๏ พระสมุดรามเกียรติ์เรื่อง ทศกรรฐ์ตั้งพิธีทรายกรด พระลักย์ต้องหอกกระบิลพัท } จนผูกผม ๚๛
๏ วัน ๑ ๑+ ๖ ค่ำ จุลศักราช ๑๑๓๒ ปีขาลโทศก พระราชนิพนธ์ทรงแต่งชั้นต้น เป็นประถมยัง ทราม พอดี } อยู่ ๚๛
๏ จึ่งตรัสแก่หมู่อสูรราช |
ประภาษแก่มารยักษา |
ทั้งพวกอำมาตย์เสนา |
กูได้มหารูจี |
ท่านเร่งเกษมเปรมใจ |
อย่าครั่นคร้ามขามใครยักษี |
อันลักษ์แลรามขุนกระบี่ |
น่าที่จะม้วยพิราลัย |
กูผัดมึงแต่สองสามวัน |
เท่านั้นดอกแล้วจะม้วยไหม้ |
มโหธรเร่งคุมอสูรไป |
ปลูกโรงพิไชยพิธี |
โดยยาวใหญ่สามสิบเก้าห้อง |
ให้กุก่องด้วยแดงแสงศรี |
ทั้งธูปเทียนตามรูจี |
ดอกไม้แดงดีสิบเจ็ดพรรณ |
จงประดับประดาธราลัย |
อำไพพึงพิศเฉิดฉัน |
อบอายกระจายจรจวงจันทน์ |
อำพันรสกลิ่นโอฬาร์ |
ทั้งเจ็ดประการแก้ววิเศษ |
จะบูชาพระเวทคาถา |
กับหอกกระบิลพัทสาตรา |
ณ ท่าทางเชิงพระเมรุบรรพต |
ยังที่ละเอียดอ่อนแดง |
ศรีแสงนามชื่อว่าทรายกรด |
เร่งคุมอสุรีมียศ |
กฎหมายกิจการทั้งปวงไป |
หนึ่งให้แกะดินเจ็ดท่า |
จะปั้นรูปเทวาน้อยใหญ่ |
เข้าบูชากุณฑ์กองไฟ |
อย่าให้ใครรู้จงลีลา |
ฯ เจรจา ๔๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น |
จึ่งมโหธรมารยักษา |
รับสั่งดีใจออกมา |
ก็พาอสุรพันหนึ่งไป |
ฯ กราว เชิด ฯ
ร่าย๏ ครั้นถึงเชิงพระเมรุบรรพต |
เอากฎหมายออกแถลงไข |
ฯ เจรจา ฯ
๏ กะเกณฑ์แก่กันทันใด |
ปลูกโรงพิไชยพิธี |
บ้างไปแกะดินเจ็ดท่า |
บ้างเก็บบุปผาพนาศรี |
ตัดไม้ทำโรงพิธี |
เสร็จได้มาลีดินมา |
ฯ ๖ คำ เจรจา เชิด ปฐม ฯ
๏ เมื่อนั้น |
จึ่งมโหธรมารยักษา |
แต่งโรงพิธีโอฬาร์ |
วิจิตรรจนาอำไพ |
เลิศแล้วแก้วเก้าเนาวรัตน์ |
เพดานดัดแดงแสงใส |
ระย้าย้อยห้อยพู่วิไล |
สุกใสเถือกถ่องรูจี |
เสาส้างสะอ้านพื้นพรรณแดง |
ตกแต่งที่ทางเรืองศรี |
ตามด้วยธูปเทียนรูจี |
มีคันธรสโอฬาร์ |
จึงให้เอาดอกมาลี |
ซึ่งให้ยักษีไปหา |
กับดินเจ็ดท่าสมุทรมา |
ไว้ท่า ณ โรงพิธี |
ครั้นเสร็จระเห็จผายผัน |
จรจรัลเหาะมายังกรุงศรี |
ฯ เชิด ปฐม ฯ
๏ ครั้นถึงจึ่งทูลคดี |
บัดนี้พร้อมแล้วพระราชา |
ฯ เจรจา ๑๐ คำ ฯ
โทน๏ เมื่อนั้น |
ทศเศียรสูริวงศ์ยักษา |
ชำระสระสรงคงคา |
ขัดกายาหมดมุลทิน |
ทรงภูษาทาธรสประดับเครื่อง |
เรืองรัศอำไพเฉิดฉิน |
ดุจดังบรมพรหมินทร์ |
เหมือนอินทร์เลื่อนลอยเมฆา |
ทรงมงกุฎสังวาลกรรเจียกเก็จ |
เพชรระยับทับทรวงเลขา |
ตาบติดวิจิตรเจษฎา |
พาหุรัดตรัสใส่ธำมรงค์ |
รัดพระองค์ทรงทองปลายพระกร |
บทจรดั่งพญาราชหงส์ |
ลีลามาขึ้นรถทรง |
ก็เหาะตรงไปโรงพิธี |
ฯ กราว ชมตลาด ฯ
๏ ครั้นถึงประทับพลับพลา |
เปลื้องเครื่องมหารังสี |
บรรจงกระหวัดโจฬ์เป็นโยคี๑ |
พิจิตรรังสีล้วนแดง |
ทรงด้ายย้อมเป็นสังวาลวรรณ |
เกี้ยวกันพึงพิศเป็นแสง |
ประดับประดาอ่าองค์บรรจงแดง |
แต่งจุณจันทน์เจิมพักตรา |
ดุจดั่งบรมพรหมเมศ |
เรืองเดชสิทธิศักดิ์หนักหนา |
เสด็จเข้าปั้นรูปเทวา |
ทุกช่องชั้นฟ้าสุลาลัย |
จึงเชิญหอกแก้วกระบิลพัท |
พาดบนเตียงแดงแสงใส |
ใส่เพลิงเถกิงกุณฑ์ไป |
สูงได้เท่าเทียมปลายตาล |
จึ่งอ่านพระเวทคาถา |
ตามตำรับตำราว่าขาน |
บูชาด้วยแก้วเจ็ดประการ |
หว่านดอกไม้เข้าในอัคคี |
แล้วจึ่งเอามัจฉมังสา |
บูชาหอกแก้วรังสี |
เอารูปเทวัญจันทรี |
โยนเข้าอัคคีระดมไฟ |
แล้วจึ่งสมาธิปัญโญ |
โอมอ่านโอรูปก็ม้วยไหม้ |
หอกกระบิลพัทลุกเป็นไฟ |
อาคมระงมไปถึงพรหมา |
ฯ ตระ ๒๒ คำ ฯ
ยานี๏ มาจะกล่าวบทไป |
ถึงเทพไททุกทิศา |
ทั่วสหัสทัศโลกา |
เทวาว้าวุ่นขุ่นใจ |
เหือดแห้งแรงร้อนอกอัด |
กลัดกลุ้มกระวนหม่นไหม้ |
ดุจดังจะม้วยบรรลัย |
แซ่ซ่านไปหาอินทรา |
ฯ เหาะ ฯ
ยานี๏ โกสีย์จึงมีสุนทร |
ดูกรทั่วเทพทิศา |
บัดนี้ทศกรรฐ์อสุรา |
ปั้นรูปเทวาบูชาไฟ |
