลวแหลกแปลกประยูร ฯ |
การตื่นสายไม่ใช่สิ่งหญิงประพฤติ |
จงเพียรยึดยกตำราอย่าให้สูญ |
ตื่นแต่ยังรังษีที่จรูญ |
อากาศพูนเพิ่มฟูชูสกนธ์ |
กระทำให้ร่างกายสายสวาท |
จะแคล้วคลาดโรคภัยไม่สับสน |
พยาธิสิเป็นภัยใหญ่แก่ตน |
ตัดลาภผลความเจริญไม่เดินจร |
อโรคาสามารถให้อาจหาญ |
ทำกิจการสิ่งใดไม่ท้อถอน |
สำเร็จมาตร์ปรารถนาไม่อาวรณ์ |
พงางอนจงระวังกำลังกาย |
เราตื่นสายบ่ายงานการเคหา |
เสียเวลาขาดประโยชน์เป็นโทษหลาย |
ควรจะได้หนึ่งบาทต้องคลาดคลาย |
เป็นเสียหายหกสลึงซึ่งไม่ควร ฯ |
หมั่นตรวจตราสารพัดจังหวัดบ้าน |
รักษาการรอบคอบคอยสอบสวน |
ผู้ทำเริ่มเสียหายหลายขะบวน |
ครั้งหนึ่งควรภาคทัณฑ์อย่าบั่นรอน |
ถ้าสองครั้งสามครั้งยังบังอาจ |
ทำร้ายกาจไม่จำคำสั่งสอน |
จะใช้สอยไม่เป็นเรื่องเยื้องให้จร |
ไว้เป็นหนอนปลวกมอดกัดกรอดกาย |
ผู้ใดมีสัตย์สุจริต |
ทำการกิจเหมือนของตนช่วยขวนขวาย |
ถึงต่อหน้าหลับหลังไม่ซังกะตาย |
กลัวเสียหายป่นปอนเจ็บร้อนแทน |
อันคนใช้เช่นนี้หนาหาได้ยาก |
ควรจะฝากฝังทรวงซึ่งหวงแหน |
เป็นหูตาเราได้ไม่ขายแปลน |
จะตอบแทนตามระบอบให้ชอบชม |
การสิ่งใดในเหย้าอย่าเบาจิต |
สมรมิตรตรองความให้งามสม |
เป็นแม่เรือนเหมือนลับมีดกรีดให้คม |
วางอารมณ์พลั้งพลาดจะบาดมือ |
ระวังการณ์ภายในไม่ช้ำชอก |
ทั้งภายนอกมิให้หมองประคองถือ |
มีธุระสิ่งใดให้หารือ |
อย่าโง่ดื้องอนเง้าไม่เข้าการ |
แม้นโกรธเคืองเรื่องใดมีในจิต |
จงแจ้งกิจสุนทรโดยอ่อนหวาน |
ให้สามีทราบประสงค์ของนงคราญ |
ไม่ร้าวรานรอนสลัดตัดไมตรี ฯ |
จะพูดจาปราศัยอย่าใช้ปด |
สบัดสบถสารพัดจะบัดสี |
อย่ายักยอกกลอกกลับล้วนอัปปรีย์ |
เป็นผู้ดีไม่ได้ใช้ไม่คง |
การกล่าวเท็จแม้สำเร็จปรารถนา |
ไม่เร็วช้าจับได้อย่าไหลหลง |
เขารู้เช่นเห็นพยศคดไม่ตรง |
จะเลยลงทอดตลาดขาดราคา ฯ |
หรืออย่างต่ำทำให้ไม่ไว้จิต |
ผู้ใกล้ชิดคลายเล่ห์เสน่หา |
สำหรับเขาติฉินกล่าวนินทา |
อย่าถือว่าช่างเป็นไรฉันไม่กลัว |
ไม่กลัวคนถ้วนทั่วต้องกลัวบาป |
เวรจะปราบเราเลยไม่เงยหัว |
