มงคลสูตร
พระพุทธเจ้ากล่าวนุสนธิ์มงคลคาถา | |
สามสิบแปดข้อความตามมาตรา | ให้โลกาปฏิบัติขจัดภัย |
เราทั้งหลายนายนางอย่าหมางหมอง | เชิญทดลองทำดูจะรู้ได้ |
เป็นแต่รู้ไม่ประพฤติยึดหัวใจ | ก็จะไร้ผลตระการที่หวานมัน |
๑. อเสวนา จ พาลานํ
ตามคาถาอย่าคบพาลสันดานหยาบ | จะนำบาปกรรมมาให้ใหญ่มหันต์ |
พาลภายนอกบอกให้ดูพอรู้ทัน | พอป้องกันได้อยู่เพราะรู้ตัว |
แต่ว่าพาลภายในใจของเรา | ผุดเกิดเค้าแนะนำให้ทำชั่ว |
สำคัญมากกาจเก่งเร่งเกรงกลัว | ระวังทั่วนอกในพ้นภัยพาล |
๒. ปณฺฑิตานฺ จ เสวนา
ตามคาถาให้ประจบคบนักปราชญ์ | อันฉลาดทางธรรมนำวิตถาร |
ได้รอบรู้ดูเหตุสังเกตการณ์ | ที่แก่นสารเปลือกกระพี้ชี้หนทาง |
ให้ดำเนินแต่ที่ชอบประกอบกิจ | มีชีวิตผ่องใสไม่มัวหมาง |
การคบปราชญ์อาจนำให้สำอาง | มิเหินห่างศีลธรรมประจำตัว |
๓. ปูชา จ ปูชนียานํ
การบูชาเคารพนอบนบน้อม | ผู้ถึงพร้อมความดีไม่มีชั่ว |
ผู้บุญหนักศักดิ์ละเบงนอบเกรงกลัว | ผู้มีวัยไหว้ทั่วตัวบุคคล |
ผู้มีคุณแก่เรามาเก่าก่อน | ต้องยอกรเต็มจิตคิดกุศล |
ผู้มีศีลมีธรรมถึงต่ำจน | จงทำตนคารวะจึงจะดี |
๔. เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ
ทั้งสามบทจดทำประจำร่าง | จะสว่างวิญญาชูราศรี |
เป็นมงคลพูนพิพัฒน์สวัสดี | อันเป็นที่สูงสุดอุตตมัง |
๕. ปฏิรูปเทสวาโส จ
ตามคาถาว่าประเทศเขตที่อยู่ | พิเคราะห์ดูให้ดีเป็นที่หวัง |
อีกน้ำท่าอาหารการกำลัง | ประกอบทั้งเพื่อนบ้านฐานอารี |
ทำเลทางไปมาหาอาชีพ | ไม่แห้งลีบสะดวกสบายหลายวิถี |
ไม่มีเหล่าพาลชนพ้นราวี | จึงควรที่อยู่อาศัยไม่กังวล |
๖. ปุพฺเพ จ กตปฺุตา
ตามคาถาว่าผู้ที่มีความสุข | ไม่มีทุกข์แสนสบายได้ลาภผล |
ปราศจากขัดข้องหมองกมล | โรคภัยพ้นรูปร่างสำอางดี |
เพราะกุศลชาติก่อนสร้างต้อนรับ | คอยประคับประคองให้ผ่องศรี |
ชั่วมิเห็นเข็ญมิพบจบโลกีย์ | บารมีมากทำให้สำราญ |
๗. อตฺตสมฺมาปณิธิ จ
ตามคาถาว่าตนคนเรานี้ | ตั้งตัวดีมีศีลธรรมกรรมฐาน |
ไม่เบียนเบียดเสียดส่อข้อจัณฑาล | ประหัตประหารสัตว์ให้วายชีวา |
ไม่ผูกพันสันถวะปนปะชั่ว | ระวังตัวอยู่เป็นนิตย์ไม่ริษยา |
ไม่ประกอบทุจริตอวิชชา | เป็นมรรคาอานิสงส์อันมงคล |
๘. พาหุสจฺจฺจ สิปฺปฺฺจ
ตามคาถาว่าผู้ฟังมากทั้งหลาย | เป็นอุบายรู้เหตุประเภทผล |
เกิดปัญญาสามารถอาจช่วยตน | ไม่อับจนเพราะเค้ารู้เท่าทัน |
ผู้รู้วิทยาศาสตร์ฉลาดลักษณ์ | จะนำชักพะยุงเชิดให้เฉิดฉัน |
มิอาภัพอับหมองครองชีวัน | ประสบสันติสุขดีเพราะวิชา |