มันโกรธว่าเป็นพยาน |
จะผลาญให้ม้วยตักษัย |
มาไปทูลเจ้าโลกาไกร |
ก็พาสุลาลัยไคลคลา |
ฯ แพละน้อย ฯ
ร่าย๏ ครั้นถึงจึ่งทูลพระศุลี |
บัดนี้ทศพักตร์ยักษา |
ทำพิธีการวิทยา |
เถกิงกุณฑ์ฆ่าสุลาลัย |
ฝ่ายเทพร้อนทุกราศี |
น่าที่จะม้วยตักษัย |
พระจงประทานชีวิตไว้ |
ใต้เบื้องบาทบงส์ธุลี |
ฯ เจรจา ๑๒ คำ ฯ
ช้า๏ เมื่อนั้น |
พระสยมภูวญาคุณรังสี |
เมตตาเทวัญจันทรี |
ให้หาเทพพาลีพลัน |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายจิตตุบทรับสั่งลา |
ขึ้นปารนิมมิตาสวรรค์ |
ฯ เหาะ ฯ
๏ เข้าแจ้งพาลีเทวัญ |
พลันไปให้หาบัดนี้ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายพาลีเทพคลาไคล |
ไปเฝ้าอิศวรรังสี |
ฯ คุกพาทย์ ฯ
๏ เข้ากรานพานพักตรธุลี |
มีโสมนัสวันทา |
ฯ ๒ คำ ฯ
ช้า๏ เมื่อนั้น |
พระสยมภูวญาณนาถา |
เอื้อนอรรถโองการบัญชา |
ว่าแก่เทพบุตรพาลี |
บัดนี้ทศกรรฐ์อสุรา |
มันจะฆ่าเทพทั่วราศี |
หุดีเพลิงเถกิงอัคคี |
ที่เชิงพระสุเมรุบรรพต |
ณ ท่าละเอียดอ่อนแดง |
ศรีแสงนามชื่อว่าทรายกรด |
เจ้าแปลงเป็นกระบี่มียศ |
ให้ปรากฏเหมือนเมื่อเป็นพาลี |
ไปช่วยชีวิตเทวัญ |
เข้าอันตรายยักษี |
ทำลายเสียซึ่งพิธี |
รีบรัดบัดนี้อย่าช้า |
ร่าย๏ แล้วอวยพระพรไชยศรี |
ให้ชนะอสุรียักษา |
จงถือเอามนตร์วิทยา |
สาตราไม่ต้องไปพลัน |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
ร่าย๏ ฝ่ายเทพทั้งนั้นอวยพร |
ให้ถาวรฤทธิแรงแข็งขัน |
เมตตาอย่าพ้นสามวัน |
ต่างต่างคมคัลวันทา |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายเทพพาลีคมคัล |
เชิญพระพรผายผันอาสา |
มาจัดพลแปลงกายา |
เป็นภาษาราชพาลี |
๏ ฝ่ายเทวะทั้งนั้นบิดเบือน |
เหมือนหนึ่งวานรกระบี่ศรี |
ฯ แพละ ฯ
๏ เหาะจากไกรลาสคีรี |
เข้าทำลายพิธีทันใด |
ฯ เชิด กราว ๔ คำ ฯ
เสนายักษ์๏ ฝ่ายมารซึ่งได้รักษา |
อหังการ์เข้าบุกรุกใส่ |
ฯ เชิดฯ
วานร๏ พวกพาลีต่อชิงชัย |
เข้าดับไฟตีอสุรา |
ฯ ๒ คำ เชิด ฯ
๏ ฝ่ายทศกรรฐ์เห็นพาลี |
อ้ายนี่สิดับสังขาร์ |
หฤาหนุมานแปลงมา |
ก็เข้าเข่นฆ่าดูกำลัง |
ฯ เชิด ๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายพาลีโผนโจนรับ |
จับกุมกันตามโอหัง |
ฯ เชิด ฯ
พาลี๏ ฟัดผลัดกันตีด้วยกำลัง |
สนั่นทั้งสามภพธาตรี |
ฯ เชิด ฯ
๏ สองฝ่ายเหน็ดเหนื่อยรอรา |
ยักษาพุ่งหอกรังสี |
ทิ่มแทงไม่ถูกพาลี |
อสุรีแข็งขืนชิงชัย |
ฯ ๒ คำ เชิด ฯ
๏ ฝ่ายพาลีอ่านคาถา |
เรียกกำลังอสุรามาได้ |
ตามพรพระเจ้าโลกาไกร |
ชิงชัยสัประยุทธ์อสุรี |
ฯ เชิด ๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายทศเศียรเสียกำลังกึ่ง |
ขึงขืนเข้าชิงชัยศรี |
ฯ เชิด ฯ
๏ หิวโหยโรยแรงอสุรี |
เหาะหนีมานครลงกา |
ฯ ๒ คำ เชิด ฯ
พาลี๏ ฝ่ายเทพพาลีตามติด |
ไล่กระชิดประจญยักษา |
ฯ เชิด ฯ
๏ ระวังเพลิงเถกิงกาลา |
ก็กลับมาดับอัคคี |
ฯ ตระ ฯ
๏ เอารูปโยนลงคงคา |
เสร็จพาฝูงเทพกระบี่ศรี |
เหาะมาไกรลาสคีรี |
ยังที่ประชุมเทวา |
ฯ แพละน้อย ๔ คำ ฯ
พระอินทร์๏ ฝ่ายเทวะออกต้อนรับ |
บ้างอภิวันท์หรรษา |
บ้างจุมพิตพักตร์ปรีดา |
พากันเข้าไปเฝ้าพลัน |
ฯ ๒ คำ เสมอ ฯ
ปี่รับ ช้า๏เมื่อนั้น |
พระเจ้าโลกาไกรไอศวรรย์ |
เห็นพาลีเทพเทวัญ |
ก็บัญชาแจ้งกิจจา |
ซึ่งไปทำลายพิธี |
มนตร์นี้กูให้ยักษา |
ครั้งสัศเตียนพรหมา |
บิดาอ้ายท้าวทศกรรฐ์์ |
หากเทพบุตรพาลี |
ภักดีต่อเทวะสรวงสวรรค์ |
หาไม่ไม่ชนะกุมภัณฑ์ |
พ้นสามวันม้วยมรณา |
นี่แนฝูงเทพอาดูร |
คุณพาลีอยู่ทั่วหน้า |
พาลีเจ้าเหน็ดเหนื่อยมา |
จงลีลาไปวิมานไชย |
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย๏ ฝ่ายเทพพาลีเทวัญ |
ชวนกันประณตประนมไหว้ |
กราบลาอิศวรท่านไท |
กลับไปวิมานอาตมา |
