๏ พระราชนิพนธ์เรื่อง หนุมานเกี้ยววานริน จนท้าวมาลีวราชมา } ๒ หา ๓ ๚๛
๏ วัน๑ ๑+ ๖ ค่ำจุลศักราช ๑๑๓๒ ปีขาลโทศก
พระราชนิพนธ์ทรงแต่ง ชั้นต้นเป็นประถมยัง ทราม พอดี } อยู่ ๚๛
ฝ่ายข้าก็เห็นสุดที |
ฉิเจ้าคนดีมุสา |
อย่าโป้ปดคดคิดเจรจา |
ไม่สบายวิญญาอย่ายายี |
ซึ่งข้าจะคืนยังสถาน |
ต่อพระอวตารรังสี |
เธอปราบอรินไพรี |
ใช้ขุนกระบี่หนุมานมา |
ติดตามอสุรผู้หนี |
ข้านี้ได้ร่วมเสน่หา |
หนึ่งข้าได้แจ้งกิจจา |
ข้าจึงจะพ้นสาปไป |
เจ้าอย่าล่อเลี้ยวลวงกัน |
ข้าคนสำคัญไม่ได้ |
ฝ่ายข้าเจ่าจุกทุกข์ใจ |
เซ้าซี้อยู่ไยไม่เข้ายา |
ฯ ๑๔ คำ ฯ
ร่าย๏ เจ้าเอยเจ้าพี่ |
มารศรีเสาวภาคย์อย่ากังขา |
พี่คือทหารพระรามา |
พนิดาอย่าแหนงแคลงใจ |
ทรงนามชื่อหนุมาน |
เป็นทหารห้าวแห้งผู้ใหญ่ |
ฝ่ายอสุรยกออกไป |
ชิงชัยต่อด้วยพระราชา |
พระองค์ทรงยิงศรผลาญ |
สังหารมารหมู่ยักษา |
ถูกวิรุญจำบังอสุรา |
ยักษาหลบหลีกหนีไป |
จึ่งให้พี่มาติดตาม |
นางงามเจ้ารู้บ้างหฤๅไม่ |
มันไปแห่งหนตำบลใด |
บอกให้หน่อยเถิดนารี |
อันซึ่งธุระของเจ้า |
ขวัญเข้าไว้เป็นธุระพี่ |
จะให้ได้ดั่งใจเทวี |
ก็เซ้าซี้ไปตามกิจจา |
ฯ รอบก้อย ๑๐ คำ เจรจา ฯ
๏ เมื่อนั้น |
วานรินนารีศรีฟ้า |
ได้ฟังถ้อยคำเจรจา |
นางฟ้าประชดประชันไป |
ฉิตาทหารพระราเมศ |
ทรงเดชโชไชยเป็นใหญ่ |
อ้อนแอ้นเอวกลมวิไล |
ช่างจะไปตามมารอสุรา |
แม้นยักษ์จะเด็ดทีเดียว |
คาเขี้ยวก็ไม่ได้อย่ามุสา |
นี่เจ้าได้ยินใครเจรจา |
จึ่งว่าเป็นองค์หนุมาน |
ข้าใคร่กล่าวแกล้งห้ามไว้ |
หมีให้เจ้าไปสังหาร |
ฉิฉะเจ้าตัวหนุมาน |
ยังเห็นท่านเป็นประการใด |
ยังมีเขี้ยวแก้วกุณฑล |
ขนเพชรมาลัยอยู่ไหน |
เจ้ามีดาวเดือนอโณทัย |
อยู่ในโอษฐ์หฤาช่างเจรจา |
ไฉนไม่เป็นวานร |
นี่คนซอกซอนอยู่ในป่า |
ลวงเราไม่ได้ดั่งจินดา |
แกล้งว่าจะไปตามไพรี |
อันวิรุญจำบังมาร |
ต้องศรอวตารเรืองศรี |
ตัวเจ้าจะไปต่อตี |
ที่ทางเราได้สำคัญ |
ว่าพลางทางเย้ยไปมา |
ฉิเจ้าฤทธาแข็งขัน |
ยังได้สลักสำคัญ |
บั่นแบ่งให้แจ้งบัดนี้ |
ฯ ๑๖ คำ ฯ
ยี่กิน๏ บัดนั้น |
จึ่งพญาหนุมานกระบี่ศรี |
ชื่นชมโสมนัสเทวี |
มีสุนทรยกย่องบัญชา |
ดูกรนางนิ่มน้อย |
ถ้อยคำเลิศลบเลขา |
พี่ขอบใจเจ้าเยาวสุดา |
ไม่หลงรูปรสวาที |
สมควรนวลเจ้าเป็นบาทบงสุ์ |
องค์อิศวรราชรังสี |
สู้ตายไม่ให้ประเวณี |
ต่อที่คู่ควรจึ่งปรองดอง |
เจ้านี้ยศยิ่งยอดกัลยา |
สาวสวรรค์ชั้นฟ้าไม่มีสอง |
อย่าแคลงพี่จะให้แจ้งน้อง |
ขอต้องหนิดหนึ่งนารี |
นี่แนเมื่อพบอสุรา |
ยังกรุณาบ้างหฤๅสาวศรี |
หฤๅว่าเจ้ากลัวมันราวี |
จูบทีพี่จะแผลงฤทธา |
ก็ผาดเผ่นโผนกลายกลับ |
โตคับคิรีถ้ำพระคูหา |
เผือกผ่องพึงพิศเจษฎา |
