สมุดไทย เล่ม ๔

๏ พระสมุดรามเกียรติ์เรื่อง ทศกรรฐ์ตั้งพิธีทรายกรด พระลักย์ต้องหอกกระบิลพัท } จนผูกผม ๚๛

๏ วัน ๑ + ๖ ค่ำ จุลศักราช ๑๑๓๒ ปีขาลโทศก พระราชนิพนธ์ทรงแต่งชั้นต้น เป็นประถมยัง ทราม พอดี } อยู่ ๚๛

๏ จึ่งตรัสแก่หมู่อสูรราช ประภาษแก่มารยักษา
ทั้งพวกอำมาตย์เสนา กูได้มหารูจี
ท่านเร่งเกษมเปรมใจ อย่าครั่นคร้ามขามใครยักษี
อันลักษ์แลรามขุนกระบี่ น่าที่จะม้วยพิราลัย
กูผัดมึงแต่สองสามวัน เท่านั้นดอกแล้วจะม้วยไหม้
มโหธรเร่งคุมอสูรไป ปลูกโรงพิไชยพิธี
โดยยาวใหญ่สามสิบเก้าห้อง ให้กุก่องด้วยแดงแสงศรี
ทั้งธูปเทียนตามรูจี ดอกไม้แดงดีสิบเจ็ดพรรณ
จงประดับประดาธราลัย อำไพพึงพิศเฉิดฉัน
อบอายกระจายจรจวงจันทน์ อำพันรสกลิ่นโอฬาร์
ทั้งเจ็ดประการแก้ววิเศษ จะบูชาพระเวทคาถา
กับหอกกระบิลพัทสาตรา ณ ท่าทางเชิงพระเมรุบรรพต
ยังที่ละเอียดอ่อนแดง ศรีแสงนามชื่อว่าทรายกรด
เร่งคุมอสุรีมียศ กฎหมายกิจการทั้งปวงไป
หนึ่งให้แกะดินเจ็ดท่า จะปั้นรูปเทวาน้อยใหญ่
เข้าบูชากุณฑ์กองไฟ อย่าให้ใครรู้จงลีลา

ฯ เจรจา ๔๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น จึ่งมโหธรมารยักษา
รับสั่งดีใจออกมา ก็พาอสุรพันหนึ่งไป

ฯ กราว เชิด ฯ

ร่าย ครั้นถึงเชิงพระเมรุบรรพต เอากฎหมายออกแถลงไข

ฯ เจรจา ฯ

๏ กะเกณฑ์แก่กันทันใด ปลูกโรงพิไชยพิธี
บ้างไปแกะดินเจ็ดท่า บ้างเก็บบุปผาพนาศรี
ตัดไม้ทำโรงพิธี เสร็จได้มาลีดินมา

ฯ ๖ คำ เจรจา เชิด ปฐม ฯ

๏ เมื่อนั้น จึ่งมโหธรมารยักษา
แต่งโรงพิธีโอฬาร์ วิจิตรรจนาอำไพ
เลิศแล้วแก้วเก้าเนาวรัตน์ เพดานดัดแดงแสงใส
ระย้าย้อยห้อยพู่วิไล สุกใสเถือกถ่องรูจี
เสาส้างสะอ้านพื้นพรรณแดง ตกแต่งที่ทางเรืองศรี
ตามด้วยธูปเทียนรูจี มีคันธรสโอฬาร์
จึงให้เอาดอกมาลี ซึ่งให้ยักษีไปหา
กับดินเจ็ดท่าสมุทรมา ไว้ท่า ณ โรงพิธี
ครั้นเสร็จระเห็จผายผัน จรจรัลเหาะมายังกรุงศรี

ฯ เชิด ปฐม ฯ

๏ ครั้นถึงจึ่งทูลคดี บัดนี้พร้อมแล้วพระราชา

ฯ เจรจา ๑๐ คำ ฯ

โทน เมื่อนั้น ทศเศียรสูริวงศ์ยักษา
ชำระสระสรงคงคา ขัดกายาหมดมุลทิน
ทรงภูษาทาธรสประดับเครื่อง เรืองรัศอำไพเฉิดฉิน
ดุจดังบรมพรหมินทร์ เหมือนอินทร์เลื่อนลอยเมฆา
ทรงมงกุฎสังวาลกรรเจียกเก็จ เพชรระยับทับทรวงเลขา
ตาบติดวิจิตรเจษฎา พาหุรัดตรัสใส่ธำมรงค์
รัดพระองค์ทรงทองปลายพระกร บทจรดั่งพญาราชหงส์
ลีลามาขึ้นรถทรง ก็เหาะตรงไปโรงพิธี

ฯ กราว ชมตลาด ฯ

๏ ครั้นถึงประทับพลับพลา เปลื้องเครื่องมหารังสี
บรรจงกระหวัดโจฬ์เป็นโยคี พิจิตรรังสีล้วนแดง
ทรงด้ายย้อมเป็นสังวาลวรรณ เกี้ยวกันพึงพิศเป็นแสง
ประดับประดาอ่าองค์บรรจงแดง แต่งจุณจันทน์เจิมพักตรา
ดุจดั่งบรมพรหมเมศ เรืองเดชสิทธิศักดิ์หนักหนา
เสด็จเข้าปั้นรูปเทวา ทุกช่องชั้นฟ้าสุลาลัย
จึงเชิญหอกแก้วกระบิลพัท พาดบนเตียงแดงแสงใส
ใส่เพลิงเถกิงกุณฑ์ไป สูงได้เท่าเทียมปลายตาล
จึ่งอ่านพระเวทคาถา ตามตำรับตำราว่าขาน
บูชาด้วยแก้วเจ็ดประการ หว่านดอกไม้เข้าในอัคคี
แล้วจึ่งเอามัจฉมังสา บูชาหอกแก้วรังสี
เอารูปเทวัญจันทรี โยนเข้าอัคคีระดมไฟ
แล้วจึ่งสมาธิปัญโญ โอมอ่านโอรูปก็ม้วยไหม้
หอกกระบิลพัทลุกเป็นไฟ อาคมระงมไปถึงพรหมา

ฯ ตระ ๒๒ คำ ฯ

ยานี มาจะกล่าวบทไป ถึงเทพไททุกทิศา
ทั่วสหัสทัศโลกา เทวาว้าวุ่นขุ่นใจ
เหือดแห้งแรงร้อนอกอัด กลัดกลุ้มกระวนหม่นไหม้
ดุจดังจะม้วยบรรลัย แซ่ซ่านไปหาอินทรา

ฯ เหาะ ฯ

ยานี โกสีย์จึงมีสุนทร ดูกรทั่วเทพทิศา
บัดนี้ทศกรรฐ์อสุรา ปั้นรูปเทวาบูชาไฟ
มันโกรธว่าเป็นพยาน จะผลาญให้ม้วยตักษัย
มาไปทูลเจ้าโลกาไกร ก็พาสุลาลัยไคลคลา