ฯ โคมเวียน ๒ คำ ฯ
๏ มาจะกล่าวบทไป |
ถึงไททศเศียรยักษา |
พ่ายแพ้พาลีหนีมา |
เข้านครลงกากรุงไกร |
ฯ เสมอ ฯ
๏ จึ่งบอกมนโทมเหสี |
ดูกรแก้วพี่พิสมัย |
ฯ ครวญ ฯ
๏ พี่เสียพิธีเรืองไชย |
อัศจรรย์ใจพ้นปัญญา |
ด้วยพญาพาลีตายแล้ว |
น้องแก้วเอ๋ยกลับมาเข่นฆ่า |
เข้าดับเพลิงเถกิงกาลา |
ตัวพี่คิดว่าหนุมาน |
เกลือกเป็นอุบายถ่ายเท |
เล่ห์กลพิเภกเดียรฉาน |
ผิดไปหมีใช่หนุมาน |
ก้านลำพญาพาลี |
ฯ ครวญ ฯ
๏ นี่แหละพี่อัศจรรย์ใจ |
หฤๅไทอิศวรรังสี |
ชุบองค์พญาพาลี |
มีน้ำจิตชังพี่ยา |
เพื่อจะให้พี่แพ้ราเมศ |
เหตุนี้สงสัยหนักหนา |
โอ้ว่าแก่นแก้วแววตา |
สร้อยฟ้าจะเห็นประการใด |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น |
มนโทคิรีศรีใส |
ฯ ครวญ ฯ
ทูลผัวตัวบอกความไป |
อย่าสงสัยพระเจ้าโลกา |
พระองค์ทรงโลกธาตรี |
หฤาจะมีน้ำจิตริษยา |
ดีร้ายหนุมานแปลงมา |
พญาพิเภกแนะให้ราวี |
หาไม่ที่ไหนจะรู้แห่ง |
แจ้งด้วยพิเภกยักษี |
จึ่งได้ไปล้างพิธี |
เช่นนี้ทำลายหลายครา |
โอ้อนิจจาพิเภกเอ๋ย |
กะไรเลยแกล้งฆ่าวงศา |
ไม่คิดว่าเป็นพงศ์มา |
ปลงวิญญาไปด้วยลิงไพร |
แม่นมั่นไม่มีอาวรณ์ |
จึ่งไปเป็นหนอนบ่อนไส้ |
เมื่อฉะนี้จะไว้มันไย |
หมีสังหารให้มรณา |
อันจะคิดกิจการต่อตี |
พระสามีจงฟังคำข้า |
ทำไมกับลักษ์รามราชา |
ไม่มีฤทธาเดินดิน |
เชี่ยวชาญแต่ด้วยธนูศร |
สัญจรอยู่ในพนาสิณฑ์ |
หากได้พิเภกวานริน |
หาไม่จะกินน้ำตาตาย |
มาตรแม้นหมีฆ่าพิเภกก่อน |
ไหนรามวานรจะฉิบหาย |
พระจงสังหารน้องชาย |
ตายแล้วจะชนะไพรี |
ฯ ๑๖ คำ ฯ
๏ ขอบเอยพี่ขอบใจ |
อำไพเยาวมิ่งมารศรี |
พี่จะทำตามนุชนารี |
เหม่อ้ายพิเภกอสุรา |
มันไม่คิดกูผู้เผ่าพงศ์ |
พี่จะตั้งใจจงเข่นฆ่า |
ทรงหอกกระบิลพัทไคลคลา |
ออกมาตระเตียมทัพพลัน |
ฯ คุกพาทย์ ฯ
ยานี๏ ตรัสให้มหิตันเป็นทัพหน้า |
เอาเปาวนาสุรเป็นทัพขัน |
เกณฑ์เอายักษากุมภัณฑ์ |
แข็งขันสามร้อยสมุดตรา |
เกณฑ์วรณีสูรเป็นปีกซ้าย |
ให้วิรุณปักกันเป็นปีกขวา |
คุมพลแสนสมุดตรา |
รอราเคียงทัพหลวงไป |
อันซึ่งเกียกกายยุกกระบัตร |
จัดให้มโหธรเป็นใหญ่ |
กับวรไกรสูรชาญไชย |
ให้พลคนละแสนสมุดตรา |
เกณฑ์เอาเสนาเสนี |
ยักษายักษีแกล้วกล้า |
มั่นคงดิบดีวิทยา |
ห้าโกฏิสมุดเคียงรถไป |
แล้วกำชับดาบสองมือ |
มึงฮือเข้าฟันติดไล่ |
อันพลปืนสองข้างไซร้ |
ให้ขนาบบุกบันฟันมา |
ฝ่ายพลม้าวางวู่ |
จู่โจมหน้าหลังเข่นฆ่า |
ฝ่ายพลคาบศิลา |
ราแย้งยิงให้แม่นยำ |
ต่อพลเหล่านี้เข้าบุก |
จึ่งให้รุกช้างเข้าซ้ำ |
กองหลวงกองหลังตระหน่ำ |
ซ้ำเติมด้วยปืนใหญ่ไป |
แน่ะมึงบอกแก่พลรบ |
ให้ตรลบหลังมาจงได้ |
แหวกช่องที่จะวางปืนไป |
อย่าให้บังหน้าปืนมา |
หนึ่งมาตรแม้นศึกพ่ายพัง |
จึ่งถั่งตามติดเข่นฆ่า |
ย่อท้อให้ลงพระอาชญา |
กูจะกรีธาทัพบัดนี้ |
ฯ ๒๒ คำ เจรจา ฯ
ร่าย๏ ฝ่ายแสนเสนาเตรียมทัพ |
สรรพทั้งพยู่หไชยศรี |
กลับเข้ามาทูลทันที |
บัดนี้พร้อมแล้วพระราชา |
ฯ ๒ คำ เจรจา ฯ
โทน๏ เมื่อนั้น |
ทศเศียรสูริวงศ์ยักษา |
ชำระสระสรงทรงทา |
ทรงภูษาพรรณรูจี |
ทรงมงกุฎสังวาลเสร็จสรรพ |
จับหอกกระบิลพัทรังสี |
สิบเศียรสิบพักตร์อสุรี |
ทรงธนูศรศรียี่สิบกร |
บั้นพระองค์ทรงขัดสาตรา |
พระพาหาสะพักแล่งแสงศร |
โชติช่วงดั่งดวงทินกร |
กระจายจอนกรรเจียกแววไว |
เลิศแล้วแก้วเก้าทับทรวง |
พื้นพวงสว่างชายไหว |
ชายแครงแสงศรีวิไล |
อำไพพาหุรัดเพราตา |
ธำมรงค์ละองค์ไพจิตร |
พึงพิศทองพระกรซ้ายขวา |
ดั่งพระกาลษณุนาถยาตรา |
ลีลามาขึ้นรถไชย |
ฯ ๑๐ คำ เพลง บาทสกุณี ฯ
โทน๏ รถเอยราชรถทรง |
กงกำแกมแก้วสุกใส |
งอนแอกแปรกวิไล |
ฉัตรไชยวิจิตรเจษฎา |
เพลาเพชรเก็จแกมหน้าหลัง |
บังใบล้วนนิลวัตถา |
พระที่นั่งดั่งจะเลื่อนลอยฟ้า |
