เนื้อเรื่องราชาพิลาปคำฉันท์

วรรณคดีเรื่องนี้เป็นการนำตอนหนึ่งจากเรื่องรามเกียรติ์มาแต่งเป็นคำฉันท์ ไม่มีบทนมัสการพระรัตนตรัย และบทสรรเสริญคุณในตอนต้นเรื่อง เริ่มคำประพันธ์ในบทแรกว่า

๏ จักร่ำปางเมื่อนรา นเรศนิรา
นิราศสีดาดวงมาลย์  

จากนั้นกล่าวถึงพระรามกับพระลักษณ์ออกตามหานางสีดาซึ่งหายไประหว่างที่พระรามไปตามกวางแปลง นางสีดาเกรงว่าพระรามจะเป็นอันตรายจึงให้พระลักษณ์ออกไปช่วย เมื่อทั้งสองกลับมาไม่พบนางสีดา พระรามก็โศกเศร้า รำพึงรำพันถึงนาง จนทำให้บรรดาคนธรรพ์ วิทยาธร กินนรกินรี ตลอดจนสัตว์ต่างๆ ที่อาศัยอยู่ในป่าพากันเศร้าโศกตามไปด้วย พระอินทร์ก็บันดาลให้เกิดฝนตก ฟ้าร้อง

๏ ป่างนั้นเบื้องบั้นเขียวขาว หมอกมัวเดือนดาว
สุริยะชรอื้อชรอ่ำลมฝน  
๏ ฟ้าฟื้นหลั่งหล่อโชรกชรล อับแสงสุริยพล
ครครึกครครืนเวหา  
๏ เมฆังติมิรังคมืดอา กาศทังชิมุตตา
ก้องฟ้าอัคนาอัสสุนี  
๏ กึกก้องโอโฆษณศรับทศรี ปาวกาวจรี
บัพภารร้องเริงเสียงสาร  

ฯ ล ฯ

เหตุการณ์ที่ต่าง ๆ ที่กล่าวไว้ในราชาพิลาปคำฉันท์ตอนนี้ คือ ฝนตก ฟ้าร้อง ฟ้าผ่า เกิดขึ้นจากการกระทำของพระอินทร์ ดังที่ คำประพันธ์ตอนต่อจากนี้ว่า “เสร็จการวัชรีโกลา”

คติดังกล่าวเป็นความเชื่อของพราหมณ์ในอินเดียโบราณ มีเรื่องราวปรากฏในคัมภีร์พระเวทว่า วฤตาสูรได้กลืนเมฆฝน ความชุ่มชื้นเข้าไว้ในท้องของตน ทำให้ท้องฟ้ามืดครึ้ม และพระอินทร์ (วัชรี) เป็นผู้ใช้สายฟ้าทำลายท้องของวฤตาสูร เมฆ น้ำและความชุ่มชื้นที่ถูกกลืนไว้จึงตกลงมาเป็นฝน ขณะที่พระอินทร์ใช้สายฟ้า (วัชร) ฟาดลงไปนั้น ทำให้เกิด ฟ้าแลบ ฟ้าร้อง ฟ้าผ่า และฝนตกในที่สุด

คติดังกล่าวต่างกับความเชื่อของไทยซึ่งเกิดขึ้นในภายหลังว่า ฟ้าแลบเกิดจากนางเมขลาล่อแก้ว ฟ้าร้องและฟ้าผ่าเกิดจากอำนาจขวานวิเศษของรามสูร ดังมีรายละเอียดอยู่ในบทละครเรื่อง รามเกียรติ์ พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๑ คือ

เมื่อนั้น นวลนางเมขลามารศรี
เลี้ยวล่อรามสูรอสุรี กรโยนมณีจินดา
ทำทีประหนึ่งจะให้แก้ว กลอกแสงพรายแพรวบนหัตถา
ครั้นรามสูรไล่เลี้ยวมา กัลยารำล่ออสุรี
นางแกล้งเลี้ยวลัดฉวัดเฉวียน เวียนไปตามจักรราศี
มือหนึ่งชูแก้วมณี ทำทีเยาะเย้ยอสุรา ฯ
บัดนั้น จึ่งรามสูรยักษา
ครั้นแสงแก้วแวววับจับตา อสุรากริ้วโกรธคือไฟ
เหม่เหม่เมขลานารี กูจะล้างชีวีเสียให้ได้
กวัดแกว่งขวานเพชรดั่งเปลวไฟ ก็ขว้างไปด้วยกำลังฤทธี ฯ

จากเนื้อหาในราชาพิลาปคำฉันท์ตอนที่กล่าวมานั้น น่าจะแสดงว่าผู้ประพันธ์มีความรู้เที่ยวกับคัมภีร์พระเวทของพราหมณ์ ผู้ประพันธ์จึงอาจจะเป็นพราหมณ์ผู้หนึ่งในสมัยอยุธยาซึ่งมีความรู้เรื่อง รามเกียรติ์และรู้เรื่องราวในคัมภีร์พระเวท

พระรามกับพระลักษณ์ตามหานางสีดาไปจนถึงลำธารแห่งหนึ่ง ได้พบกับนกยูงและนกยาง สัตว์ทั้งสองทูลว่าทศกัณฐ์ลักเอานางสีดาไปยังกรุงลงกาและบอกทางให้พระรามไปถามเรื่องราว กับวานรซึ่งจะได้พบในระหว่างทางข้างหน้า เมื่อพระรามและพระลักษณ์เสด็จไปถึงที่อยู่ของวานร วานรนั้นถวายผ้าสะไบซึ่งนางสีดาฝากไว้ให้แก่พระราม และแนะหนทางให้เสด็จต่อไป พระรามและพระลักษณ์เดินทางต่อไปจนพบกับยักษ์กุมพล