ฯ แพละน้อย ฯ

ร่าย ครั้นถึงจึ่งทูลพระศุลี บัดนี้ทศพักตร์ยักษา
ทำพิธีการวิทยา เถกิงกุณฑ์ฆ่าสุลาลัย
ฝ่ายเทพร้อนทุกราศี น่าที่จะม้วยตักษัย
พระจงประทานชีวิตไว้ ใต้เบื้องบาทบงส์ธุลี

ฯ เจรจา ๑๒ คำ ฯ

ช้า เมื่อนั้น พระสยมภูวญาคุณรังสี
เมตตาเทวัญจันทรี ให้หาเทพพาลีพลัน

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ฝ่ายจิตตุบทรับสั่งลา ขึ้นปารนิมมิตาสวรรค์

ฯ เหาะ ฯ

๏ เข้าแจ้งพาลีเทวัญ พลันไปให้หาบัดนี้

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ฝ่ายพาลีเทพคลาไคล ไปเฝ้าอิศวรรังสี

ฯ คุกพาทย์ ฯ

๏ เข้ากรานพานพักตรธุลี มีโสมนัสวันทา

ฯ ๒ คำ ฯ

ช้า เมื่อนั้น พระสยมภูวญาณนาถา
เอื้อนอรรถโองการบัญชา ว่าแก่เทพบุตรพาลี
บัดนี้ทศกรรฐ์อสุรา มันจะฆ่าเทพทั่วราศี
หุดีเพลิงเถกิงอัคคี ที่เชิงพระสุเมรุบรรพต
ณ ท่าละเอียดอ่อนแดง ศรีแสงนามชื่อว่าทรายกรด
เจ้าแปลงเป็นกระบี่มียศ ให้ปรากฏเหมือนเมื่อเป็นพาลี
ไปช่วยชีวิตเทวัญ เข้าอันตรายยักษี
ทำลายเสียซึ่งพิธี รีบรัดบัดนี้อย่าช้า
ร่าย แล้วอวยพระพรไชยศรี ให้ชนะอสุรียักษา
จงถือเอามนตร์วิทยา สาตราไม่ต้องไปพลัน

ฯ ๑๐ คำ ฯ

ร่าย ฝ่ายเทพทั้งนั้นอวยพร ให้ถาวรฤทธิแรงแข็งขัน
เมตตาอย่าพ้นสามวัน ต่างต่างคมคัลวันทา

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ฝ่ายเทพพาลีคมคัล เชิญพระพรผายผันอาสา
มาจัดพลแปลงกายา เป็นภาษาราชพาลี
๏ ฝ่ายเทวะทั้งนั้นบิดเบือน เหมือนหนึ่งวานรกระบี่ศรี

ฯ แพละ ฯ

๏ เหาะจากไกรลาสคีรี เข้าทำลายพิธีทันใด

ฯ เชิด กราว ๔ คำ ฯ

เสนายักษ์ ฝ่ายมารซึ่งได้รักษา อหังการ์เข้าบุกรุกใส่

ฯ เชิดฯ

วานร พวกพาลีต่อชิงชัย เข้าดับไฟตีอสุรา

ฯ ๒ คำ เชิด ฯ

๏ ฝ่ายทศกรรฐ์เห็นพาลี อ้ายนี่สิดับสังขาร์
หฤาหนุมานแปลงมา ก็เข้าเข่นฆ่าดูกำลัง

ฯ เชิด ๒ คำ ฯ

๏ ฝ่ายพาลีโผนโจนรับ จับกุมกันตามโอหัง

ฯ เชิด ฯ

พาลี ฟัดผลัดกันตีด้วยกำลัง สนั่นทั้งสามภพธาตรี

ฯ เชิด ฯ

๏ สองฝ่ายเหน็ดเหนื่อยรอรา ยักษาพุ่งหอกรังสี
ทิ่มแทงไม่ถูกพาลี อสุรีแข็งขืนชิงชัย

ฯ ๒ คำ เชิด ฯ

๏ ฝ่ายพาลีอ่านคาถา เรียกกำลังอสุรามาได้
ตามพรพระเจ้าโลกาไกร ชิงชัยสัประยุทธ์อสุรี

ฯ เชิด ๒ คำ ฯ

๏ ฝ่ายทศเศียรเสียกำลังกึ่ง ขึงขืนเข้าชิงชัยศรี

ฯ เชิด ฯ

๏ หิวโหยโรยแรงอสุรี เหาะหนีมานครลงกา

ฯ ๒ คำ เชิด ฯ

พาลี ฝ่ายเทพพาลีตามติด ไล่กระชิดประจญยักษา

ฯ เชิด ฯ

๏ ระวังเพลิงเถกิงกาลา ก็กลับมาดับอัคคี

ฯ ตระ ฯ

๏ เอารูปโยนลงคงคา เสร็จพาฝูงเทพกระบี่ศรี
เหาะมาไกรลาสคีรี ยังที่ประชุมเทวา

ฯ แพละน้อย ๔ คำ ฯ

พระอินทร์ ฝ่ายเทวะออกต้อนรับ บ้างอภิวันท์หรรษา
บ้างจุมพิตพักตร์ปรีดา พากันเข้าไปเฝ้าพลัน

ฯ ๒ คำ เสมอ ฯ

ปี่รับ ช้าเมื่อนั้น พระเจ้าโลกาไกรไอศวรรย์
เห็นพาลีเทพเทวัญ ก็บัญชาแจ้งกิจจา
ซึ่งไปทำลายพิธี มนตร์นี้กูให้ยักษา
ครั้งสัศเตียนพรหมา บิดาอ้ายท้าวทศกรรฐ์์
หากเทพบุตรพาลี ภักดีต่อเทวะสรวงสวรรค์
หาไม่ไม่ชนะกุมภัณฑ์ พ้นสามวันม้วยมรณา
นี่แนฝูงเทพอาดูร คุณพาลีอยู่ทั่วหน้า
พาลีเจ้าเหน็ดเหนื่อยมา จงลีลาไปวิมานไชย

ฯ ๘ คำ ฯ

ร่าย ฝ่ายเทพพาลีเทวัญ ชวนกันประณตประนมไหว้
กราบลาอิศวรท่านไท กลับไปวิมานอาตมา

ฯ โคมเวียน ๒ คำ ฯ

๏ มาจะกล่าวบทไป ถึงไททศเศียรยักษา
พ่ายแพ้พาลีหนีมา เข้านครลงกากรุงไกร

ฯ เสมอ ฯ

๏ จึ่งบอกมนโทมเหสี ดูกรแก้วพี่พิสมัย

ฯ ครวญ ฯ

๏ พี่เสียพิธีเรืองไชย อัศจรรย์ใจพ้นปัญญา
ด้วยพญาพาลีตายแล้ว น้องแก้วเอ๋ยกลับมาเข่นฆ่า
เข้าดับเพลิงเถกิงกาลา ตัวพี่คิดว่าหนุมาน
เกลือกเป็นอุบายถ่ายเท เล่ห์กลพิเภกเดียรฉาน
ผิดไปหมีใช่หนุมาน ก้านลำพญาพาลี