อ้าโอษฐ์มีเดือนดาวตระวัน |
ทรงกุณฑลขนเพชรมาลัย |
เขี้ยวแก้วอำไพเฉิดฉัน |
ดุจดั่งไขศรีรวีวรรณ |
ก็จรจรัลโลมถามเทวี |
ฯ คุกพาทย์ ๑๔ คำ ฯ
ยี่กิน๏ ยอดเอยยอดมิ่ง |
ยังจริงหฤาไม่มารศรี |
พี่จะติดตามต่ออสุรี |
จงชี้ท่าทางบอกไป |
อันซึ่งธุระของเจ้า |
ขวัญเข้าไว้พี่แก้ไข |
ต้องสาปเหตุผลกลใด |
จูบให้เร่งว่าเนื้อความมา |
ฯ คุกพาทย์ ๔ คำ ฯ
มโนหราโอด๏ วานรินตรีดตราดพาที |
โปรดเกศีเถิดอย่าทำข้า |
ไม่รู้ว่าองค์ศักดา |
ขอสมาโทษเถิดภูมี |
ข้าเป็นข้าบาทเจ้าโลกา |
อิศราศวรราชรังสี |
ชื่อวานรินนารี |
พระศุลีสาปข้าลงมา |
รักษาอังกาศคีรี |
ที่สุวรรณถ้ำคูหา |
เมื่อข้าอยู่กับเจ้าโลกา |
รักษาประทีปอัคคี |
วันหนึ่งจึ่งเธอออกนั่ง |
ยังบัลลังก์รัศรังสี |
สนทนาไญยธรรมอันมี |
กับนารอทฤๅษีมีญาณ |
ข้าพูดกับเทวบุตรเล่น |
เธอไม่เห็นอยู่ราชฐาน |
ประทีปก็ดับไปช้านาน |
ระแวงราชการต้องสาปมา |
ว่าต่อท่านได้มาพบ |
สบสมรักร่วมเสน่หา |
จึ่งให้คืนคุงมุลิกา |
ยังมหาไกรลาสคิรี |
หนึ่งให้คอยบอกกิจการ |
วิรุญจำบังมารยักษี |
แก่ท่านผู้มีฤทธี |
ข้านี้ก็จะพ้นสาปไป |
บัดนี้วิรุญจำบังมาร |
ต้องศรอวตารเป็นใหญ่ |
มันหนีอยู่ริมสมุทรไท |
ทิศใต้ในฟองคงคา |
ไปเถิดให้ได้ดังประสงค์ |
จงสำเร็จจำนงปรารถนา |
ก็เป็นไรจึ่งไม่ไคลคลา |
มารวบรัดข้าว่าไร |
ไหอะไรมาเซ้าซี้ |
หารู้ที่ยินดีด้วยไม่ |
อย่ามาจู้จี้น้ำใจ |
อายฤๅทัยอยู่ไม่ไยดี |
ฯ ๒๐ คำ ฯ
ชาตรี๏ ขวัญเอยขวัญตา |
กรุณาบ้างเถิดมารศรี |
พี่จะติดตามต่อไพรี |
ปรานีเหมือนอวยไชยไป |
ว่าพลางทางรวบรึงรัด |
เออนี่หยิกกัดเป็นไฉน |
ดูแรงแข็งขืนหฤาไร |
ฟัดฟั้นกันไปเป็นโกลา |
ฯ คุกพาทย์ ๔ คำ ฯ
ร่าย๏ วานรินตรีดตราดครื้นเครง |
เจ้าข้าเอ๋ยข่มเหงทำข้า |
สาปไม่พ้นก็จะทนเวทนา |
ข้าหายอมไม่ภูมี |
เออนี่ทำไมมารึงรัด |
สะบัดพลางทางว่าน่าบัดศรี |
ไปเสียไปข้าไม่ประเวณี |
อย่าหยักเหยาเซ้าซี้กวนใจ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เจ้าเอยเจ้าพี่ |
มารศรีอย่าหม่นหมองไหม้ |
ถึงอยู่ไม่ชูอาลัย |
จงสำราญบานใจจะขอลา |
ว่าพลางทางทำเป็นคลาไคล |
ทำไมมายุดชายผ้า |
เช่นพี่หฤาจะมีเจตนา |
ฉุดผ้าข้าไยเทวี |
ชาตรี๏ กลับนั่งแนบน้องเจรจา |
กรุณาบ้างเถิดอย่าผินหนี |
จะอยู่ก็ไม่ไยดี |
จะไปก็หมีให้ไคลคลา |
ว่าพลางทางโอบอุ้มน้อง |
คืนเข้าถ้ำทองคูหา |
ฯ เสมอ ฯ
โอ้โลม๏ แสนสนิทพิศวาสตรึงตรา |
เสน่หาอัดอั้นพันทวี |
ก็รัดรึงตระบึงร่วมรส |
ภุมรีจ้องจรดเกสรศรี |
กลั้วเกลือกกลืบเกศสุมาลี |
ปรีดาผาสุกสนุกใจ |
ฯ โลมปี่พาทย์ ๑๐ คำ ฯ
ช้า๏ เมื่อนั้น |
วานรินนารีศรีใส |
อยู่กับหนุมานชาญไชย |