ระย้าระย้อยพลอยพราย |
อัภิรมกรรภิรมย์เสวตรฉัตร |
จูลจำรัสจัดแจ่มพระสูริย์ฉาย |
เครื่องแห่คับคั่งยั่งย้าย |
ผาดผายเลื่อนลอยเมฆา |
พร้อมด้วยเสนาสามนต์ |
เกลื่อนกล่นกันไปซ้ายขวา |
อัดอึงคะนึงพารา |
กรีธาไปสมรภูมิพลัน |
ฯ กราว เชิด ๘ คำ ฯ
ช้า๏ มาจะกล่าวบทไป |
ถึงไทนารายณ์ไอศวรรย์ |
ครั้นใกล้ไขศรีรวีวรรณ |
อัศจรรย์ใจถามพิเภกไป |
ดูดู๋พิเภกฟังเสียง |
สำเนียงโยธาหฤาไฉน |
คฤกครั่นลั่นป่าพนาลัย |
คือใครยกมาอสุรี |
ร่าย๏ พิเภกบังคมทูลพลัน |
คือท้าวทศกรรฐ์ยักษี |
กริ้วโกรธข้าบาทเบื้องธุลี |
เพราะอี่มนโทเจรจา |
เหตุทศกรรฐ์์ทำพิธี |
ที่เชิงพระเมรุภูผา |
มันจะฆ่าฝูงเทพเทวา |
สุลาลัยทูลพระศุลี |
จึงให้พาลีเทวบุตร |
ไปยงยุทธ์ชนะยักษี |
ทศกรรฐ์์ก็ได้ต่อตี |
แพ้หนีมาบอกภรรยา |
มนโทมันว่าหนุมาน |
แสร้งว่าดิฉานให้เข่นฆ่า |
เปล่าเปล่ามันเอาเจรจา |
ยักษาจึงโกรธฟูนไฟ |
บัดนี้มันตั้งใจมา |
จะเข่นฆ่าข้าให้ตักษัย |
ด้วยหอกกระบิลพัทเรืองไชย |
พระภูวไนยจงช่วยชีวา |
ฯ เจรจา ๑๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น |
พระรามบุญเรืองเฟื่องฟ้า |
เอื้อนอรรถโองการบัญชา |
มันจะฆ่าพิเภกกลใด |
ดูกรเจ้าลักษ์อนุชา |
น้องยาจงช่วยแก้ไข |
ป้องกันพิเภกร่วมใจ |
อย่าให้อัปรยศไพรี |
เร่งเร็วหนุมานสุครีพ |
รีบรัดจัดพลกระบี่ศรี |
กูจะยกออกไปต่อตี |
เตรียมจัดบัดนี้อย่าช้า |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น |
สองกระบี่รับสั่งใส่เกศา |
ออกมาตรวจเตรียมโยธา |
กะเกณฑ์เข้าเป็นทัพพลัน |
เกณฑ์ให้สุรเสนเป็นทัพหน้า |
ปีกขวานั้นเอานิลขัน |
ปีกซ้ายเอานิลปักกัน |
กองขันนิลราชฤทธี |
ยุกกระบัตรเอานิลคำแหง |
แต่งกองพยู่หไชยศรี |
เข้าซุ่มอยู่ในพนาลี |
ได้รบให้ตีตรลบมา |
ไชยามพวานถือธงไชย |
ให้โบกแกว่งไกวไปหน้า |
แบ่งพลเจ็ดสิบสมุดตรา |
ซ้ายขวาหน้าหลังเท่ากัน |
อันอัษฎาทัศวานร |
เคียงข้างรถจรผายผัน |
ข้าศึกหนาไหนให้บุกบัน |
เสร็จพลันเข้าทูลภูมี |
ฯ แพละน้อย ฯ
๏ อันซึ่งพหลสกลไกร |
สำหรับพยู่หไชยศรี |
กะเกณฑ์ครบแล้วภูมี |
จงแจ้งธุลีบาทา |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
โทน๏ เมื่อนั้น |
พระรามบุญเรืองเฟื่องฟ้า |
จึ่งชวนพระศรีอนุชา |
ลีลาลงสรงวารี |
แล้วทรงภูษาอ่าองค์ |
บรรจงชายแครงแสงศรี |
ชายไหวละไมรูจี |
จีบจับทับศรีสนับงอน |
รัดพระองค์แล้วทรงมงกุฎเก็จ |
เพชรระยับจับแล่งแสงศร |
สะพักสะพายคล้ายดวงทินกร |
กระจายจอนกรรเจียกเพราตา |
อีกทั้งทับทรวงพระขรรค์แก้ว |
วาวแววพาหุรัดซ้ายขวา |
สี่กรษณุนาถยาตรา๒ |
ชวนน้องมาขึ้นรถไป |
ฯ เพลง ๘ คำ ฯ
โทน๏ รถเอยราชรถนิล |
อัมรินทร์บรรจงมาให้ |
สองรถยศยิ่งอำไพ |
ไตรภพไม่เปรียบเทียบปูน |
สำหรับนารายณ์อวตาร |
ได้ขี่ปราบมารอิสูร |
เลิศแล้วแก้วเก้าไพบูลย์ |
จูลจำรัสจัดแจ่มแอร่มฟ้า |
ดุจดั่งบรมพรหมเมศ |
เรืองเดชสิทธิศักดิ์หนักหนา |
ลอยเลื่อนละลิ่วปลิวมา |
กรีธาไปสมรภูมิพลัน |
ฯ ๖ คำ เชิด ฯ
ร่าย๏ พอเหลือบเห็นทัพอสุรี |
ภูมีให้แยกพลขันธ์ |
เข้าแอบอยู่แทบไพรวัน |
กองขันให้มั่นต่อตี |
จึ่งแต่งกระบี่ออกล่อ |
มึงไปตัดพ้อยักษี |
มาตรแม้นมันโถมโจมตี |
กระบี่ขนาบข้างมา |
ฝ่ายกองทหารออกล่อ |
ตัดพ้อเยาะเย้ยยักษา |
โกนก้องร้องโดยอหังการ์ |
หยาบช้าว่ากล่าวพาที |
ฯ กราวรำ เจรจา ๖ คำ ฯ
๏ ทศกรรฐ์ครั้นเห็นก็เดือดดาล |
ทะยานเข้าชิงชัยศรี |
ปีกป้องกองหน้าเข้าราวี |
อสุรีผลันผลุนชิงชัย |
ฯ เชิด ฯ
ไล่กระบี่ตีตามฟันฟาด |
ผาดโผนโจนติดกระชิดไล่ |
วานรล้มตายพ่ายไป |
ไล่ตามห้ำหั่นไพรี |
ฯ เชิด ๔ คำ ฯ
๏ พระรามก็ยอทัพแดก |
แยกกองรุกรบยักษี |
ฝ่ายกองแอบในพนาลี |
ก็ตีขนาบข้างมา |
ฯ เชิด ฯ
วานร๏ กลับรบหมู่มารพังพ่าย |