ฯ ครวญ ฯ

๏ นี่แหละพี่อัศจรรย์ใจ หฤๅไทอิศวรรังสี
ชุบองค์พญาพาลี มีน้ำจิตชังพี่ยา
เพื่อจะให้พี่แพ้ราเมศ เหตุนี้สงสัยหนักหนา
โอ้ว่าแก่นแก้วแววตา สร้อยฟ้าจะเห็นประการใด

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น มนโทคิรีศรีใส

ฯ ครวญ ฯ

ทูลผัวตัวบอกความไป อย่าสงสัยพระเจ้าโลกา
พระองค์ทรงโลกธาตรี หฤาจะมีน้ำจิตริษยา
ดีร้ายหนุมานแปลงมา พญาพิเภกแนะให้ราวี
หาไม่ที่ไหนจะรู้แห่ง แจ้งด้วยพิเภกยักษี
จึ่งได้ไปล้างพิธี เช่นนี้ทำลายหลายครา
โอ้อนิจจาพิเภกเอ๋ย กะไรเลยแกล้งฆ่าวงศา
ไม่คิดว่าเป็นพงศ์มา ปลงวิญญาไปด้วยลิงไพร
แม่นมั่นไม่มีอาวรณ์ จึ่งไปเป็นหนอนบ่อนไส้
เมื่อฉะนี้จะไว้มันไย หมีสังหารให้มรณา
อันจะคิดกิจการต่อตี พระสามีจงฟังคำข้า
ทำไมกับลักษ์รามราชา ไม่มีฤทธาเดินดิน
เชี่ยวชาญแต่ด้วยธนูศร สัญจรอยู่ในพนาสิณฑ์
หากได้พิเภกวานริน หาไม่จะกินน้ำตาตาย
มาตรแม้นหมีฆ่าพิเภกก่อน ไหนรามวานรจะฉิบหาย
พระจงสังหารน้องชาย ตายแล้วจะชนะไพรี

ฯ ๑๖ คำ ฯ

๏ ขอบเอยพี่ขอบใจ อำไพเยาวมิ่งมารศรี
พี่จะทำตามนุชนารี เหม่อ้ายพิเภกอสุรา
มันไม่คิดกูผู้เผ่าพงศ์ พี่จะตั้งใจจงเข่นฆ่า
ทรงหอกกระบิลพัทไคลคลา ออกมาตระเตียมทัพพลัน

ฯ คุกพาทย์ ฯ

ยานี ตรัสให้มหิตันเป็นทัพหน้า เอาเปาวนาสุรเป็นทัพขัน
เกณฑ์เอายักษากุมภัณฑ์ แข็งขันสามร้อยสมุดตรา
เกณฑ์วรณีสูรเป็นปีกซ้าย ให้วิรุณปักกันเป็นปีกขวา
คุมพลแสนสมุดตรา รอราเคียงทัพหลวงไป
อันซึ่งเกียกกายยุกกระบัตร จัดให้มโหธรเป็นใหญ่
กับวรไกรสูรชาญไชย ให้พลคนละแสนสมุดตรา
เกณฑ์เอาเสนาเสนี ยักษายักษีแกล้วกล้า
มั่นคงดิบดีวิทยา ห้าโกฏิสมุดเคียงรถไป
แล้วกำชับดาบสองมือ มึงฮือเข้าฟันติดไล่
อันพลปืนสองข้างไซร้ ให้ขนาบบุกบันฟันมา
ฝ่ายพลม้าวางวู่ จู่โจมหน้าหลังเข่นฆ่า
ฝ่ายพลคาบศิลา ราแย้งยิงให้แม่นยำ
ต่อพลเหล่านี้เข้าบุก จึ่งให้รุกช้างเข้าซ้ำ
กองหลวงกองหลังตระหน่ำ ซ้ำเติมด้วยปืนใหญ่ไป
แน่ะมึงบอกแก่พลรบ ให้ตรลบหลังมาจงได้
แหวกช่องที่จะวางปืนไป อย่าให้บังหน้าปืนมา
หนึ่งมาตรแม้นศึกพ่ายพัง จึ่งถั่งตามติดเข่นฆ่า
ย่อท้อให้ลงพระอาชญา กูจะกรีธาทัพบัดนี้

ฯ ๒๒ คำ เจรจา ฯ

ร่าย ฝ่ายแสนเสนาเตรียมทัพ สรรพทั้งพยู่หไชยศรี
กลับเข้ามาทูลทันที บัดนี้พร้อมแล้วพระราชา

ฯ ๒ คำ เจรจา ฯ

โทน เมื่อนั้น ทศเศียรสูริวงศ์ยักษา
ชำระสระสรงทรงทา ทรงภูษาพรรณรูจี
ทรงมงกุฎสังวาลเสร็จสรรพ จับหอกกระบิลพัทรังสี
สิบเศียรสิบพักตร์อสุรี ทรงธนูศรศรียี่สิบกร
บั้นพระองค์ทรงขัดสาตรา พระพาหาสะพักแล่งแสงศร
โชติช่วงดั่งดวงทินกร กระจายจอนกรรเจียกแววไว
เลิศแล้วแก้วเก้าทับทรวง พื้นพวงสว่างชายไหว
ชายแครงแสงศรีวิไล อำไพพาหุรัดเพราตา
ธำมรงค์ละองค์ไพจิตร พึงพิศทองพระกรซ้ายขวา
ดั่งพระกาลษณุนาถยาตรา ลีลามาขึ้นรถไชย

ฯ ๑๐ คำ เพลง บาทสกุณี ฯ

โทน รถเอยราชรถทรง กงกำแกมแก้วสุกใส
งอนแอกแปรกวิไล ฉัตรไชยวิจิตรเจษฎา
เพลาเพชรเก็จแกมหน้าหลัง บังใบล้วนนิลวัตถา
พระที่นั่งดั่งจะเลื่อนลอยฟ้า ระย้าระย้อยพลอยพราย
อัภิรมกรรภิรมย์เสวตรฉัตร จูลจำรัสจัดแจ่มพระสูริย์ฉาย
เครื่องแห่คับคั่งยั่งย้าย ผาดผายเลื่อนลอยเมฆา
พร้อมด้วยเสนาสามนต์ เกลื่อนกล่นกันไปซ้ายขวา
อัดอึงคะนึงพารา กรีธาไปสมรภูมิพลัน