จะตอบโต้เวรไม่ได้แพ้ภัยตัว |
จะเกรงกลัวเวรกรรมกล่าวคำตรง |
พูดแต่สิ่งจริงเถิดประเสริฐรส |
จะปรากฏยศอย่างดังนางหงษ์ |
ถึงตัวตายฝ่ายชื่อยังลือยง |
ย่อมมั่นคงแน่นหนักดังหลักชัย ฯ |
อนึ่งผู้ใหญ่ในตระกูลประยูรญาติ |
อย่าอุกอาจวาจาอัชฌาสัย |
จงเคารพนบน้อมละม่อมละไม |
รักษาไมตรีสมัครสามัคคี |
อย่าหูไวใจเบาเจ้าทิฏฐิ |
จงตรองตริใคร่ครวญให้ถ้วนถี่ |
ถึงหนักเหลือเบาหลายร้ายเต็มที |
มารศรีอดออมถนอมวงศ์ |
อีกทั้งความฤษยาพยาบาท |
ตัดให้ขาดจากใจอย่าไหลหลง |
ใครมีทุกข์รันทดสลดทรง |
ช่วยบรรจงแบกหามตามกำลัง |
ใครมีสุขโสมนัสไม่ขัดข้อง |
จะประคองค้ำจุนช่วยหนุนหลัง |
อย่าเที่ยวทำขี้เหล่ขวางเก้กัง |
ไม่สมดังชื่อเหมือนแม่เรือนดี ฯ |
จงโอบอ้อมอารีญาติพี่น้อง |
ทั้งพวกพ้องเพื่อนฝูงสูงต่ำสี |
ควรช่วยเหลืออย่างใดในวิธี |
อย่าตระหนี่ไปเสียหมดไม่งดงาม |
ผู้มีคุณจุนเจือต้องเผื่อแผ่ |
อย่านิ่งแน่ดูดายไม่ไต่ถาม |
มีสุขเสริมเติมสิ่งให้พริ้งงาม |
มีทุกข์หามหอบช่วยด้วยกำลัง |
กตัญญูนอบนบไม่ลบหลู่ |
ทวยเทพรู้อวยชัยให้สมหวัง |
จะเจริญลาภยศปรากฏดัง |
เป็นที่ตั้งสุขสวัสดิ์วัฒนา ฯ |
ทั้งเพื่อนบ้านร้านช่องอย่าปองผิด |
จะหนักนิดเบาหน่อยค่อยปรึกษา |
จงหักจิตคิดละอะเวรา |
หมั่นรักษาไมตรีมีประมาณ |
อย่าเก็บคำบ้านนั้นออกบอกบ้านนี้ |
ทำลายความสามัคคีให้ร้าวฉาน |
การเสียดส่อก่อเวรเกณฑ์รำคาญ |
เขาประจานสอบสวนทวนถ้อยคำ |
ใครเขากล่าวดีชั่วส่วนตัวเขา |
ใช่การเราจะไปพล่อยพลอยถลำ |
ดูเป็นคนต่ำช้าวาจากรรม |
ไม่ควรทำใจของตนจนใจคอ |
การของเราเอาใจใส่ให้มาก |
กลัวตกยากอย่าเที่ยวไปไถลหนอ |
เสียการงานบ้านเรือนเหมือนมืองอ |
ต้องเบียนขอยืมกู้ดูกระไร |
จงตรึกตราหาผลที่พ้นโทษ |
ทำประโยชน์เพิ่มเติมค่อยเสริมใส่ |
ของชำรุดอุตส่าห์ซ่อมถนอมใช้ |
สิ่งใด ๆ ต้องเงินซื้ออย่าถือดี |
อันบ้านช่องของใช้ไม่รักษา |
เหมือนไม่รักกายาและศักดิ์ศรี |
ไม่เป็นที่วางวิญญาของสามี |
ทำผู้ดีไม่จับต้องกลัวหมองมือ |
ร่างกายเปื้อนล้างได้ไม่ลำบาก |