๙. วินโย จ สุสิกฺขิโต
ตามคาถาว่าวินัยชนใดประพฤติ | ตั้งใจยึดตื้นลึกได้ศึกษา |
รู้ดีแล้วปฏิบัติอยู่อัตรา | ตามพระบาลีแล้วคลาดแคล้วภัย |
ยังผลานิสงส์จะส่งเสริม | พอกพูนเพิ่มอริยทรัพย์ไม่นับได้ |
ทางโลกเล่าผู้ใดดีมีวินัย | บังคับใจตนดีล้วนมีคุณ |
๑๐. สุภาสิตา จ ยา วาจา
ตามคาถาว่าถ้อยคำจำต้องกล่าว | แต่เรื่องราวที่ดีไม่มีวุ่น |
แนะนำชนทั้งหลายให้ใจบุญ | ห้ามทารุณหยาบคายของฝ่ายพาล |
กล่าววาจาชักชวนล้วนคาถา | เป็นสุภาษิตทางอย่างวิตถาร |
อันไพเราะเพราะพริ้งทุกสิ่งการณ์ | เป็นแก่นสารสูงส่งสิ่งมงคล |
๑๑. มาตาปิตุอุปฏฺฐานํ
ตามคาถาว่าบิดรและมารดา | เป็นบุพพาจารย์กำเนิดประเสริฐผล |
ต้องสนองคุณที่มีแก่ตน | อุตส่าห์ปรนนิบัติอย่าขัดใจ |
อุปถัมภ์บำรุงผดุงท่าน | ให้สำราญวิญญาอัชฌาศัย |
ความมีกัตเวทีดีสุดใจ | เทพไทยย่อมช่วยอำนวยพร |
๑๒. ปุตฺตทารสฺส สงฺคโห
ตามคาถาว่าบุตรภรรยา | สงเคราะห์หาเลี้ยงรักสมัครสมร |
เต็มกำลังตั้งหน้าช่วยอาทร | มีทุกข์ร้อนป่วยไข้ไม่ละเลย |
ต้องจัดแจงแสวงหาวิชาให้ | เป็นทุนไว้กับตัวไม่มัวเฉย |
อบรมบุตรให้สุจริตเคย | หมั่นภิเปรยให้จิตคิดเป็นธรรม |
๑๓. อนากุลา จ กมฺมนฺตา
ตามคาถาว่าการงานทั้งหลาย | ไม่ก้าวก่ายชนิดผิดถลำ |
มิละเลยเฉยช้าเวลาทำ | ผัดเช้าค่ำไถลใจเลื่อนลอย |
กระทำการสิ่งใดตั้งใจมั่น | สู้บากบั่นแข็งข้อไม่ท้อถอย |
ให้ไร้โทษประโยชน์ดีทวีทอย | ได้ผลสร้อยสูงสุดอุตตมัง |
๑๔. ทานฺจ ธมฺมจริยา จ
ตามคาถาว่าทานการที่ให้ | ตั้งอยู่ในจรรยาทั้งหน้าหลัง |
ให้ธรรมเป็นเช่นสมานการเหนี่ยวรั้ง | ประพฤตตั้งตนดีมีอินัง |
ให้ความรู้วิชาที่อาศัย | ทั้งอาหารการให้เป็นสุขัง |
มิได้เลือกที่รักผลักที่ชัง | ดวงจิตตั้งเป็นธรรมไม่ลำเอียง |
๑๕. าตกานฺจ สงฺคโห
ตามคาถาว่าไว้อย่าได้พลาด | บรรดาญาติเราต้องนับอย่ากลับเสียง |
สงเคราะห์ความตามที่ได้เกิดใกล้เคียง | ไม่หลีกเลี่ยงโอบอ้อมถนอมกัน |
สามัคคีมีกำลังดังสัตว์ปลวก | อาจผนวกรังได้ใหญ่มหันต์ |
การปราณีประนอมย่อมสำคัญ | จะนำสันติสุขพ้นทุกข์ภัย |
๑๖. อนวชฺชานิ กมฺมานิ
ตามคาถาว่าทำกรรมทั้งหลาย | มิใกล้กรายโทษานิราศัย |
จะประกอบการงานสถานใด | เลือกแต่ไม่มีผิดจึงคิดทำ |
อย่าทำผิดของเราป้ายเขาอื่น | กลับเท็จฝืนจริงใจไม่เป็นสัม |
มาปฏิบัติตามความสัตย์ธรรม | จงจดจำข้อนี้ให้ดีงาม |
๑๗. อารตี วิรตี ปาปา
ความคาถาว่าจงงดบทการบาป | อย่าละลาบละล้วงชีวิตคิดหยาบหยาม |
ชีวิตเขา ๆ รักษาพยายาม | ต้องการความสุขาสถาพร |