ล้มตายมอดม้วยสังขาร์ |
ไล่รุกบุกบันฟันมา |
โกลาหลังเป็นโกลี |
ฯ เชิด กราวรำ ๔ คำ ฯ
๏ ฝ่ายเปาวนาสูรโกรธจับ |
สัประยุทธ์สุรเสนกระบี่ศรี |
๏ องคตเข้าช่วยราวี |
ตียักษีเจ็บหนีไป |
ฯ เชิด ๒ คำ ฯ
๏ ทศเศียรทรงพาลจันทร์แผลง |
เรี่ยวแรงเรืองฤทธิ์ติดไล่ |
ทีเดียวพันเล่มเต็มไป |
ต้องวานรไพรดาษดา |
ฯ เชิด ๒ คำ ฯ
๏ พระรามแผลงจันทวาทิตย์ |
ไล่ติดสังหารยักษา |
ตายกลาดเกลื่อนเต็มพระสุธา |
อสุรามอดม้วยชีวี |
ฯ เชิด ฯ
๏ บรรดาวานรล้มตาย |
ต้องพระพายเป็นทั่วกระบี่ศรี |
ฯ ตระฯ
๏ กลับผลุนผลันเข้าคืนตี |
ราวีจนหน้ารถไชย |
ฯ เชิด ๔ คำ ฯ
๏ ฝ่ายทศกรรฐ์มุ่งมาด |
พาดสายศิลปแผลงผลาญไล่ |
ตึงเปรี้ยงเสียงสนั่นลั่นไพร |
ศรไม่สังหารรามา |
กลับแผลงผลาญล้างวานร |
ฝ่าพลนิกรเข่นฆ่า |
ฮึกฮักกล่าวคำอหังการ์ |
อสุราแลดูพิเภกไป |
ครั้นเห็นก็ร้องก้องด่า |
อ้ายน้องยาฟังแถลงไข |
ดูกรพิเภกจังไร |
กูไซร้ได้เลี้ยงมึงมา |
มึงไม่คิดกูผู้เผ่าพงศ์ |
ตั้งใจแต่ฆ่าวงศา |
แกล้งบอกเล่ห์กลรามา |
อสุราเกือบสิ้นเวียงไชย |
ถึงมึงได้ผ่านพารา |
จะได้ไพร่ฟ้ามาแต่ไหน |
เสนียักษีบรรลัย |
กูจะฆ่าให้ตายบัดนี้ |
ก็ชักรถไล่สะพัด |
กวัดแกว่งรำหอกรังสี |
ฯ เชิดฯ
พิเภกหลบหอกอสุรี |
พระศรีอนุชาช่วยเรา |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ พระศรีอนุชาก็แผลงผลาญ |
พระอวตารก็ยิงยักษา |
ฯ เชิดฯ
๏ ถูกทศกรรฐ์อสุรา |
อ่านคาถาลูบหายไป |
ทศกรรฐ์๏ กลับชักรถเข้าสะพัด |
ซัดแผลงศรซ้ำตระหน่ำไล่ |
ได้ทีพุ่งหอกรังสีไป |
ไล่ไซ้พิเภกอสุรา |
ฯ เชิด ๔ คำ ฯ
เชิด๏ พิเภกหลบแอบรถพระลักษ์ |
หอกปักตรวยลงรัถา |
ถูกองค์พระศรีอนุชา |
สลบอยู่บนรถไชย |
ฯ เชิดโอด ปี่พาทย์ไทย ฯ
๏ ฤทธิแรงแสงหอกต้องถูก |
ลูกลมทั้งปวงม้วยไหม้ |
๏ พระรามกริ้วโกรธฟูนไฟ |
รุกไล่ผลาญยิงพญามาร |
ฯ เชิด ฯ
๏ ถูกทศกรรฐ์ลูบด้วยมนตร์ |
หายกลับผจญแผลงผลาญ |
ฯ เชิด ฯ
๏ หมีได้ถูกองค์อวตาร |
ชักรถทะยานเข้าราวี |
ฯ เชิด ๖ คำ ฯ
๏ ฝ่ายพวกกระบี่รี่รับ |
กับอวตารต่อยักษี |
ฯ เชิด ฯ
๏ หมู่มารก็เข้าราวี |
ตีตะลุมบอนกันไปมา |
ฯ เชิด ๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายพลมารพ่ายพัง |
ยังแต่ทศพักตร์ยักษา |
พอค่ำยำแสงสูริยา |
ล่าทัพถอยหลบหนีไป |
ฯ เชิด ๒ คำ ฯ
๏ พระรามก็ชักรถติด |
กระชิดผจญพลไล่ |
ฯ เชิด ฯ
๏ ระวังน้องซึ่งต้องหอกไชย |
กลับไปแก้ไขชักสาตรา |
ฯ โอด ครวญ ฯ
๏ อาวุธก็ไม่เลื่อนหลุด |
พระทรงภุชขัดแค้นยักษา |
น้ำพระเนตรคลอหน่วยนัยนา |
โกรธาสะท้อนวาที |
รีบเร็วพิเภกดูพลัน |
หฤาอาสัญแล้วยักษี |
เราจะแก้ฉันใดได้ดี |
พิเภกเอ๋ยเร่งบอกไป |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ ฝ่ายพญาพิเภกกราบทูล |
พระอนุชายังหาดับสูญไม่ |
เมื่อบิดาข้าให้หอกไชย |
แก่ไทไอ้ท้าวทศกรรฐ์์ |
เธอตรัสว่าสาตรานี้ |
ของพระศุลีรังสรรค์ |
ให้ไว้ปราบคนอาธรรม์ |
สรวงสวรรค์ไม่ต้านต่อตี |
เมื่อไรนารายณ์อวตาร |
น้องภูบาลต้องหอกยักษี |
จึงให้เอาสังกรณี |
กับตรีชวาต้นตู่ตัว |
เก็บมาทั้งรากทั้งใบ |
ให้ขุดลงไปเอาทั้งหัว |
ประสมกันเข้ากับขี้วัว |
ตัวพาหนะพระศุลี |
มีอยู่ที่ถ้ำอินทกาล |
กับสถานสญชีพพนาศรี |
ข้ามทวีปมรโคกึ่งยานี๓ |
มีฤทธีไปจึงได้มา |
ตำราว่าหาวเป็นดาวเดือน |
เหมือนอโณทัยไปได้ดั่งว่า |
แต่เห็นก็ร้องเจรจา |
ขอให้พญาหนุมานไป |
แล้วจึ่งลงเอาศิลา |
สำหรับบดทาแก้ไข |
แม่หินอยู่เมืองนาคาไสร้ |
ลูกหินอยู่ในลงกา |
ณ ที่ปราสาททศกรรฐ์ |
มันทำเขนยรองเกศา |
อย่าให้ข้ามแสงสูริยา |
ถ้าบดทาแล้วจะเป็นพลัน |
ฯ ๑๖ คำ ฯ
๏ พระรามก็สั่งทันใด |
ให้หนุมานผายผัน |
๏ หนุมานรับสั่งจรจรัล |
เหาะข้ามเขตขัณฑ์หมีช้า |
ฯ ๒ คำ เชิด ปฐม ฯ
