คำนำ
วรรณคดีสมัยอยุธยาเรื่องราชาพิลาปคำฉันท์ ซึ่งพบต้นฉบับตัวเขียนในหอสมุดแห่งชาติ เป็นหนังสือสำคัญที่ไม่ปรากฏหลักฐานว่าแต่งเมื่อใดและใครเป็นผู้แต่ง แต่สันนิษฐานได้ว่าน่าจะแต่งก่อนรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ด้วยเหตุที่หนังสือจินดามณีของพระโหราธิบดี ซึ่งแต่งในรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ได้นำข้อความจากเรื่องราชาพิลาปคำฉันท์ไปอ้างอิงเป็นตัวอย่างคำประพันธ์หลายตอน เช่น ตัวอย่างฉันทฉบำดำเนินกลอน ๔ ฉันทฉบำนาคบริพันธ์ ดิลกวิเชียร ฉันท์ ๒๕ และ วิเชียรดิลก ฉันท์ ๒๕ จึงคาดว่าราชาพิลาปคำฉันท์จะเป็นหนังสือที่ได้รับความนิยมแพร่หลายในครั้งนั้น
เนื้อเรื่องราชาพิลาปคำฉันท์กล่าวได้ว่านำมาจากเรื่องรามเกียรติ์ ตอนสีดาหาย แต่งเป็นบทคร่ำครวญของพระรามขณะเมื่อติดตามหานางสีดาซึ่งถูกทศกัณฐ์ลักพาตัวไป และจบความลงตอนก่อนพระรามจะได้พบกับหนุมาน
การประพันธ์เรื่องราชาพิลาปคำฉันท์นี้ปรากฏว่ามีคำประพันธ์ในการดำเนินเรื่องมากถึง ๑๖ ชนิด แปลกไปจากวรรณคดีคำฉันท์สมัยอยุธยาเรื่องอื่นๆ ที่ใช้คำประพันธ์เพียง ๕-๗ ชนิด จากลักษณะดังกล่าวจึงเป็นข้อสังเกตว่า กวีผู้แต่งมีความประสงค์จะรวบรวม “ฉันท์” หลาย ๆ ชนิดไว้ในเรื่องเพื่อเป็นแบบแผนและอาจมีเจตนาแต่งไว้เพื่อการศึกษาคำประพันธ์ของกุลบุตรสืบมา
วรรณคดีเรื่องราชาพิลาปในต้นฉบับสมุดไทยปรากฎชื่อเรื่องแตกต่างกันหลายชื่อได้แก่ ราชาพิลาป นิราศษีดา พระรามหวล และ พระรามกำสรวล หนังสือจินดามณีของพระโหราธิบดี ได้อ้างชื่อวรรณคดีเก่าเรื่องหนึ่งคือ “พระยศราชาพิลาป” ซึ่งจะหมายถึงเรื่อง “ราชาพิลาปคำฉันท์” หรือไม่นั้น เป็นประเด็นที่นักวรรณคดีศึกษาจะต้องค้นคว้าสืบสวนกันต่อไป
ต้นฉบับเรื่องราชาพิลาปคำฉันท์ซึ่งเก็บรักษาไว้ที่ส่วนภาษาโบราณ หอสมุดแห่งชาติ มีทั้งหมด ๑๐ ฉบับ แต่ละฉบับมีถ้อยคำลักลั่นคลาดเคลื่อน การพิมพ์ครั้งแรกเผยแพร่ในหนังสือวชิรญาณ ตอนที่ ๘๙ ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ รัตนโกสินทร์ศก ๑๒๐ (พุทธศักราช ๒๔๔๕) และต่อมาเมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๓๐ กองวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ นำมาพิมพ์รวมอยู่ในวรรณกรรมสมัยอยุธยา เล่ม ๒
อนึ่งในการพิมพ์ครั้งนี้ กรมศิลปากรได้มอบให้ นายบุญเตือน ศรีวรพจน์ นักอักษรศาสตร์ ๘ ว. กลุ่มงานวรรณกรรม กองวรรณกรรม และประวัติศาสตร์ เป็นผู้ตรวจสอบชำระใหม่ทั้งหมด โดยศึกษาเปรียบเทียบจากฉบับสมุดไทยทั้ง ๑๐ ฉบับ ปรับอักขรวิธีบางส่วนให้ใกล้เคียงกับปัจจุบันเรียบเรียงคำอธิบาย และจัดทำอธิบายศัพท์เพื่อให้สะดวกต่อผู้ที่จะศึกษาค้นคว้า ทั้งได้นำภาพถ่ายต้นฉบับสมุดไทย ฉบับที่ ๑ ฉบับที่ ๕ และฉบับที่ ๘ บางส่วน พิมพ์ไว้เป็นภาคผนวกท้ายเล่มด้วย
กรมศิลปากรหวังว่า หนังสือราชาพิลาปคำฉันท์นี้ จะอำนวยประโยชน์ต่อผู้สนใจศึกษาค้นคว้าวรรณคดีไทยโดยทั่วกัน
นาวาอากาศเอก (อาวุธ เงินชูกลิ่น)
อธิบดีกรมศิลปากร
กองวรรณกรรมและประวัติศาสตร์
๑ มิถุนายน ๒๕๔๔