หมีได้จะนิราศคลาดคลา |
จึ่งแจ้งกิจการยุบล |
ซึ่งทนยากอยู่ในพระคูหา |
นานเนิ่นเกินเจียรกาลมา |
ช้านานได้ถึงหมื่นปี |
อันจะพ้นทนทุกข์เวทนา |
เพราะพระภัสดาโปรดเกศี |
เมียจะไปไกรลาสคิรี |
ปรานีให้ได้ดั่งใจ |
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย๏ เมื่อนั้น |
จึ่งพญาหนุมานทหารใหญ่ |
รับคำวรราชนางใน |
อย่าร้อนรนใจกัลยา |
พี่จะติดตามต่อไพรี |
แล้วจะกลับมาที่พระคูหา |
จึงจะส่งไปสวรรค์ชั้นฟ้า |
ก็เหาะมายังมหาสมุทรไท |
ฯ เชิด ฯ
๏ ครั้นถึงจึ่งพิจณาฟอง |
ลอยฟ่องล่องตามน้ำไหล |
แต่ฟองน้ำอันหนึ่งไสร้ |
โตใหญ่หลวงล้ำมหึมา |
ไม่ลอยลงไปเหมือนทั้งปวง |
ท่วงทีจะเป็นยักษา |
ก็ผาดโผนแผลงฤทธา |
เท่ามหาพรหมาเกรียงไกร |
มีหางใหญ่ยาวเจษฎา |
กระหวัดฟองคงคาอันใหญ่ |
สองหัตถ์คลำพิจณาไป |
ที่ในมหาชลธาร |
ฯ เชิด ๑๐ คำ ฯ
๏ ฝ่ายวิรุญจำบังตกใจ |
ก็รู้ว่าภัยมาตามผลาญ |
จึ่งอ่านพระเวทวิชาการ |
บันดาลแทรกตัวออกมา |
ฯ ตระ เชิด ฯ
๏ พ้นจากวงหางขุนกระบี่ |
อสุรีอายใจยักษา |
ก็ผาดโผนแผลงฤทธา |
กลับเข้าเข่นฆ่าหนุมาน |
ฯ เชิด ๔ คำ ฯ
๏ หนุมานเผ่นโผนโจนรับ |
จับกุมกันตามกำลังหาญ |
ฯ เชิด ฯ
๏ วิรุญจำบังตีหนุมาน |
พลำทานหมีได้จมไป |
ฯ เชิด ฯ
๏ หนุมานผุดขึ้นอ่านมนตร์ |
เข้าผจญชิงเอาตระบองได้ |
ตีวิรุญจำบังจมไป |
ผุดเมื่อไรซ้ำตีอสุรา |
ฯ เชิด ฯ
๏ ฝ่ายวิรุญจำบังอ่านมนตร์ |
ประดาด้นไม่ขึ้นเข่นฆ่า |
สมาธิสำรวมวิญญา |
อยู่ในมหานัที |
ฯ ตระ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น |
จึ่งพญาหนุมานกระบี่ศรี |
นิมิตหางโตใหญ่ยาวรี |
ล้อมรอบนัทีคงคา |
เบื้องต่ำจดเพียงบาดาล |
โดยสูงตง่านพระเวหา |
ค่อยกระหยับจะจับอสุรา |
ทำฤทธาอยู่ที่วารี |
ฯ ตระ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น |
วิรุญจำบังยักษี |
ซึ่งหลีกหลบอยู่ในนัที |
หมีรู้ที่หนีหนุมาน |
ครั้นเห็นกระหยับหางเข้าทีใด |
ร่านร้อนฤๅทัยดังไฟผลาญ |
พ้นที่จะต่อหนุมาน |
ก็ลนลานอยู่ในสมุทรไท |
ฯ คุกพาทย์ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น |
จึ่งพญาหนุมานทหารใหญ่ |
กระหวัดหางรัดรวบเข้าไป |
ก็จับตัวได้อสุรี |
ขึ้นฟัดกับพื้นพสุธา |
ยักษามอดม้วยเป็นผี |
ฯ เชิด โอด ฯ
ตัดเอาศีรษะอสุรี |
ขุนกระบี่ก็พาเหาะมา |
ฯ เตียว ฯ
๏ จึงตรงลงยังคิรี |
ที่สุวรรณถ้ำทองคูหา |
จะโปรดวานรินกัลยา |
ทิ้งศีรษะไว้เข้าไป |
ฯ เสมอ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น |
วานรินนารีศรีใส |
แต่หนุมานคลาไคล |
นางในไม่เป็นสมฤๅดี |
แสนวิโยคโศกสร้อยคอยหา |
กลัวว่าจะพ่ายแพ้ยักษี |
เจ่าจุกทุกข์ใจเทวี |
แลไปเห็นศรีหนุมาน |
วิ่งออกไปรับขุนกระบี่ |