๏ ครั้นถึงสญชีพอินทกาล |
หนุมานก็ลงค้นหา |
ฯ แพละน้อย ฯ
ยานี๏ ฝ่ายเทพรักษาเจรจา |
ทรัพยาก็ร้องวาที |
ฯ เจรจา ฯ
ร่าย๏ หนุมานจึ่งกล่าวพจมาน |
น้องอวตารต้องหอกยักษี |
ให้เอามูลโคสังกรณี |
กับตรีชวาต้นตู่ตัว |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เทวาก็บอกทันใด |
ให้ขุดลงไปเอาทั้งหัว |
ฯ ไชเรือ ฯ
๏ แล้วพาไปเอาขี้วัว |
ชี้ตัวท่าถ้ำหมีช้า |
ฯ แพละน้อย ฯ
๏ หนุมานครั้นถึงจึงโผนผาด |
กองอาจเข้าถ้ำคูหา |
เผือกผ่องพึงพิศเจษฎา |
อ้าโอษฐ์มีเดือนดาวตระวัน |
ทรงกุณฑลเขี้ยวแก้วมาลัย |
ขนเพชรอำไพเฉิดฉัน |
ดุจดังไขศรีรวีวรรณ |
จรจรัลเข้าถ้ำหมีช้า |
ฯ เสมอ ๖ คำ ฯ
๏ ฝ่ายพระโคอัศจรรย์ถาม |
ออกนามหนุมานอาสา |
ตามสาปพระเจ้าโลกา |
ถ้าปรารถนามูลจงเอาพลัน |
ฯ เจรจา ๔ คำ ฯ
๏ หนุมานก็เข้าไปเอา |
แล้วลาโคเจ้าผายผัน |
ฯ กลม ฯ
๏ ชำแรกลงแจ้งนาคาพลัน |
พระทรงธรรม์ให้เอาแม่ศิลา |
ฯ เจรจา ๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายกาลนาคก็ส่งให้ |
เข้าใจว่าต้องหอกยักษา |
ตามประเวณีไวยกูณฐ์มา |
อย่าช้าท่านเร่งจรลี |
๏ หนุมานก็พามาพลัน |
เข้ายังเขตขัณฑ์ยักษี |
ฯ กลม ฯ
๏ ขึ้นยอดปราสาทเสี่ยงวาที |
ขว้างศีลาไว้โพยมบน |
ตรงนภศูลพรหมพักตร์ |
หักนิมิตลงทำอกุศล |
ละเอียดแอบเข้าแนบไพรชน |
คอยประจญจะลักลูกศิลา |
ฯ ตระ ๖ คำ ฯ
ร่าย๏ มาจะกล่าวบทไป |
ถึงไททศเศียรยักษา |
ซึ่งแพ้พ่ายกระจายแตกมา |
ลัดป่างมงายเข้ากรุงไกร |
ฯ ไชเรือ ฯ
๏ จึ่งบอกมนโทคีรี |
แก้วพี่เยาวมิ่งพิสมัย |
ฝ่ายพี่พุ่งหอกเรืองไชย |
ไปสังหารพิเภกอสุรา |
มันแอบเคียงข้างรถลักษ์ |
หอกปักตรวยลงรัถา |
ถูกองค์ลักษ์น้องรามา |
มรณาอยู่บนรถไชย |
๏ เจ้าเอยเจ้าพี่ |
มารศรีผู้ยอดพิสมัย |
อันลักษ์น้องรามเรืองไชย |
เห็นไม่กลับคืนเป็นมา |
ต่อได้ศิลาที่เมืองนาค |
กับยาหายากหนักหนา |
ลูกศิลานี่แนกัลยา |
ได้ไปบดทาจึ่งเป็นคืน |
อันทรัพยาอยู่ไกล |
ที่ไหนจะแก้ไขฟื้น |
อย่าสงสัยที่จะได้ชีวิตคืน |
ก็ชื่นเริงเข้าสนิทนิทรา |
ฯ โลม ปี่พาทย์ ๑๒ คำ ฯ
๏ หนุมานซึ่งแอบเข้าสะกด |
หลับหมดแล้วถมคาถา |
กริ้วโกรธกล่าวคำอหังการ์ |
เงื้อง่าใคร่ฆ่าทศกรรฐ์ |
เอะแล้วจะผิดกระหมั่ง |
ไม่มีรับสั่งให้ห้ำหั่น |
อย่าเลยกูจะผูกผมมัน |
ประกบกันให้อายเทวา |
จึ่งชักผมเมียผูกผัว |
เหม่อ้ายคนชั่วริษยา |
จารึกแล้วเสกด้วยมนตรา |
ต่อภรรยาชกจึ่งหลุดพลัน |
สาปพลางทางชักเอาลูกหิน |
ปลิ้นจากนิเวศเขตขัณฑ์ |
พาเอาแม่หินจรจรัล |
พลันมาถวายหมีช้า |
ฯ เตียว ๘ คำ ฯ
๏ ฝ่ายข้างพระรามเห็นชี้ |
มาแล้วพิเภกยักษา |
หนุมานถึงจึ่งถวายยา |
ได้มาครบแล้วภูมี |
ฯ เจรจา ๒ คำ ฯ
๏ พระรามจึ่งให้บดทา |
ตามตำราพิเภกยักษี |
๏ พิเภกก็บดทันที |
พอกทาพระศรีอนุชา |
ฯ ตระ ฯ
๏ ซึ่งอาวุธนั้นก็หลุดเลื่อน |
เหมือนหนึ่งถ้อยคำพิเภกว่า |
ช่วยกันชโลมโทรมทา |
สาตราหลุดแล้วเป็นพลัน |
ฯ ตระบองกัน ๔ คำ ฯ
๏ พระรามก็ให้โห่เอาฤกษ์ |
เอิกเกริกไปถึงสรวงสวรรค์ |
ฦๅลั่นสนั่นไพรวัน |
ก็เลิกพลขันธ์กลับพลับพลา |
ฯ เชิด ๒ คำ ฯ
๏ มาจะกล่าวบทไป |
ม้าใช้คอยเหตุยักษา |
ครั้นเห็นทัพกลับพลับพลา |
อสุรามาแจ้งเสนี |
ฯ เชิด ฯ
๏ บัดนี้ทัพลักษ์รามา |
เลิกกลับไปพลับพลาศรี |
นายใหญ่อ้ายถึงชีวี |
ที่ต้องรังสีหอกไชย |
พวกมันได้ยามาแก้พิษ |
หาถึงแก่ชีวิตไม่ |
พากันเลิกพลสกลไกร |
พึ่งยกคืนไปบัดนี้ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ มโหธรจึ่งบอกเข้าไป |
ชาวในนิเวศสาวศรี |
ก็ทูลแถลงคดี |
ตามอันซึ่งมีกิจจา |
ฯ เจรจา ๒ คำ ฯ
ร่าย๏ ทศพักตร์กับอัคคมเหสี |
ตื่นตระหนกจากที่สหัสา |
ผวาคร่าดึงไปมา |
เกศาไม่หลุดจากกัน |
ดิ้นเดือดกระชากยิ่งขึง |
รังรึงเหนียวติดแน่นมั่น |