ฯ กราว เชิด ๘ คำ ฯ

ช้า มาจะกล่าวบทไป ถึงไทนารายณ์ไอศวรรย์
ครั้นใกล้ไขศรีรวีวรรณ อัศจรรย์ใจถามพิเภกไป
ดูดู๋พิเภกฟังเสียง สำเนียงโยธาหฤาไฉน
คฤกครั่นลั่นป่าพนาลัย คือใครยกมาอสุรี
ร่าย พิเภกบังคมทูลพลัน คือท้าวทศกรรฐ์ยักษี
กริ้วโกรธข้าบาทเบื้องธุลี เพราะอี่มนโทเจรจา
เหตุทศกรรฐ์์ทำพิธี ที่เชิงพระเมรุภูผา
มันจะฆ่าฝูงเทพเทวา สุลาลัยทูลพระศุลี
จึงให้พาลีเทวบุตร ไปยงยุทธ์ชนะยักษี
ทศกรรฐ์์ก็ได้ต่อตี แพ้หนีมาบอกภรรยา
มนโทมันว่าหนุมาน แสร้งว่าดิฉานให้เข่นฆ่า
เปล่าเปล่ามันเอาเจรจา ยักษาจึงโกรธฟูนไฟ
บัดนี้มันตั้งใจมา จะเข่นฆ่าข้าให้ตักษัย
ด้วยหอกกระบิลพัทเรืองไชย พระภูวไนยจงช่วยชีวา

ฯ เจรจา ๑๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระรามบุญเรืองเฟื่องฟ้า
เอื้อนอรรถโองการบัญชา มันจะฆ่าพิเภกกลใด
ดูกรเจ้าลักษ์อนุชา น้องยาจงช่วยแก้ไข
ป้องกันพิเภกร่วมใจ อย่าให้อัปรยศไพรี
เร่งเร็วหนุมานสุครีพ รีบรัดจัดพลกระบี่ศรี
กูจะยกออกไปต่อตี เตรียมจัดบัดนี้อย่าช้า

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น สองกระบี่รับสั่งใส่เกศา
ออกมาตรวจเตรียมโยธา กะเกณฑ์เข้าเป็นทัพพลัน
เกณฑ์ให้สุรเสนเป็นทัพหน้า ปีกขวานั้นเอานิลขัน
ปีกซ้ายเอานิลปักกัน กองขันนิลราชฤทธี
ยุกกระบัตรเอานิลคำแหง แต่งกองพยู่หไชยศรี
เข้าซุ่มอยู่ในพนาลี ได้รบให้ตีตรลบมา
ไชยามพวานถือธงไชย ให้โบกแกว่งไกวไปหน้า
แบ่งพลเจ็ดสิบสมุดตรา ซ้ายขวาหน้าหลังเท่ากัน
อันอัษฎาทัศวานร เคียงข้างรถจรผายผัน
ข้าศึกหนาไหนให้บุกบัน เสร็จพลันเข้าทูลภูมี

ฯ แพละน้อย ฯ

๏ อันซึ่งพหลสกลไกร สำหรับพยู่หไชยศรี
กะเกณฑ์ครบแล้วภูมี จงแจ้งธุลีบาทา

ฯ ๑๒ คำ ฯ

โทน เมื่อนั้น พระรามบุญเรืองเฟื่องฟ้า
จึ่งชวนพระศรีอนุชา ลีลาลงสรงวารี
แล้วทรงภูษาอ่าองค์ บรรจงชายแครงแสงศรี
ชายไหวละไมรูจี จีบจับทับศรีสนับงอน
รัดพระองค์แล้วทรงมงกุฎเก็จ เพชรระยับจับแล่งแสงศร
สะพักสะพายคล้ายดวงทินกร กระจายจอนกรรเจียกเพราตา
อีกทั้งทับทรวงพระขรรค์แก้ว วาวแววพาหุรัดซ้ายขวา
สี่กรษณุนาถยาตรา ชวนน้องมาขึ้นรถไป

ฯ เพลง ๘ คำ ฯ

โทน รถเอยราชรถนิล อัมรินทร์บรรจงมาให้
สองรถยศยิ่งอำไพ ไตรภพไม่เปรียบเทียบปูน
สำหรับนารายณ์อวตาร ได้ขี่ปราบมารอิสูร
เลิศแล้วแก้วเก้าไพบูลย์ จูลจำรัสจัดแจ่มแอร่มฟ้า
ดุจดั่งบรมพรหมเมศ เรืองเดชสิทธิศักดิ์หนักหนา
ลอยเลื่อนละลิ่วปลิวมา กรีธาไปสมรภูมิพลัน

ฯ ๖ คำ เชิด ฯ

ร่าย พอเหลือบเห็นทัพอสุรี ภูมีให้แยกพลขันธ์
เข้าแอบอยู่แทบไพรวัน กองขันให้มั่นต่อตี
จึ่งแต่งกระบี่ออกล่อ มึงไปตัดพ้อยักษี
มาตรแม้นมันโถมโจมตี กระบี่ขนาบข้างมา
ฝ่ายกองทหารออกล่อ ตัดพ้อเยาะเย้ยยักษา
โกนก้องร้องโดยอหังการ์ หยาบช้าว่ากล่าวพาที

ฯ กราวรำ เจรจา ๖ คำ ฯ

๏ ทศกรรฐ์ครั้นเห็นก็เดือดดาล ทะยานเข้าชิงชัยศรี
ปีกป้องกองหน้าเข้าราวี อสุรีผลันผลุนชิงชัย

ฯ เชิด ฯ

ไล่กระบี่ตีตามฟันฟาด ผาดโผนโจนติดกระชิดไล่
วานรล้มตายพ่ายไป ไล่ตามห้ำหั่นไพรี

ฯ เชิด ๔ คำ ฯ

๏ พระรามก็ยอทัพแดก แยกกองรุกรบยักษี
ฝ่ายกองแอบในพนาลี ก็ตีขนาบข้างมา

ฯ เชิด ฯ

วานร กลับรบหมู่มารพังพ่าย ล้มตายมอดม้วยสังขาร์
ไล่รุกบุกบันฟันมา โกลาหลังเป็นโกลี

ฯ เชิด กราวรำ ๔ คำ ฯ

๏ ฝ่ายเปาวนาสูรโกรธจับ สัประยุทธ์สุรเสนกระบี่ศรี
๏ องคตเข้าช่วยราวี ตียักษีเจ็บหนีไป

ฯ เชิด ๒ คำ ฯ

๏ ทศเศียรทรงพาลจันทร์แผลง เรี่ยวแรงเรืองฤทธิ์ติดไล่
ทีเดียวพันเล่มเต็มไป ต้องวานรไพรดาษดา

ฯ เชิด ๒ คำ ฯ

๏ พระรามแผลงจันทวาทิตย์ ไล่ติดสังหารยักษา
ตายกลาดเกลื่อนเต็มพระสุธา อสุรามอดม้วยชีวี