มารศรีปรีดิ์เปรมเกษมศานต์ |
นำเข้าแท่นที่นงคราญ |
ก็เบิกบานอยู่ในคีรี |
ฯ เพลง ๖ คำ ฯ
โลม๏ เมื่อนั้น |
หนุมานผู้ชาญไชยศรี |
แสนพิศวาสเทวี |
ยังที่แท่นอาสนไสยา |
แล้วจึ่งปราศรัยนวลนาง |
ข้อซึ่งไปล้างยักษา |
แพ้พี่ตัดเอาศีรษะมา |
ทิ้งไว้ปากมหาคิรี |
บัดนี้สำเร็จการแล้ว |
จะลาน้องแก้วบทศรี |
เอาเศียรไปถวายภูมี |
ยังที่สมรภูมิไชย |
ว่าพลางก็ทางเชยชิด |
แสนสนิทแนบน้องพิสมัย |
พี่จะส่งเจ้าไปสุลาลัย |
ก็อุ้มอรไทออกมา |
ฯ เสมอ ฯ
๏ ครั้นถึงปากถ้ำโยนขึ้นไป |
ในพิดลอากาศเวหา |
ม้วยมุดสุดสิ้นชีวา |
ไปมหาไกรลาสคิรี |
ฯ ตระ ฯ
๏ ครั้นเสร็จกิจการนงเยาว์ |
จับเอาเศียรเกล้ายักษี |
เหาะจากปากถ้ำคิรี |
ริบรี่มาสมรภูมิพลัน |
ฯ เชิด ปฐม ๑๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายข้างพระรามเห็นกระบี่ |
ภูมีบอกแก่พลขันธ์ |
โน่นแนหนุมานจรจรัล |
ได้หัวกุมภัณฑ์เหาะมา |
พวกพลกระบี่ดีใจ |
เอิกเกริกกันไปทั่วหน้า |
หนุมานถึงจึ่งวันทา |
ถวายเศียรอสุราทันที |
ฯ เชิด ฯ
๏ เดิมเมื่อได้ข่าวยักษา |
พบวานรในพนาศรี |
บอกว่าอังกาศคีรี |
มีนางอัปสรกัญญา |
ข้าจึ่งนิมิตบิดเบือน |
เหมือนมนุษย์หนุ่มน้อยเสน่หา |
เข้าไปไถ่ถามกิจจา |
นางว่าต้องสาปพระศุลี |
กลับสงสัยข้าที่แปลงกาย |
หยาบคายว่าชาวพนาศรี |
ข้าเลียมลวงตอบคดี |
นารีแปลนคำออกมา |
ว่าต่อได้บอกกิจการ |
พบพานร่วมรักกับข้า |
จึงให้คืนคุงบาทมุลิกา |
ยังมหาไกรลาสคีรี |
ข้าจึงผาดแผลงอานุภาพ |
นางกราบประณตบทศรี |
บอกให้ไปตามอสุรี |
พบตัวต่อตีกันไปมา |
มันตีข้าจมลงในน้ำ |
ข้าดำผุดขึ้นได้ตียักษา |
ชิงได้ตระบองอสุรา |
ข้าก็ตียักษาจมไป |
ครั้นผุดขึ้นมาข้าตีซ้ำ |
มันดำลงอยู่ต่ำใต้ |
ข้านิมิตหางโตเกรียงไกร |
จึ่งกระหวัดจับได้อสุรา |
ตัดเอาศีรษะจรลี |
มาโปรดนางที่พระคูหา |
แล้วจึงพาเอาศีรษะมา |
ถวายพระผ่านฟ้าบัดนี้ |
ฯ ๒๐ คำ ฯ
๏ บัดนั้น |
พระอวตารผู้ชาญไชยศรี |
ปราศรัยไปแก่ขุนกระบี่ |
ที่ใช้ศรข่ายกั้นอสุรา |
กูพิจณาดูรูปพึงหาย |
จึ่งหมายมุ่งว่าเองได้ยักษา |
ก็พอแลไปเห็นหนุมานมา |
ดูราพิเภกอสุรี |
แต่ให้หนุมานอาสา |
เข่นฆ่าต้านต่อยักษี |
ล้วนมีชัยได้ท่วงที |
ควรที่เป็นอัคคเสนา |
นี่แนพิเภกธิบดี |
อันเศียรอสุรียักษา |
เพื่อนขลังอาคมวิทยา |
จะเอามาทำประการใด |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ ฝ่ายพญาพิเภกกราบทูล |
ซึ่งอิสูรต้องศรตักษัย |
ย่อมได้ฟากฟ้าคาลัย |
ไปเป็นสุขทั่วอสุรี |
บัดนี้วิรุญจำบังม้วย |
ด้วยมือหนุมานกระบี่ศรี |
ข้าบาทเห็นไม่สู้ดี |
ขอให้ชูศีรษะไว้เมฆา |
แล้วจึ่งทรงศรแผลงผลาญ |
สังหารให้ไปเป็นสุขา |