โกรธหัวผัวเมียทะเลาะกัน |
เชือดฟันด้วยมีดเป็นโกลี |
ฯ คุกพาทย์ ระบำเทศ ๒ ที ฯ
๏ เถือเท่าใดเท่าใดไม่ขาด |
ประหลาดเส้นเกศเกศี |
อัศจรรย์พลันดูทันที |
ศีลาเขนยหายไป |
อีกนภศูลพรหมพักตร์ |
เหินหักโปร่งฟ้าแขไข |
โอ้ร่าย๏ เจ้าพี่จะคิดประการใด |
หมีภัยแล้วหฤๅกัลยา |
ฯ ครวญ ๘ คำ ฯ
ครวญ๏ มนโททูลว่าแม้นแท้ |
ข้าศึกมาแต่พระเวหา |
สองกระษัตริย์กำหนัดโศกา |
โอ้ว่าจะคิดไฉนดี |
ยานี๏ ทศกรรฐ์จึ่งสั่งสาวใช้ |
มึงเร่งไปบอกยักษี |
พลันให้นิมนต์มุนี |
โคบุตรฤๅษีเข้ามา |
ร่าย นาง๏ สาวใช้รับสั่งวางวู่ |
ร้องขู่ร้องเข็ญให้หา |
ฯ เจรจา ฯ
ชาย๏ ฝ่ายหมู่เด็กเล็กอสุรา |
โกลาหลังเป็นโกลี |
จึ่งบังคับกันตามใช้ |
ไปนิมนต์ท่านไทพระฤาษี |
ฯ เชิด ฯ
๏ ถึงจึ่งคมคัลธุลี |
มีโองการให้นิมนต์ไป |
ฯ เจรจา ๔ คำ ฯ
ฤๅษี๏ ฝ่ายพระโคบุตรครั้นแจ้ง |
จัดแจงผ้าผ่อนครองใส่ |
ลั่นดานทวารฉับไว |
พลันไปลงกาหมีช้า |
ฯ เชิด ปฐม ฯ
ยานี๏ ถึงจึ่งดำเนินขึ้นไป |
บนนิเวศท้าวไทยักษา |
ฯ ครวญ ฯ
ร่าย๏ ทศกรรฐ์กันแสงวันทา |
นิมนต์มานี่พระอาจารย์ |
ยานี๏ ฝ่ายพระอาจารย์ก็เข้าไป |
แสนอัศจรรย์ใจสงสาร |
เวทนาหน้าต้องประจาน |
หมีนานก็อ่านหนังสือพลัน |
ฯ ๒ คำ ฯ
ช้า๏ ในลักษณ์ถ้าเมียไม่ชก |
ตกผมอย่าหลุดแน่นมั่น |
ฤๅษีก็บอกทศกรรฐ์ |
พลันเป่ามนตร์แก้เมาลี |
ซ้ำเสกน้ำประสระสรง |
ประจงสางเส้นเกศี |
ไม่หลุดผุดลุกพาที |
จับเกศีเชือดหมีช้า |
ฯ ๔ คำ ตระบองกัน ระบำเทศ ๒ ที ฯ
๏ เชือดเอยเชือดผม |
คมมีดไม่กินเส้นเกศา |
อัศจรรย์ฤๅษีมีบัญชา |
สุดปัญญากูอสุรี |
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย๏ ทศกรรฐ์จึงสั่งเมียไป |
ทำไมเจ้าไม่ชกพี่ |
ร่าย๏ มนโทสมาสามี |
ชกศีรษะหลุดโศกา |
ฯ ๒ คำ ฯ
โอ้บูชากุณฑ์๏ พระทูลกระหม่อมจอมโลก |
เมียแสนโศกอายสหัสา |
ทำไมกับอี่ษีดา |
หมีส่งหมีฆ่ามันไป |
ให้สิ้นทิลโทษที่เหม็น๔ |
ล้างจิตซึ่งเป็นปัดไถม |
ระงับราคินกินใจ |
อัพพัยพิฦกโลกา๕ |
แม้นมีผู้พาลโพยภัย |
จะอวยให้พระพรทุกทิศา |
จะเข้าด้วยรวยไปทั้งท้องฟ้า |
สัตยาเที่ยงธรรม์ไม่พรั่นใจ |
นี่สิก่อกรรมทำเภท |
มานำเหตุทิลโทษใส่ |
เออนี่ทำนี่อย่างไร |
ค้อนพลางทางให้โศกา |
ฯ ๘ คำ ฯ
ชาตรี๏ ทศกรรฐ์ปลอบพลางทางชม |
สร้อยสยมภูวฟังพี่ว่า |
อรุณรุ่งอย่าฟุ้งบัญชา |
สุดาฟังพี่พาที |
ที่เป็นก็เป็นล่วงแล้ว |
น้องแก้วอย่าหมุ่นหมองศรี |
ช่วยกันคิดกิจพิธี |
ศรีศุภลักษณ์อย่าโศกา |
มาให้ดาบสรดน้ำ |
สะเดาะเคราะห์กรรมดีกว่า |
แล้วพี่จะฆ่าษีดา |
สร้อยฟ้าอย่ากังขาใจ |
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย๏ ว่าพลางนิมนต์พระฤๅษี |
จงพระมุนีช่วยแก้ไข |
ลอยบาปลอยกรรมทำไป |
แผ้วภัยให้พ้นข้าสองรา |
ฯ ชมตลาด ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น |
พระโคบุตรฤาษีชีป่า |
หุดิเพลิงเถกิงกาลา |
โดยเวทคาถามุนี |
แล้วลอยบาปลอยกรรม |
ทำตามมนตร์ดลฤาษี |
สะเดาะเคราะห์แผ้วไพรี |
หุดีกุณฑ์กองวิทยา |
ครั้นถ้วนสามคาบอาบสรง |
เสกคงคารดสามถ่า |
อวยไชยให้พรโกลา |
อลังการ์ลอยบาปพลัน |
ฯ สระบุหร่ง ๖ คำ ฯ
๏ ลอยเอ๋ยลอยบาป |
พ้นถ้อยคำสาปคำสรร |
หมดเวรเกณฑ์กรรมผูกพัน |
สิ้นกันแต่วันนี้ไป |
เลิกทั้งทศจิตผิดผวน |
แปรปรวนคุรุถ้อยน้อยใหญ่ |
อีกกายกรรมมโนใน |
ไล่ล้างทวาอารมณ์๖ |
เป็นเอกอันต์เอกันตะ |
สะเดาะสดะปละเภทพอเหตุสม |
โดยเชาวญาณอารมณ์ |
สมปองคลองน้อมวิถีใจ |
เอารูปลอยลงในน้ำ |
เป็นสักขีคำแถลงไข |
ธูปเทียนบูชาสมาไป |
ไสออกบอกว่าเสร็จการ |
แล้วจึงอำนวยอวยไชย |
ให้เป็นใหญ่ไปทุกถิ่นฐาน |
โพยภัยสิ่งใดอย่าได้พาน |
สำราญบานสุขทุกเวลา |
ร่าย๏ จึ่งถอยถ้อยกล่าวพจมาน |
ถึงพาลมาผูกเกศา |
อสูรตำรวจตรวจตรา |
มันมาทางไหนอสุรี |