ชื่อเปื้อนยากที่จะล้างต้องครางหือ |
ยิ่งเปื้อนหมึกปากกาพาเลื่องลือ |
กว่าจะรื้อถ่ายถอนก็อ่อนแรง |
ทำสิ่งใดอย่าให้ผัวตำหนิ |
จะรีบริเป็นราคีขี้แขนง |
ลงว่าเสียสักครั้งทีหลังแรง |
เขาพลาดแพลงเราจะว่าดูท่าที |
ค่อยโอภาปราสัยให้เห็นผิด |
อย่าคุมคิดแค้นคลั่งตั้งเสียดสี |
อดโทโสโมหันต์ถือขันตี |
ไม่พอที่อย่าให้เรื่องถึงเคืองคำ |
ธรรมดาภรรยากับสามี |
ต้องถ้อยทีมีจิตอุปถัมภ์ |
ต่างเมตตาปรองดองทำนองธรรม |
จะสุขสำราญกมลจนบรรลัย ฯ |
อนึ่งจำสำนักการศึกษา |
ศาสนาที่เราถือคือไฉน |
พระพุทธเจ้ากล่าวธรรมนำฉันใด |
จงเรียนให้รู้จริงสิ่งสำคัญ |
ถ้าไม่รู้ดูเป็นคนไม่เป็นหลัก |
จะยึดปักลอยเร่เที่ยวเหหัน |
รู้ประเสริฐเกิดทุนคุณอนันต์ |
ป้องกันสรรพ์ภัยมีชัยชาญ ฯ |
เมื่อครั้งสาวเปล่ากายสบายจิต |
ไม่รับผิดชอบคะเนเคหะสถาน |
เพราะชนกชนนีมีประธาน |
สิ่งกันดารสารพัดท่านจัดเอง |
คราวนี้เราพ้นอกท่านกกเลี้ยง |
จะหลีกเลี่ยงอย่างไรไม่เหมาะเหมง |
ต้องรับช่วงตวงถ่ายเต็มกายเอง |
จะเดินเพลงยากนักหนาเป็นนารี |
ถ้ามั่งมีดีงามในนามผัว |
ยากจนชั่วว่าเมียเสียราศี |
เป็นแม่เรือนไม่ได้และไม่ดี |
ส่วนชายซีเขาไม่ว่าหนาอนงค์ ฯ |
เพราะเช่นนี้จำอุตส่าห์เต็มสามารถ |
สงวนชาติหญิงไว้อย่าไหลหลง |
แม้เชื่อรูปเชื่อรักมักทะนง |
อันรูปทรงอย่าสัญญาว่าตราชู |
ย่อมผันแปรแก่เก่าไม่สาวพริ้ง |
มักเป็นสิ่งเบื่อหน่ายอายอดสู |
ถ้าความดีมีไว้ได้เชิดชู |
จะไม่รู้เก่าแก่แลจืดจาง |
อย่าทำภูมิฟูมฟายทำลายทรัพย์ |
จะย่อยยับสารพัดจะขัดขวาง |
คอยเสงี่ยมเจียมตัวกลัวระคาง |
อย่าเอาอย่างเยี่ยงชั่วเฝ้ามัวเมา |
อย่ากระทำสำอางวางธุระ |
เงินทองนะถมไปไม่ต้องเศร้า |
หมดไปหรือซื้อเอาใหม่ทำใจเบา |
ไม่มีเจ้าบ้านไปหามาให้พอ |
อย่าประพฤติเผลอเรอกะเฌอรั่ว |
ปลาสักตัวผัวช้อนจนอ่อนข้อ |
ไม่มีเหลือยับแยบจะแสบคอ |
จนเขาท้อใจไม่เลี้ยงเถียงเอาใคร |
จะดิ้นโดยโหยหาว่าเขาชั่ว |
ก็ส่วนตัวเราผิดคิดไฉน |
ต้องพูดให้ยุติธรรมในน้ำใจ |
ขออย่าได้เป็นดังอย่างที่อ้างเอย ฯ |