จึงจะได้สวรรค์ชั้นฟ้า |
โปรดเกศาทำบัดนี้ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น |
พระอวตารผู้ชาญไชยศรี |
สั่งให้เอาเศียรจรลี |
ทำตามพิเภกบัญชา |
หนุมานก็พาเหาะไป |
ชูไว้อากาศเวหา |
จึ่งแผลงศรกินเศียรอสุรา |
ยักษาสู่สวรรคาลัย |
ฯ ตระ ๔ คำ ฯ
๏ แล้วตรัสแก่พลวานร |
อันนครหาพ้นมือไม่ |
ครั้นจะบุกรุกเอาเวียงไชย |
ผิดไปไม่ต้องประเวณี |
จำเราจะเลิกทัพไชย |
กลับไปยังพลับพลาศรี |
ฟังดูกำลังอสุรี |
ก็เลิกรี้พลกลับพลับพลา |
ฯ ๔ คำ เชิด ฯ
๏ มาจะกล่าวบทไป |
ถึงสารัณทูตยักษา |
ซึ่งคอยเหตุเจ้ากรุงลงกา |
เห็นทัพยักษาอัปราชัย |
พ่ายแพ้แก่องค์พระราเมศ |
เอาเหตุไปแจ้งแถลงไข |
ฯ เชิด ปฐม ฯ
๏ ทูลแก่ท้าวทศกรรฐ์ไป |
ได้ทราบธุลีบาทา |
บัดนี้ทัพท้าวสัทธาสูร |
ทั้งวิรุญจำบังยักษา |
พ่ายแพ้แก่องค์รามา |
ยักษามอดม้วยบรรลัย |
เสร็จสิ้นม้ารถคชพล |
ทั้งสกลพยู่หน้อยใหญ่ |
ตายกลาดเกลื่อนเต็มพนาลัย |
ท่านไทจงแจ้งธุลี |
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย๏ เมื่อนั้น |
ทศเศียรสุริวงศ์ยักษี |
ครั้นรู้ข่าวแพ้ไพรี |
มีกระมลเศร้าเปล่าใจ |
ฯ ครวญ ฯ
๏ โอ้ว่าแต่แต่งไปอาสา |
จะมีชัยมาบ้างก็หาไม่ |
ล้วนย่อยยับอัปราชัย |
ไฉนจะชนะไพรี |
เร่งร้อนรัญจวนป่วนใจ |
ดั่งไฟปลัยกัลปเจียวจี่ |
แสนวิโยคโศกสร้อยโศกี |
คิดถึงพงศ์พีร์ทั้งปวงไป |
คือจะได้ใครมาต่อต้าน |
พญามารอัดอ้นหม่นไหม้ |
ทอดกายก่ายคิดคดีไป |
ระลึกได้ว่าองค์อัยกา |
ยานี๏ เธอเสด็จไปทรงศีลอยู่ |
ภูเขาศิวาลัยภูผา |
โดยอิทธิฤทธิ์เดชา |
อานุภาพปราบเดชโชไชย |
พระนามชื่อมาลีวราช |
พระบาทบพิตรเป็นใหญ่ |
ทรงสัจแม้นตรัสสิ่งใด |
ก็เป็นไปตามพระบัญชา |
ดุจดั่งบรมพรหมเมศ |
ทุกนิเวศลิขิตเลขา |
จารึกไว้หน้าศิลา |
ถ้าแม้นแช่งชักผู้ใด |
ผู้นั้นก็เป็นดั่งวาจา |
จะคลาดคลาสักน้อยก็หาไม่ |
ควรกูจะให้ไปทูลไท |
มาในนครลงกา |
แล้วจึงจะทูลกล่าวโทษ |
ให้กริ้วโกรธรามจงหนักหนา |
อันลักษ์แลรามราชา |
น่าที่จะต้องแช่งตาย |
ฝ่ายนางษีดาดวงจิต |
ก็จะสมความคิดกูมุ่งหมาย |
ไพรีหมีม้วยอันตราย |
ไม่วายทุกข์ร้อนเคืองใจ |
ร่าย๏ คิดแล้วสั่งสุรเสนา |
ไปเชิญอัยกาผู้เป็นใหญ่ |
ซึ่งอยู่ยอดฟ้าศิวาลัย |
มาดับภัยพื้นพระสุธา |
มึงคิดพิดทูลถ้าไถ่ถาม |
กล่าวโทษลักษ์รามให้หนักหนา |
แก้ไขอย่าให้แคลงวิญญา |
สองเสนาไปบัดนี้ |
ฯ ๒๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น |
นนยุเวกวายุเวกยักษี |
รับสั่งพลันพลางจรลี |
กรีธาทัพใช้พันหนึ่งไป |
ฯ กราว ฯ
๏ มาเอยมาถึง |
ซึ่งนครยอดฟ้าสูงใหญ่ |
ก็เข้าไปหาเสนาใน |
แถลงไขตามราชกิจพลัน |
ฯ ๔ คำ เจรจา ฯ
๏ เสนาจึ่งพาเข้าทูล |