๏ ป่างนั้นยังมียักษา หนึ่งนามกรปรา-
กฏชื่อว่ายักษ์กุมพล  
๏ ผุดผันขึ้นแต่ภูมิดล ยักษ์นั้นมีตน
แต่เพียงนาภีขึ้นมา  
๏ เติบใหญ่พิลึกมหิมา ผุดกลางสองรา
ก็บังทังป่าพงไพร  
๏ ยุพลักษณ์ บ เห็นปิ่นไตร ภพภิตอิดใจ
ก็เอาตรีเพชรอันทรง  
๏ เข้าจับกุมพลโดยจง แหวะกายยักษ์ยง
ก็เห็นพระเชษฐอันจร  

ฯ ล ฯ

ความตอนนี้ในบทละครเรื่องรามเกียรติ์ พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๑ กล่าวว่าพระรามพบกุมพลหลังจากที่ได้พบสดายุ แต่ในราชาพิลาปคำฉันท์ว่าพบก่อน และในพระราชนิพนธ์รามเกียรติ์ยังมีรายละเอียดว่า กุมพลถูกพระอิศวรสาปให้มีกายเพียงครึ่งบนทนทุกข์ทรมานมานานถึงหกหมื่นปี ต่อเมื่อได้พบกับพระรามจึงจะพ้นคำสาป เมื่อกุมพลพบพระรามนั้นคิดจะจับกินเสีย แต่ถามก่อนว่าเป็นใคร มาแต่ไหน เมื่อทราบว่าเป็นพระนารายณ์อวตารก็ยินดีที่ตนจะพ้นคำสาป ภายหลังพระรามจึงแผลงศรให้กุมพลสิ้นชีพ ขึ้นไปเกิดในวิมานดังเก่า ต่างกับในราชาพิลาปคำฉันท์ที่ว่า พระลักษณ์ใช้ตรีสังหารและไม่กล่าวถึงรายละเอียดแต่อย่างใด

ในบทพากย์รามเกียรติ์ของเก่า เรียกยักษ์ตนนี้ว่า กุมภณฑ์ มีเรื่องราวแปลกออกไปคือ

๏ กุมภณฑ์ผาดเห็นภูมินทร์ ร้องก้องแดนดิน
ว่าเหวยมนุษย์สองนาย  
๏ ไม่รู้สึกชีพจะวาย หลงเดินมาตาย
ในมือพระกาลเพื่อใด  
๏ สองมืออสูรรวบภูวไนย ด้วยเดชาไว
ยุกูลบันดาลร้อนรึง  
๏ ขุนมารนิ่งนึกรำพึง หมื่นปีหลายหึง
แต่ต้องซึ่งสาปอิศรา  

ฯ ล ฯ

ในบทพากย์รามเกียรติ์กล่าวว่า เมื่อกุมพลบอกทางให้พระรามแล้วก็สิ้นใจ

เมื่อพระลักษณ์สังหารกุมพลแล้ว ทั้งสององค์จึงเดินทางต่อไปจนพบสดายุ พญานกซึ่งได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้ขัดขวางไม่ให้ทศกัณฑ์นำนางสีดาไปยังกรุงลงกา สดายุต่อสู้กับทศกัณฐ์เป็นสามารถ ทศกัณฐ์สู้ไม่ได้ วิชัยราชรถหักย่อยยับ สดายุพลั้งปากว่าตนไม่กลัวอาวุธใด ๆ ทั้งสิ้นนอกจากแหวนของพระอิศวรที่นางสีดาสวมอยู่ ทศกัณฐ์จึงถอดแหวนนั้นจากนิ้วนางสีดา ขว้างใส่สดายุจนได้รับบาดเจ็บสาหัส สดายุคาบแหวนไว้ด้วยจงอยปาก คอยจนพบพระราม

เรื่องแหวนของนางสีดานี้ ในบทละครเรื่องรามเกียรติ์ พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๑ ว่าเป็นแหวนของพระอิศวร ความต้องกันกับบทพากย์รามเกียรติ์ของเก่า แต่ในฉบับตัวเขียนเรื่องราชาพิลาปคำฉันท์บางฉบับว่าเป็นแหวนของพระนารทมุนี

ครั้นสดายุสิ้นใจพระรามจัดการปลงศพให้แล้วเสร็จ ก็ออกเดินทางต่อไป พระรามคร่ำครวญและประกาศว่าจะทำสงครามกับทศกัณฐ์ ทวยเทพทั้งหลายพากันอำนวยพร ทั้งสององค์เดินทางต่อไปจนถึงต้นไทรใหญ่แห่งหนึ่ง พระรามจึงบรรทมหนุนตักพระลักษณ์จนหลับไป ความจบลงตอนที่พระรามกำลังจะได้พบกับหนุมาน

เนื้อหาของเรื่องราชาพิลาปคำฉันท์เน้นประเด็นหลักคือ การคร่ำครวญ อาลัยรักที่พระรามมีต่อนางสีดา การดำเนินเรื่องเรียงลำดับไม่ตรงกับบทละครเรื่องรามเกียรติ์ พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๑ และบทพากย์รามเกียรติ์ของเก่า ทั้งนี้อาจเป็นเพราะผู้ประพันธ์มิได้ให้ความสำคัญกับการลำดับเนื้อหา หากเน้นที่สุนทรียภาพในลักษณะของวรรณคดีนิราศ การลำดับเนื้อหาเป็นเพียงเค้าโครงในการดำเนินเรื่องเท่านั้น

----------------------------

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