จงละเว้นเข่นฆ่าพยาบาท | นำนุศาสน์พระธรรมคำสั่งสอน |
ประพฤติกายวาจาให้อาทร | มีสังวรณ์ไว้เสมออย่าเผลอใจ |
๑๔. มชฺชปานา จ สฺโม
ตามคาถาว่าเหล่าของเมาทั้งหลาย | อย่ากล้ำกรายหลงรักจงผลักไส |
เพราะจะทำให้เราโฉดเขลาไป | เกิดโทษภัยต่าง ๆ เสื่อมทางดี |
จงสำรวมอินทรีย์มีสติ | ระวังมิเสพของอันหมองศรี |
ไม่เสียทรัพย์อับจนพ้นราคี | จะเป็นที่เกษมเปรมปรีดา |
๑๙. อปฺปมาโท จ ธมฺเมสุ
ตามคาถาว่าไม่ให้ประมาท | อย่ามุ่งมาดเอาแต่ได้ไร้ศึกษา |
ทำการสิ่งใดใช้พิจารณา | จนเห็นว่าปลอดโปร่งจึงลงมือ |
ทั้งทางโลกทางธรรมประจำจิต | นั่งนอนคิดไม่ประมาทบังอาจถือ |
ควรปรึกษาก็ปรึกษากันหารือ | การงานคือครองชีวิตคิดจงดี |
๒๐. คารโว จ นิวาโต จ
ตามคาถาว่าเสงี่ยมเจียมตัวไว้ | ไปแห่งใดใคร่ครวญให้ถ้วนถี่ |
อ่อนน้อมถ่อมตัวไว้เป็นไรมี | ย่อมเป็นที่เสน่หาประชาชน |
ไม่วางท่าข้าแหละแสยะหยิ่ง | ให้เป็นสิ่งเกลียดชังบังกุศล |
น้ำใสดีสีดำขยำปน | ผู้ใดยลไม่สมัครอาบตักกิน |
๒๑. สนฺตุฏฺฐี จ กตฺุตา
ตามคาถาว่าจงปองแต่ของเรา | มีอยู่เท่าใดให้มียินดีสิ้น |
ไม่ลอบปองของใครให้ราคิน | จงมีศีลมีธรรมประจำตัว |
กตัญญูรู้คุณผู้จุนค้ำ | แก่เรานำทางให้เดินพ้นเนินชั่ว |
สนองบุญคุณเขาไม่เมามัว | มิเกลือกกลั้วโลกลาภอันบาปกรรม |
๒๒. กาเลน ธมฺมสฺสวนํ
ตามคาถาว่าจงพะวงจิต | การนี้กิจควรอย่างใดไม่ถลำ |
เวลานี้ควรคำนับสดับธรรม | เป็นประจำปฏิบัติอยู่อัตรา |
เพื่อยกตนพ้นกิเลสประเภทร้าย | พ้นอบายสิ้นทุกข์สุขหรรษา |
สู่นิพพานสานติสรรพมิกลับมา | ชาติชราพยาธิมิติดตาม |
๒๓. ขนฺตี จ โสวจสฺสตา
ตามคาถาว่าอย่ากังวลต่อผลร้าย | ทั้งว่าง่ายกระทำตนเป็นคนขาม |
ไม่ตอบต่อข้อทุกข์ให้ลุกลาม | อดทนความกระเทือนกระทบสงบใจ |
มีทุกข์ยากบากบั่นอดกลั้นก่อน | ทนหนาวร้อนตามเวลาอัชฌาศัย |
มิฉุนเฉียวเกลียวกราวแตกร้าวไป | มุ่งแต่ได้ผลเสร็จสำเร็จดี |
๒๔. สมณานฺจ ทสฺสนํ
ตามคาถากล่าวนามอันความเห็น | สมณะเป็นผู้เลิศประเสริฐศรี |
สงบระงับสรรพกิจคิดวิธี | หลบหลีกหนีกิเลสประเภทภัย |
มิฟุ้งซ่านต้านต่อข้ออกุศล | กระทำต้นเที่ยงตรงไม่หลงไหล |
ครองชีวิตเป็นสุขทุกหายใจ | ควรจำไว้เป็นคติดำริการ |
๒๕. กาเลน ธมฺมสากจฺฉา
ตามคาถาว่าจงดูรู้กาละ | จะธัมมะสากัจฉามหาสาร |
ควรเวลาหรือไม่ใช้วิจารณ์ | เห็นควรการกล่าวนำธรรมทั้งมวล |
ข้อละเอียดสุขุมประชุมคิด | อยู่ในกิจทางธรรมประจำส่วน |
เจรจาวิสาสะเป็นขบวน | จึงจะล้วนเป็นประโยชน์โชตนา |