ไอศูรย์บรมพงศ์สวรรค์ |
ก็พอไขศรีรวีวรรณ |
จรจรัลออกหน้าบัญชรไชย |
ฯ เสมอ ๒ คำ ฯ
๏ เสนาจึ่งเบิกทูลแถลง |
แจ้งท้าวมาลีวราชเป็นใหญ่ |
นนยุเวกวายุเวกก็ทูลไป |
แถลงไขตามข้อคดี |
บัดนี้ท่านท้าวทศพักตร์ |
อันเป็นหลานรักเรืองศรี |
ผู้ผ่านสามโลกโมลี |
ซึ่งเป็นศรีราชนัดดา |
ให้ข้ามาทูลพระบาท |
ด้วยพระญาติวงศ์พงศา |
มีหมู่อริราชยกมา |
เข่นฆ่ามอดม้วยมากมาย |
นามชื่อลักษ์รามราชา |
กับพลวานรทั้งหลาย |
สังหารอสูรศักดิ์ยักษาตาย |
มากมายเป็นพ้นคณนา |
ขอเชิญเสด็จไปปกเกล้า |
แก่เผ่าพันธุวงศ์พงศา |
ยังกรุงนครลงกา |
เห็นว่าจะปลอดรอดภัย |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
ช้าปี่รับ๏ เมื่อนั้น |
พระทรงธรรมธิราชเป็นใหญ่ |
สงสัยไถ่ถามเนื้อความไป |
เป็นไฉนสองสุรเสนี |
อันองค์ท้าวทศพักตร์ |
หลานรักกูยิ่งยอดเรืองศรี |
ถึงว่าเทวัญจันทรี |
ก็อัญชุลีอวยไชย |
เป็นยอดมงกุฎเมืองมาร |
ห้าวหาญผ่านภพสูงใหญ่ |
ทั้งสิบสี่โลกสุลาลัย |
ย่อมกลัวฤทธิไกรมหึมา |
ไม่มีผู้อาจองทะนงศักดิ์ |
มายำยีพญายักษา |
สิ้นเสร็จเข็ดฤทธิ์อสุรา |
มึงว่ากูฉงนสนเท่ห์ใจ |
ซึ่งว่าพระรามพระลักษ์ |
ศักดิ์แสงสุริวงศ์อยู่ไหน |
เพื่อนผ่านถิ่นฐานบ้านเมืองใด |
เร่งเร็วบอกไปอย่าช้า |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
ร่าย๏ นนยุเวกวายุเวกทูลพลัน |
ซึ่งยกพลขันธ์มาเข่นฆ่า |
ครอบครองกรุงศรีอยุทธยา |
อานุภาพปราบเดชโชไชย |
เป็นหน่อของท้าวทศรถ |
ปรากฏฟากฟ้าดินไหว |
หลานท้าวอัชบาลเรืองไชย |
เป็นใหญ่ยิ่งยศโมลี |
เดิมพระยอดเมืองมารไปเล่นป่า |
พบนางษีดามารศรี |
สิ่งซึ่งบริโภคไม่มี |
ปรานีเอามาลงกา |
อยู่มาพระรามพระลักษ์ |
คุมกระบี่มีศักดิ์มาหนักหนา |
ข่มเหงห้ำหั่นอสุรา |
จองถนนข้ามมาพระบุรี |
ฆ่าพระญาติวงศ์พงศา |
โยธาอสุรายักษี |
ตายกลาดเกลื่อนเต็มธรณี |
จงแจ้งธุลีท่านไท |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
ร่าย๏ เมื่อนั้น |
พระกอปรกิจธรรมเป็นใหญ่ |
ครั้นจะแจ้งเหตุเภทภัย |
จึ่งแถลงไขสองเสนา |
อันองค์อัชบาลเป็นสหาย |
เพื่อนตายรักใคร่กูหนักหนา |
ร่วมชีพไว้วิญญา |
ซึ่งลักษ์รามากูไม่รู้ |
ด้วยพึ่งใหญ่ค่อยจำเริญวัย |
ทางไกลต่างคนต่างอยู่ |
ช้านานไม่ได้ไปดู |
สูริวงศ์ในกรุงอยุทธยา |
ไฉนจึงมารุกราน |
กรุงมารเมืองหมู่ยักษา |
หฤๅจะเกี่ยวข้องกันด้วยษีดา |
ว่ามาทั้งนี้กูเห็นจริง |
อันนอกกว่านี้ไม่มีใคร |
จะทำฤทธิไกรสุงสิง |
หลานรักกูศักดิ์แสงยวดยิ่ง |
กฤษฎาธิการมหึมา |
เห็นแต่ท่านท้าวอัชบาล |
เป็นประธานสุริวงศ์นาถา |
เธอเป็นสหายรักกูมา |
อนิจจานัดดามาผิดกัน |
จำกูจะไปเกลี่ยไกล่ |
อย่าให้ขึ้งเคียดเดียดฉันท์ |