ฯ เชิด ฯ

๏ บรรดาวานรล้มตาย ต้องพระพายเป็นทั่วกระบี่ศรี

ฯ ตระฯ

๏ กลับผลุนผลันเข้าคืนตี ราวีจนหน้ารถไชย

ฯ เชิด ๔ คำ ฯ

๏ ฝ่ายทศกรรฐ์มุ่งมาด พาดสายศิลปแผลงผลาญไล่
ตึงเปรี้ยงเสียงสนั่นลั่นไพร ศรไม่สังหารรามา
กลับแผลงผลาญล้างวานร ฝ่าพลนิกรเข่นฆ่า
ฮึกฮักกล่าวคำอหังการ์ อสุราแลดูพิเภกไป
ครั้นเห็นก็ร้องก้องด่า อ้ายน้องยาฟังแถลงไข
ดูกรพิเภกจังไร กูไซร้ได้เลี้ยงมึงมา
มึงไม่คิดกูผู้เผ่าพงศ์ ตั้งใจแต่ฆ่าวงศา
แกล้งบอกเล่ห์กลรามา อสุราเกือบสิ้นเวียงไชย
ถึงมึงได้ผ่านพารา จะได้ไพร่ฟ้ามาแต่ไหน
เสนียักษีบรรลัย กูจะฆ่าให้ตายบัดนี้
ก็ชักรถไล่สะพัด กวัดแกว่งรำหอกรังสี

ฯ เชิดฯ

พิเภกหลบหอกอสุรี พระศรีอนุชาช่วยเรา

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ พระศรีอนุชาก็แผลงผลาญ พระอวตารก็ยิงยักษา

ฯ เชิดฯ

๏ ถูกทศกรรฐ์อสุรา อ่านคาถาลูบหายไป
ทศกรรฐ์ กลับชักรถเข้าสะพัด ซัดแผลงศรซ้ำตระหน่ำไล่
ได้ทีพุ่งหอกรังสีไป ไล่ไซ้พิเภกอสุรา

ฯ เชิด ๔ คำ ฯ

เชิด พิเภกหลบแอบรถพระลักษ์ หอกปักตรวยลงรัถา
ถูกองค์พระศรีอนุชา สลบอยู่บนรถไชย

ฯ เชิดโอด ปี่พาทย์ไทย ฯ

๏ ฤทธิแรงแสงหอกต้องถูก ลูกลมทั้งปวงม้วยไหม้
๏ พระรามกริ้วโกรธฟูนไฟ รุกไล่ผลาญยิงพญามาร

ฯ เชิด ฯ

๏ ถูกทศกรรฐ์ลูบด้วยมนตร์ หายกลับผจญแผลงผลาญ

ฯ เชิด ฯ

๏ หมีได้ถูกองค์อวตาร ชักรถทะยานเข้าราวี

ฯ เชิด ๖ คำ ฯ

๏ ฝ่ายพวกกระบี่รี่รับ กับอวตารต่อยักษี

ฯ เชิด ฯ

๏ หมู่มารก็เข้าราวี ตีตะลุมบอนกันไปมา

ฯ เชิด ๒ คำ ฯ

๏ ฝ่ายพลมารพ่ายพัง ยังแต่ทศพักตร์ยักษา
พอค่ำยำแสงสูริยา ล่าทัพถอยหลบหนีไป

ฯ เชิด ๒ คำ ฯ

๏ พระรามก็ชักรถติด กระชิดผจญพลไล่

ฯ เชิด ฯ

๏ ระวังน้องซึ่งต้องหอกไชย กลับไปแก้ไขชักสาตรา

ฯ โอด ครวญ ฯ

๏ อาวุธก็ไม่เลื่อนหลุด พระทรงภุชขัดแค้นยักษา
น้ำพระเนตรคลอหน่วยนัยนา โกรธาสะท้อนวาที
รีบเร็วพิเภกดูพลัน หฤาอาสัญแล้วยักษี
เราจะแก้ฉันใดได้ดี พิเภกเอ๋ยเร่งบอกไป

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ ฝ่ายพญาพิเภกกราบทูล พระอนุชายังหาดับสูญไม่
เมื่อบิดาข้าให้หอกไชย แก่ไทไอ้ท้าวทศกรรฐ์์
เธอตรัสว่าสาตรานี้ ของพระศุลีรังสรรค์
ให้ไว้ปราบคนอาธรรม์ สรวงสวรรค์ไม่ต้านต่อตี
เมื่อไรนารายณ์อวตาร น้องภูบาลต้องหอกยักษี
จึงให้เอาสังกรณี กับตรีชวาต้นตู่ตัว
เก็บมาทั้งรากทั้งใบ ให้ขุดลงไปเอาทั้งหัว
ประสมกันเข้ากับขี้วัว ตัวพาหนะพระศุลี
มีอยู่ที่ถ้ำอินทกาล กับสถานสญชีพพนาศรี
ข้ามทวีปมรโคกึ่งยานี มีฤทธีไปจึงได้มา
ตำราว่าหาวเป็นดาวเดือน เหมือนอโณทัยไปได้ดั่งว่า
แต่เห็นก็ร้องเจรจา ขอให้พญาหนุมานไป
แล้วจึ่งลงเอาศิลา สำหรับบดทาแก้ไข
แม่หินอยู่เมืองนาคาไสร้ ลูกหินอยู่ในลงกา
ณ ที่ปราสาททศกรรฐ์ มันทำเขนยรองเกศา
อย่าให้ข้ามแสงสูริยา ถ้าบดทาแล้วจะเป็นพลัน

ฯ ๑๖ คำ ฯ

๏ พระรามก็สั่งทันใด ให้หนุมานผายผัน
๏ หนุมานรับสั่งจรจรัล เหาะข้ามเขตขัณฑ์หมีช้า

ฯ ๒ คำ เชิด ปฐม ฯ

๏ ครั้นถึงสญชีพอินทกาล หนุมานก็ลงค้นหา

ฯ แพละน้อย ฯ

ยานี ฝ่ายเทพรักษาเจรจา ทรัพยาก็ร้องวาที

ฯ เจรจา ฯ

ร่าย หนุมานจึ่งกล่าวพจมาน น้องอวตารต้องหอกยักษี
ให้เอามูลโคสังกรณี กับตรีชวาต้นตู่ตัว

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เทวาก็บอกทันใด ให้ขุดลงไปเอาทั้งหัว

ฯ ไชเรือ ฯ

๏ แล้วพาไปเอาขี้วัว ชี้ตัวท่าถ้ำหมีช้า

ฯ แพละน้อย ฯ

๏ หนุมานครั้นถึงจึงโผนผาด กองอาจเข้าถ้ำคูหา
เผือกผ่องพึงพิศเจษฎา อ้าโอษฐ์มีเดือนดาวตระวัน
ทรงกุณฑลเขี้ยวแก้วมาลัย ขนเพชรอำไพเฉิดฉัน
ดุจดังไขศรีรวีวรรณ จรจรัลเข้าถ้ำหมีช้า