ฯ ๑๔ คำ ฯ
๏ ทศกรรฐ์พลันบอกไปพลัน |
ชี้สำคัญให้พระฤาษี |
จงดูเอาเถิดพระมุนี |
ตรงช่องบราลีขึ้นไป |
มันถอดนภศูลพรหมพักตร์ |
ลอดลงมาลักศิลาได้ |
เข้าขโมยเขนยศิลาไป |
จนใจทีเดียวพระมุนี |
ฯ ๔ คำ ฯ
ช้า๏ พระมุนีจึงว่าเวรกรรม |
มันทำท่านท้าวยักษี |
อันจะแก้ไขไปให้ดี |
ต่อกิจพิธีว่องไว |
จึงจะสิ้นทิลสาปหยาบหยาม |
พยายามอนุโลมลามไหม้ |
ล้างลนอกุศลถุลลัจจัย๗ |
เข้าไปในเชาววิญญาณ |
เป็นศีลสุทธ์วุฑฒิ๘ |
หิริโดยตทังคประหาร๙ |
คือบาทแห่งโคตรภูญาณ๑๐ |
ประหารโทษเป็นที่หนึ่งไป |
แล้วจึ่งทำขึ้นที่สอง |
โดยเนกขัมมคลองแถลงไข |
ก็เป็นศิลาทับระงับไป |
อัพพัยพิฦกโอฬาร์ |
อย่าว่าแต่พาลโพยภัย |
ปืนไฟไม่กินนะยักษา |
ทั้งหกสรวรค์ชั้นฟ้า |
จะฆ่าอย่างไรไม่รู้ตาย |
อย่าคณนาไปถึงผู้เข่นฆ่า |
แต่วิญญาคิดก็ฉิบหาย |
จะทำอย่างใดไม่รู้ตาย |
อุบายถอยต่ำลงมา |
อันได้เนกขัมม์ประหารแล้ว |
คือแก้ววิเชียรไม่มีค่า |
ทั้งฤทธิ์แลจิตวิชา |
อีกกุพนามโนมัย |
กอปรไปด้วยโสตประสาทญาณ |
การชาติหน้าหลังรฦกได้ |
ถึงนั่นแล้วอันจะบรรลัย |
ไม่มีกะตัวถ่ายเดียว |
อย่าประมาณแต่การเพียงนี้ |
สามภพธาตรีไม่คาเขี้ยว |
สาปไปแต่ในวาทีเดียว |
หมีทันเหลียวเนตรอสุรา |
จะสาอะไรกับรามลักษ์ |
ถึงไตรจักรทั่วทศทิศา |
ไม่ครั่นคฤาฤทธิ์วิทยา |
ถ้าปรารถนาเจ้าเรียนเอา |
ฯ ๒๐ คำ ฯ
ร่าย๏ ทศกรรฐ์ขอบคุณพระดาบส |
กำหนดไว้เหนือเศียรเกล้า |
๏ ฝ่ายนางมนโทก็เรียนเอา |
ก้มเกล้ากราบกรานมุนี |
ฯ ๒ คำ ฯ
ช้า๏ พระมุนีจึ่งสอนพญามาร |
เร่งให้อลังการปราสาทศรี |
อย่าไว้ภัยหมิ่นไม่ดี |
ให้เสนีทำกลางคืน |
ให้แล้วแต่ในราตรี |
อสุรีเร่งคิดการอื่น |
แก้ไขเอาชัยชนะคืน |
ไว้เกียรติหมื่นโลกโลกา |
หนึ่งกูกังขาศิลาหาย |
แยบคายอย่างไรยักษา |
ทำไมกับแท่งศิลา |
จึ่งทยาหนักหนาอสุรี |
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย๏ ทศกรรฐ์พลันบอกไปพลัน |
ศิลาสำคัญพระฤาษี |
สำหรับเยียวยาชีวี |
แก้พิษรังสีหอกไชย |
อันรังสีหอกเล่มนี้ |
อานุภาพหาที่สุดไม่ |
พุ่งถูกลูกลมบรรลัย |
ทั้งอ้ายนายใหญ่มรณา |
มันลักศิลานี้ไปแก้ |
เที่ยงแท้จึ่งไม่สังขาร์ |
นอกจากพิเภกอสุรา |
ใครจะรู้หยูกยาไม่มี |
ดีร้ายพญาพิเภกบอก |
จึงได้แก้หอกรังสี |
มาลักศิลาถึงธานี |
บัดนี้แก้กันรอดไป |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ พระฤๅษีว่าเออกูไม่รู้ |
เป็นสำคัญอยู่ข้อใหญ่ |
เมื่อเสียไปแล้วก็แล้วไป |
คิดเอาใหม่เถิดอสุรา |
อันจะให้ชนะอิทธิฤทธิ์ |
อสุรีเทถ่ายให้หลายถ่า |
ให้สิ้นภิญโญปัญญา |
ถ้าขัดกูช่วยพญามาร |
จวนรุ่งแล้วกูจะขอลา |
เหาะมาอรัญญิกาถิ่นฐาน |
ฯ เหาะ ฯ
๏ ฝ่ายทศกรรฐ์พญามาร |
พลันสั่งกิจการหมีช้า |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ สาวศรีก็รับสั่งไป |
บอกเสนาในยักษา |
ให้หาพระวิษณุกรรม์มา |
อย่าช้ารีบรัดบัดนี้ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เสนาก็รับสั่งพลัน |
ขึ้นยังเขตขัณฑ์โกสีย์ |
ฯ เชิด ปฐม ฯ
๏ เข้าแถลงแจ้งอรรถคดี |
รีบรัดบัดนี้อย่าช้า |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายพระวิษณุกรรม์แจ้งเหตุ |
ก็มายังนิเวศยักษา |
ฯ เหาะ ฯ
๏ เข้ากรานพานพักตร์อสุรา |
มีโสมนัสสาเอาใจ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ทศกรรฐ์จึ่งสั่งเทวา |
ให้อลังการ์ยอดปราสาทใหม่ |
๏ เทวานิมิตตามจิตไป |
บัดใจก็แล้วทันที |
ครั้นเสร็จแล้วอำลา |
เหาะมาฟากฟ้าราศี |
ฯ เหาะ ฯ
ช้า๏ ฝ่ายทศกรรฐ์อสุรี |
มีมโนในนิ่งจินดา๑๑ |
๏ วัน ๑ ๘+ ๑๒ ค่ำ จุลศักราช ๑๑๔๒ ปีชวดโทศก ข้าพระพุทธิเจ้านายบุญจันอาลักษณ์ ชุบเส้นทอง ข้าพระพุทธิเจ้า ขุนสรปรเสริด ขุนมหาสิท } ทาน ๓ ครั้ง ๛