เป็นเพื่อนเผ่าพันธุมิตรกัน |
โดยธรรม์ทำเนียมมีมา |
ร่าย๏ ก็สั่งให้เตรียมสกลไกร |
กูจะไปห้ามสองเสน่หา |
ให้สมัครสมานอัธยา |
อย่าช้ารีบรัดบัดนี้ |
ฯ ๑๖ คำ ฯ
ร่าย๏ บัดนั้น |
จึ่งอำมาตย์มารยักษี |
รับสั่งพลันพลางจรลี |
มาจัดรี้พลโยธา |
ฯ แพละน้อย ฯ
ยานี๏ กะเกณฑ์คนธรรพ์คันธรรพ |
กับอสุรศักดิ์ยักษา |
ทั้งฤาษีสิทธิ์วิทยา |
กินนรปักษานาคี |
อีกทั้งโขมดผีป่า |
เทพบุตรเทวาอึงมี่ |
แตรสังข์ดุริยางคดนตรี |
ให้คอยทีแห่แหนเสด็จไป |
ครั้นเสร็จระเห็จเข้ามา |
ไคลคลาขึ้นทูลแถลงไข |
ฯ เชิด ปฐม ฯ
ร่าย๏ อันซึ่งพหลสกลไกร |
ได้พร้อมอยู่แล้วพระราชา |
ฯ ๘ คำ ฯ
โทน๏ เมื่อนั้น |
พระทรงจัตุศีลยักษา |
จึ่งชำระสระสรงคงคา |
ทรงกาสาวพัสตร์รูจี |
สอดสร้อยใส่ชฎาประดับเครื่อง |
เรื่อเรืองรุ่งรัศรังสี |
เปล่งปลั่งดั่งดาวโรหิณี |
สี่กรรณจอนแก้วแพรวตา |
ดั่งองค์อิศโรยโสธร |
บวรลิขิตเลขา |
ผ่องผึ่งพึงพิศเจษฎา |
ธรากรสิกขาเพราพราย |
กอปรกับสัจจเวทคาถา |
อลังการ์เป็นพระขรรค์ผันผาย |
มาขึ้นรถแก้วแพร้วพราย |
คลี่คลายพลจากคีรี |
ฯ ๘ คำ เพลง แล้วกราว ฯ
โทน๏ รถเอยราชรถทรง |
สำหรับพงศ์เผ่าพรหมรังสี |
เทียมด้วยเทพบุตรพาชี |
รัศมีวิจิตรเจษฎา |
ดุจดั่งดวงอโณทัยตรัส |
แจ่มจัดสว่างเวหา |
ระย้าระยับจับเมฆา |
อลังการ์รัศอัมพร |
โดยญาณฤทธิสิทธิเดช |
ทุกนิเวศสาธุการอยู่สลอน |
ก็เคลื่อนไชยรถบทจร |
จามรจรบังบังตระวัน |
กลิ้งกลดกลดกลิ้งพริ้งพราย |
อภิรุมชุมสายผายผัน |
บังแสงแสงศรีรวีวรรณ |
ผาดผันเลื่อนลอยลีลา |
ฯ ๘ คำ กลองโยน ฯ
ยานี๏ มาพลางทางคิดถวิล |
จินตนาการตามอุเบกขา |
ครั้นกูจะเข้าไปลงกา |
พระรามารู้จะน้อยใจ |
ครั้นกูจะไปหารามลักษ์ |
ฝ่ายพญาทศพักตร์จะว่าได้ |
ควรกูอยู่ท่ามกลางไสร้ |
อย่าให้ข้างใครนินทา |
คิดพลางทางสั่งหมู่มาร |
ท่านอย่าเข้าไปเมืองยักษา |
ยับยั้งยังนอกพารา |
ก็มาหยุดสมรภูมิไชย |
ฯ บาทสกุณี ฯ
ร่าย๏ จึ่งสั่งสองสูรขุนมาร |
ผู้ซึ่งจำทูลสารไข |
มึงเร่งเอากิจจาไป |
แถลงไขเจ้ากรุงลงกา |
๏ นนยุเวกวายุเวกรับสั่ง |
บังคมกราบคนละสามถ่า |
ทูลลาระเห็จเตร็จมา |
พากันเข้าแจ้งคดี |
ฯ เชิด ปฐม ฯ
๏ บัดนี้สมเด็จพระอัยกา |
ไม่เข้ามาในกรุงศรี |
อยู่นอกนครธานี |
ตรงที่สมรภูมิไชย |
เดิมเมื่อไปทูลเธอไถ่ถาม |
ตรัสเรื่องราวความแถลงไข |
บอกว่าลักษ์รามสองไท |
ได้เป็นหลานพระสหายมา |
พระองค์จะตรัสเกลี่ยไกล่ |
หมีให้ขึ้งเคียดเข่นฆ่า |
ว่าเป็นพงศ์พันธุมิตรมา |
ให้ข้าบาทเชิญจรลี |
ฯ ๑๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น |
ทศเศียรสุริวงศ์ยักษี |
ชื่นชมโสมนัสยินดี |
สองเสนีไว้กูเจรจา |
เอ็งเร่งบุษบกพิมาน |