๒๖. ตโป จ พฺรหฺมจริยฺจ
ตามคาถาว่าให้เพียรเผากิเลส | อันเป็นเหตุนำจิตดำฤษณา |
จะม้วยไหม้ด้วยอาศัยไฟปัญญา | จึงจะสามารถเผาเป็นเถ้าไป |
พรหมจรรย์นั่นนะจะอุปกรณ์ | จูงสัญจรทางตรงไม่หลงไหล |
บรรลุถิ่นอุตระชนะภัย | มิต้องได้เกิดดับชั่วกัปล์กัลป์ |
๒๗. อริยสจฺจานทสฺสนํ
ตามคาถาว่าความเห็นเป็นที่สุด | ทุกข์มนุษย์อยู่ในเช่นเบญจขันธ์ |
อันมีชาติมีภพทุกข์ครบครัน | สมุทัยนั้นปรารถนาหารู้พอ |
อย่าละโมภโลภมากจะยากยับ | นิโรธดับสมมุติให้หลุดหนอ |
อุปาทานหาญนักเป็นหลักตอ | มรรคแปดก่อทางดำเนินให้เดินตรง |
๒๘. นิพฺพานสจฺฉิกิริยา จ
ตามคาถาว่าจงทำพระนิพพาน | ให้แจ้งฉานเต็มที่มีประสงค์ |
เพลิงกิเลสเพลิงทุกข์คุกคามปลง | จะดับลงเพราะไม่ก่อต่อเยื่อใย |
ชาติ ชรา พยาธิ มรณะ | สิ้นอาสวะแล้วมิกล้ากรายมาใกล้ |
เพราะหมดเชื้อเกื้อกูลย่อมสูญไป | สำราญใดก็มิปานนิพพานเลย |
๒๙. ผุฏฐสฺส โลกธมฺเมหิ จิตฺตํ ยสฺส น กมฺปติ
อธิบายความตามคาถาอย่าหวั่นไหว | เหตุใด ๆ มากระทบจงหลบเฉย |
ไม่ยินดียินร้ายภิปรายเปรย | จิตคุ้นเคยสงบมั่นนิรันดร |
ดังภูผาหาระทมด้วยลมร้าย | มิระคายแน่วนิ่งชาติสิงขร |
ความหนักแน่นแม้นจะฉุดไม่หลุดคลอน | ต้องเย็นร้อนก็มินึกรู้สึกเลย |
๓๐. อโสกํ วิรชํ เขมํ
ตามคาถาว่าผู้ที่ไม่มีโศก | จะเกิดโรคภัยอย่างใดทำใจเฉย |
มีสติสัมปชัญญ์บากบั่นเคย | ไม่เสวยเวทนาอันอาดูร |
รู้เท่าทันขันธ์ห้าอายตนะ | หลีกสละมลทินให้สิ้นสูญ |
ไม่พอใจตอบเต้าเป็นเค้ามูล | ย่อมเพิ่มพูนความเกษมเปรมปรีดา |
๓๑. เอตาทิสานิ กตฺวาน
อธิบายคาถาว่ามนุษย์ | เทพบุตรทั้งหลายตั้งใจหา |
แต่มงคลปรนนิบัติอยู่อัตรา | จงผ่องผาสุกสานต์สำราญใจ |
๓๒. สพฺพตฺถมปราชิตา
ตามคาถาว่าเป็นผู้ไม่พ่ายแพ้ | นัยกระแสถิ่นทิศชนิดไหน |
แม้จะมีกิจการสถานใด | ย่อมปลอดภัยสารพันเพราะมั่นธรรม |
๓๓. สพฺพตฺถ โสตฺถึ คจฺฉนฺติ
อธิบายคาถาว่าจะมีแต่พิพัฒน์ | เป็นบรรทัดทำนุกทุกฉนำ |
สารพัดปัดบำราบพ้นบาปกรรม | ดลสุขสำราญมนัสสวัสดี |
๓๔. ตนฺเตสํ มงฺคลมุตฺตมนฺติ
อธิบายคาถาว่าทุกบท | พุทธพจน์ของพระชินศรี |
เป็นฉัตรชั้นกั้นเกล้าครอบเมาฬี | เป็นมิตรที่อุปถัมภ์ให้จำเริญ |
เป็นค่ายเพชรเจ็ดชั้นกั้นขอบเขต | เป็นนิเวศโอฬารสรรเสริญ |
เป็นดวงแก้วบรรเจิดให้เพลิดเพลิน | เป็นที่เชิญชวนวิญญาสถาพร |
เป็นปัจจัยให้บรรลุโลกุตตระ | ขอเดชะอานิสงส์จงสังหรณ์ |
ขอข้าพเจ้าส้มจีนสิ้นนิวรณ์ | ขอได้จรถึงนิพพานอย่านาน เอย |
----------------------------