ฯ เสมอ ๖ คำ ฯ

๏ ฝ่ายพระโคอัศจรรย์ถาม ออกนามหนุมานอาสา
ตามสาปพระเจ้าโลกา ถ้าปรารถนามูลจงเอาพลัน

ฯ เจรจา ๔ คำ ฯ

๏ หนุมานก็เข้าไปเอา แล้วลาโคเจ้าผายผัน

ฯ กลม ฯ

๏ ชำแรกลงแจ้งนาคาพลัน พระทรงธรรม์ให้เอาแม่ศิลา

ฯ เจรจา ๒ คำ ฯ

๏ ฝ่ายกาลนาคก็ส่งให้ เข้าใจว่าต้องหอกยักษา
ตามประเวณีไวยกูณฐ์มา อย่าช้าท่านเร่งจรลี
๏ หนุมานก็พามาพลัน เข้ายังเขตขัณฑ์ยักษี

ฯ กลม ฯ

๏ ขึ้นยอดปราสาทเสี่ยงวาที ขว้างศีลาไว้โพยมบน
ตรงนภศูลพรหมพักตร์ หักนิมิตลงทำอกุศล
ละเอียดแอบเข้าแนบไพรชน คอยประจญจะลักลูกศิลา

ฯ ตระ ๖ คำ ฯ

ร่าย มาจะกล่าวบทไป ถึงไททศเศียรยักษา
ซึ่งแพ้พ่ายกระจายแตกมา ลัดป่างมงายเข้ากรุงไกร

ฯ ไชเรือ ฯ

๏ จึ่งบอกมนโทคีรี แก้วพี่เยาวมิ่งพิสมัย
ฝ่ายพี่พุ่งหอกเรืองไชย ไปสังหารพิเภกอสุรา
มันแอบเคียงข้างรถลักษ์ หอกปักตรวยลงรัถา
ถูกองค์ลักษ์น้องรามา มรณาอยู่บนรถไชย
๏ เจ้าเอยเจ้าพี่ มารศรีผู้ยอดพิสมัย
อันลักษ์น้องรามเรืองไชย เห็นไม่กลับคืนเป็นมา
ต่อได้ศิลาที่เมืองนาค กับยาหายากหนักหนา
ลูกศิลานี่แนกัลยา ได้ไปบดทาจึ่งเป็นคืน
อันทรัพยาอยู่ไกล ที่ไหนจะแก้ไขฟื้น
อย่าสงสัยที่จะได้ชีวิตคืน ก็ชื่นเริงเข้าสนิทนิทรา

ฯ โลม ปี่พาทย์ ๑๒ คำ ฯ

๏ หนุมานซึ่งแอบเข้าสะกด หลับหมดแล้วถมคาถา
กริ้วโกรธกล่าวคำอหังการ์ เงื้อง่าใคร่ฆ่าทศกรรฐ์
เอะแล้วจะผิดกระหมั่ง ไม่มีรับสั่งให้ห้ำหั่น
อย่าเลยกูจะผูกผมมัน ประกบกันให้อายเทวา
จึ่งชักผมเมียผูกผัว เหม่อ้ายคนชั่วริษยา
จารึกแล้วเสกด้วยมนตรา ต่อภรรยาชกจึ่งหลุดพลัน
สาปพลางทางชักเอาลูกหิน ปลิ้นจากนิเวศเขตขัณฑ์
พาเอาแม่หินจรจรัล พลันมาถวายหมีช้า

ฯ เตียว ๘ คำ ฯ

๏ ฝ่ายข้างพระรามเห็นชี้ มาแล้วพิเภกยักษา
หนุมานถึงจึ่งถวายยา ได้มาครบแล้วภูมี

ฯ เจรจา ๒ คำ ฯ

๏ พระรามจึ่งให้บดทา ตามตำราพิเภกยักษี
๏ พิเภกก็บดทันที พอกทาพระศรีอนุชา

ฯ ตระ ฯ

๏ ซึ่งอาวุธนั้นก็หลุดเลื่อน เหมือนหนึ่งถ้อยคำพิเภกว่า
ช่วยกันชโลมโทรมทา สาตราหลุดแล้วเป็นพลัน

ฯ ตระบองกัน ๔ คำ ฯ

๏ พระรามก็ให้โห่เอาฤกษ์ เอิกเกริกไปถึงสรวงสวรรค์
ฦๅลั่นสนั่นไพรวัน ก็เลิกพลขันธ์กลับพลับพลา

ฯ เชิด ๒ คำ ฯ

๏ มาจะกล่าวบทไป ม้าใช้คอยเหตุยักษา
ครั้นเห็นทัพกลับพลับพลา อสุรามาแจ้งเสนี

ฯ เชิด ฯ

๏ บัดนี้ทัพลักษ์รามา เลิกกลับไปพลับพลาศรี
นายใหญ่อ้ายถึงชีวี ที่ต้องรังสีหอกไชย
พวกมันได้ยามาแก้พิษ หาถึงแก่ชีวิตไม่
พากันเลิกพลสกลไกร พึ่งยกคืนไปบัดนี้

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ มโหธรจึ่งบอกเข้าไป ชาวในนิเวศสาวศรี
ก็ทูลแถลงคดี ตามอันซึ่งมีกิจจา

ฯ เจรจา ๒ คำ ฯ

ร่าย ทศพักตร์กับอัคคมเหสี ตื่นตระหนกจากที่สหัสา
ผวาคร่าดึงไปมา เกศาไม่หลุดจากกัน
ดิ้นเดือดกระชากยิ่งขึง รังรึงเหนียวติดแน่นมั่น
โกรธหัวผัวเมียทะเลาะกัน เชือดฟันด้วยมีดเป็นโกลี

ฯ คุกพาทย์ ระบำเทศ ๒ ที ฯ

๏ เถือเท่าใดเท่าใดไม่ขาด ประหลาดเส้นเกศเกศี
อัศจรรย์พลันดูทันที ศีลาเขนยหายไป
อีกนภศูลพรหมพักตร์ เหินหักโปร่งฟ้าแขไข
โอ้ร่าย เจ้าพี่จะคิดประการใด หมีภัยแล้วหฤๅกัลยา

ฯ ครวญ ๘ คำ ฯ

ครวญ มนโททูลว่าแม้นแท้ ข้าศึกมาแต่พระเวหา
สองกระษัตริย์กำหนัดโศกา โอ้ว่าจะคิดไฉนดี
ยานี ทศกรรฐ์จึ่งสั่งสาวใช้ มึงเร่งไปบอกยักษี
พลันให้นิมนต์มุนี โคบุตรฤๅษีเข้ามา
ร่าย นาง สาวใช้รับสั่งวางวู่ ร้องขู่ร้องเข็ญให้หา

ฯ เจรจา ฯ

ชาย ฝ่ายหมู่เด็กเล็กอสุรา โกลาหลังเป็นโกลี
จึ่งบังคับกันตามใช้ ไปนิมนต์ท่านไทพระฤาษี

ฯ เชิด ฯ

๏ ถึงจึ่งคมคัลธุลี มีโองการให้นิมนต์ไป

ฯ เจรจา ๔ คำ ฯ

ฤๅษี ฝ่ายพระโคบุตรครั้นแจ้ง จัดแจงผ้าผ่อนครองใส่
ลั่นดานทวารฉับไว พลันไปลงกาหมีช้า

ฯ เชิด ปฐม ฯ

ยานี ถึงจึ่งดำเนินขึ้นไป บนนิเวศท้าวไทยักษา

ฯ ครวญ ฯ

ร่าย ทศกรรฐ์กันแสงวันทา นิมนต์มานี่พระอาจารย์
ยานี ฝ่ายพระอาจารย์ก็เข้าไป แสนอัศจรรย์ใจสงสาร
เวทนาหน้าต้องประจาน หมีนานก็อ่านหนังสือพลัน

ฯ ๒ คำ ฯ

ช้า ในลักษณ์ถ้าเมียไม่ชก ตกผมอย่าหลุดแน่นมั่น
ฤๅษีก็บอกทศกรรฐ์ พลันเป่ามนตร์แก้เมาลี
ซ้ำเสกน้ำประสระสรง ประจงสางเส้นเกศี
ไม่หลุดผุดลุกพาที จับเกศีเชือดหมีช้า

ฯ ๔ คำ ตระบองกัน ระบำเทศ ๒ ที ฯ

๏ เชือดเอยเชือดผม คมมีดไม่กินเส้นเกศา
อัศจรรย์ฤๅษีมีบัญชา สุดปัญญากูอสุรี

ฯ ๖ คำ ฯ

ร่าย ทศกรรฐ์จึงสั่งเมียไป ทำไมเจ้าไม่ชกพี่
ร่าย มนโทสมาสามี ชกศีรษะหลุดโศกา

ฯ ๒ คำ ฯ

โอ้บูชากุณฑ์ พระทูลกระหม่อมจอมโลก เมียแสนโศกอายสหัสา
ทำไมกับอี่ษีดา หมีส่งหมีฆ่ามันไป
ให้สิ้นทิลโทษที่เหม็น ล้างจิตซึ่งเป็นปัดไถม
ระงับราคินกินใจ อัพพัยพิฦกโลกา
แม้นมีผู้พาลโพยภัย จะอวยให้พระพรทุกทิศา
จะเข้าด้วยรวยไปทั้งท้องฟ้า สัตยาเที่ยงธรรม์ไม่พรั่นใจ
นี่สิก่อกรรมทำเภท มานำเหตุทิลโทษใส่
เออนี่ทำนี่อย่างไร ค้อนพลางทางให้โศกา

ฯ ๘ คำ ฯ

ชาตรี ทศกรรฐ์ปลอบพลางทางชม สร้อยสยมภูวฟังพี่ว่า
อรุณรุ่งอย่าฟุ้งบัญชา สุดาฟังพี่พาที
ที่เป็นก็เป็นล่วงแล้ว น้องแก้วอย่าหมุ่นหมองศรี
ช่วยกันคิดกิจพิธี ศรีศุภลักษณ์อย่าโศกา
มาให้ดาบสรดน้ำ สะเดาะเคราะห์กรรมดีกว่า
แล้วพี่จะฆ่าษีดา สร้อยฟ้าอย่ากังขาใจ

ฯ ๖ คำ ฯ

ร่าย ว่าพลางนิมนต์พระฤๅษี จงพระมุนีช่วยแก้ไข
ลอยบาปลอยกรรมทำไป แผ้วภัยให้พ้นข้าสองรา

ฯ ชมตลาด ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระโคบุตรฤาษีชีป่า
หุดิเพลิงเถกิงกาลา โดยเวทคาถามุนี
แล้วลอยบาปลอยกรรม ทำตามมนตร์ดลฤาษี
สะเดาะเคราะห์แผ้วไพรี หุดีกุณฑ์กองวิทยา
ครั้นถ้วนสามคาบอาบสรง เสกคงคารดสามถ่า
อวยไชยให้พรโกลา อลังการ์ลอยบาปพลัน

ฯ สระบุหร่ง ๖ คำ ฯ

๏ ลอยเอ๋ยลอยบาป พ้นถ้อยคำสาปคำสรร
หมดเวรเกณฑ์กรรมผูกพัน สิ้นกันแต่วันนี้ไป
เลิกทั้งทศจิตผิดผวน แปรปรวนคุรุถ้อยน้อยใหญ่
อีกกายกรรมมโนใน ไล่ล้างทวาอารมณ์
เป็นเอกอันต์เอกันตะ สะเดาะสดะปละเภทพอเหตุสม
โดยเชาวญาณอารมณ์ สมปองคลองน้อมวิถีใจ
เอารูปลอยลงในน้ำ เป็นสักขีคำแถลงไข
ธูปเทียนบูชาสมาไป ไสออกบอกว่าเสร็จการ
แล้วจึงอำนวยอวยไชย ให้เป็นใหญ่ไปทุกถิ่นฐาน
โพยภัยสิ่งใดอย่าได้พาน สำราญบานสุขทุกเวลา
ร่าย จึ่งถอยถ้อยกล่าวพจมาน ถึงพาลมาผูกเกศา
อสูรตำรวจตรวจตรา มันมาทางไหนอสุรี

ฯ ๑๔ คำ ฯ

๏ ทศกรรฐ์พลันบอกไปพลัน ชี้สำคัญให้พระฤาษี
จงดูเอาเถิดพระมุนี ตรงช่องบราลีขึ้นไป
มันถอดนภศูลพรหมพักตร์ ลอดลงมาลักศิลาได้
เข้าขโมยเขนยศิลาไป จนใจทีเดียวพระมุนี

ฯ ๔ คำ ฯ

ช้า พระมุนีจึงว่าเวรกรรม มันทำท่านท้าวยักษี
อันจะแก้ไขไปให้ดี ต่อกิจพิธีว่องไว
จึงจะสิ้นทิลสาปหยาบหยาม พยายามอนุโลมลามไหม้
ล้างลนอกุศลถุลลัจจัย เข้าไปในเชาววิญญาณ
เป็นศีลสุทธ์วุฑฒิ หิริโดยตทังคประหาร
คือบาทแห่งโคตรภูญาณ๑๐ ประหารโทษเป็นที่หนึ่งไป
แล้วจึ่งทำขึ้นที่สอง โดยเนกขัมมคลองแถลงไข
ก็เป็นศิลาทับระงับไป อัพพัยพิฦกโอฬาร์
อย่าว่าแต่พาลโพยภัย ปืนไฟไม่กินนะยักษา
ทั้งหกสรวรค์ชั้นฟ้า จะฆ่าอย่างไรไม่รู้ตาย
อย่าคณนาไปถึงผู้เข่นฆ่า แต่วิญญาคิดก็ฉิบหาย
จะทำอย่างใดไม่รู้ตาย อุบายถอยต่ำลงมา
อันได้เนกขัมม์ประหารแล้ว คือแก้ววิเชียรไม่มีค่า
ทั้งฤทธิ์แลจิตวิชา อีกกุพนามโนมัย
กอปรไปด้วยโสตประสาทญาณ การชาติหน้าหลังรฦกได้
ถึงนั่นแล้วอันจะบรรลัย ไม่มีกะตัวถ่ายเดียว
อย่าประมาณแต่การเพียงนี้ สามภพธาตรีไม่คาเขี้ยว
สาปไปแต่ในวาทีเดียว หมีทันเหลียวเนตรอสุรา
จะสาอะไรกับรามลักษ์ ถึงไตรจักรทั่วทศทิศา
ไม่ครั่นคฤาฤทธิ์วิทยา ถ้าปรารถนาเจ้าเรียนเอา

ฯ ๒๐ คำ ฯ

ร่าย ทศกรรฐ์ขอบคุณพระดาบส กำหนดไว้เหนือเศียรเกล้า
๏ ฝ่ายนางมนโทก็เรียนเอา ก้มเกล้ากราบกรานมุนี

ฯ ๒ คำ ฯ

ช้า พระมุนีจึ่งสอนพญามาร เร่งให้อลังการปราสาทศรี
อย่าไว้ภัยหมิ่นไม่ดี ให้เสนีทำกลางคืน
ให้แล้วแต่ในราตรี อสุรีเร่งคิดการอื่น
แก้ไขเอาชัยชนะคืน ไว้เกียรติหมื่นโลกโลกา
หนึ่งกูกังขาศิลาหาย แยบคายอย่างไรยักษา
ทำไมกับแท่งศิลา จึ่งทยาหนักหนาอสุรี

ฯ ๖ คำ ฯ

ร่าย ทศกรรฐ์พลันบอกไปพลัน ศิลาสำคัญพระฤาษี
สำหรับเยียวยาชีวี แก้พิษรังสีหอกไชย
อันรังสีหอกเล่มนี้ อานุภาพหาที่สุดไม่
พุ่งถูกลูกลมบรรลัย ทั้งอ้ายนายใหญ่มรณา
มันลักศิลานี้ไปแก้ เที่ยงแท้จึ่งไม่สังขาร์
นอกจากพิเภกอสุรา ใครจะรู้หยูกยาไม่มี
ดีร้ายพญาพิเภกบอก จึงได้แก้หอกรังสี
มาลักศิลาถึงธานี บัดนี้แก้กันรอดไป

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ พระฤๅษีว่าเออกูไม่รู้ เป็นสำคัญอยู่ข้อใหญ่
เมื่อเสียไปแล้วก็แล้วไป คิดเอาใหม่เถิดอสุรา
อันจะให้ชนะอิทธิฤทธิ์ อสุรีเทถ่ายให้หลายถ่า
ให้สิ้นภิญโญปัญญา ถ้าขัดกูช่วยพญามาร
จวนรุ่งแล้วกูจะขอลา เหาะมาอรัญญิกาถิ่นฐาน

ฯ เหาะ ฯ

๏ ฝ่ายทศกรรฐ์พญามาร พลันสั่งกิจการหมีช้า

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ สาวศรีก็รับสั่งไป บอกเสนาในยักษา
ให้หาพระวิษณุกรรม์มา อย่าช้ารีบรัดบัดนี้

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เสนาก็รับสั่งพลัน ขึ้นยังเขตขัณฑ์โกสีย์

ฯ เชิด ปฐม ฯ

๏ เข้าแถลงแจ้งอรรถคดี รีบรัดบัดนี้อย่าช้า

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ฝ่ายพระวิษณุกรรม์แจ้งเหตุ ก็มายังนิเวศยักษา

ฯ เหาะ ฯ

๏ เข้ากรานพานพักตร์อสุรา มีโสมนัสสาเอาใจ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ทศกรรฐ์จึ่งสั่งเทวา ให้อลังการ์ยอดปราสาทใหม่
๏ เทวานิมิตตามจิตไป บัดใจก็แล้วทันที
ครั้นเสร็จแล้วอำลา เหาะมาฟากฟ้าราศี

ฯ เหาะ ฯ

ช้า ฝ่ายทศกรรฐ์อสุรี มีมโนในนิ่งจินดา๑๑

๏ วัน ๑ + ๑๒ ค่ำ จุลศักราช ๑๑๔๒ ปีชวดโทศก ข้าพระพุทธิเจ้านายบุญจันอาลักษณ์ ชุบเส้นทอง ข้าพระพุทธิเจ้า ขุนสรปรเสริด ขุนมหาสิท } ทาน ๓ ครั้ง ๛

  1. ๑. ต้นฉบับว่า “บันจงกระหวัดโจเปนโยคี” โจ น่าจะมาจาก “จุฬา” ซึ่งหมายถึงส่วนบนสุดของศีรษะ

  2. ๒. ต้นฉบับว่า “สี่กรสะนุนาฏยาตรา” สะนุนาฏ น่าจะตัดศัพท์จาก “วิษณุนาถ”

  3. ๓. ต้นฉบับว่า “ข้ามทวีปมระโคกึ่งยานี” มระโตกึ่งยานี หมายถึง อมรโคยานทวีป

  4. ๔. “ทิลโทษ น่าจะตัดศัพท์จาก “มลทินโทษ”

  5. ๕. ต้นฉบับว่า “อับไพพิฦกคะโลกา” อับไพ [อัพพัย] น่าจะหมายถึง อัพยากฤต คือ สภาวะเป็นกลางระหว่างกุศลกับอกุศล

  6. ๖. “ทวาอารมณ์” หมายถึง อารมณ์ทั้ง ๒ ได้แก่ อิฏฐารมณ์ คือ อารมณ์ที่พึงยินดี และอนิฏฐารมณ์ คือ อารมณ์ที่ไม่พึงยินดี

  7. ๗. ถุลลลัจจัย = อาบัติล่วงละเมิดอย่างหยาบ รองจากสังฆาทิเสส

  8. ๘. ศีลสุทธิวุฑฒิ = ความบริสุทธิแห่งศีล ตามแนวทางวิสุทธิมรรค

  9. ๙. ตทังคปหาน = การละกิเลสด้วยองค์ธรรม

  10. ๑๐. โคตรภูญาณ = ญาณที่ข้ามไปสู่ภูมิของพระอริยบุคคล

  11. ๑๑. หมดเนื้อความพระราชนิพนธ์สมุดไทย เล่ม ๔

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