กับพลทวยหาญซ้ายขวา |
อีกทั้งธูปเทียนบูชา |
กูจะไปวันทาบัดนี้ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ นนยุเวกวายุเวกสั่งพลัน |
เร่งรัดพลขันธ์ไชยศรี |
ฯ เชิด เจรจา ฯ
๏ บ้างจัดบุษบกมณี |
ตระเตรียมอัคคีมาลัย |
เสร็จพร้อมธูปเทียนบริบูรณ์ |
เข้าทูลบังคมแถลงไข |
ฯ เชิดฯ
๏ อันซึ่งจะเสด็จคลาไคล |
ได้พร้อมอยู่แล้วราชา |
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย๏ เมื่อนั้น |
ทศเศียรสุริวงศ์ยักษา |
จึงชำระสระสรงคงคา |
ยักษาสำอางอาภรณ์ |
ทรงมงกุฎสังวาลเสร็จสรรพ |
จับสะพักสะพายแล่งแสงศร |
ถือธูปเทียนบุษบากร |
ก็จรจะไปบูชา |
ฯ เพลง ฯ
๏ ขึ้นยังบุษบกพิมาน |
เหาะระเห็จทะยานพระเวหา |
๏ ฝ่ายหมู่แสนสูรเสนา |
แห่ห้อมล้อมท้าวยักษาไป |
ฯ กราว ๖ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงจึ่งหยุดบุษบก |
ยกสองพระกรก้มกราบไหว้ |
เคียงข้างรถแก้วแววไว |
เบื้องซ้ายท้าวไทอัยกา |
จึงจุดธูปเทียนตามถวาย |
บ่ายพักตร์อภิวันท์หรรษา |
โปรยปรายดอกไม้บูชา |
โศกาอัดอั้นพันทวี |
ฯ โอด ฯ
ครวญ๏ พระจอมเกศแก้วกระหม่อมเอ๋ย |
ไม่เคยอับปางบทศรี |
แต่พระบาทเบื้องต่ำใต้ธุลี |
ก็มีผู้ยำเยงเกรงใจ |
ไม่มีผู้มาทำแค้น |
หาดูหมิ่นถิ่นแคลนได้ไม่ |
เดชะพระเดชปกเกศไป |
ก็เย็นในสุริวงศ์พรหมา |
บัดนี้พระรามพระลักษ์ |
โหมหักฆ่าญาติวงศา |
อาจอุกรุกร้นรานมา |
จะเกรงอัยกาบ้างก็ไม่มี |
ถึงกะไรก็จะเห็นแก่พระองค์ |
ซึ่งเป็นพงศ์พรหมเรืองศรี |
ยังเสด็จอยู่ยอดคีรี |
นี่มาทำได้ทำไป |
ฯ ครวญ ฯ
๏ อันพระญาติวงศ์ตายสิ้นแล้ว |
ยังแต่หลานแก้วจะตักษัย |
จึ่งให้ไปเชิญท่านไท |
เพื่อจะได้ถวายบังคมลา |
ทูลพลางทางทรงโศกี |
ยักษีสอดใส่แสร้งว่า |
ทำสะอึกสะอื้นไห้ไปมา |
โศกาอัดอั้นพันทวี |
ฯ ๑๖ คำ โอด ฯ
ช้า๏ เมื่อนั้น |
พระทรงทศธรรมรังสี |
สงสัยในพจวาที |
มีนโมในนิ่งจินดา |
ดีร้ายการจะก่อเกิดเคืองแค้น |
จึ่งจะแสนสาหัสกันเข่นฆ่า |
แม้นดีหฤาจะมีภัยมา |
ปรีชาฉงนสนเท่ห์ใจ |
แม้นมั่นมันทำเขาก่อน |
เขาจึ่งราญรอนม้วยไหม้ |
หฤๅจริงสิ่งซึ่งมันว่าไป |
ท้าวไทกลับนึกตรึกตรา |
ครั้นกูจะปราศรัยต่อ |
หน่อทศรถจะกังขา |
ครั้นกูจะไม่เจรจา |
หมีรู้ว่าเป็นประการใด |
ร่าย๏ คิดแล้วจึ่งร้องประกาศ |
เทวราชเรืองฤทธิน้อยใหญ่ |
มาเป็นพยานกันไว้ |
เราจักไถ่ถามข้อคดี |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
ยานี๏ มาจะกล่าวบทไป |
ถึงไทเทพทั่วราศี |
ผู้ทรงมหิทธิฤทธี |
เรืองศรีทิพโสตรู้ไป |
คือองค์ท้าวมาลีวราช |
พระบาทบพิตรเป็นใหญ่ |
เสด็จอยู่สมรภูมิไชย |
จะไถ่ถามความกุมภัณฑ์ |
กับด้วยพระลักษ์พระราเมศ |
เทพเจ้าเรืองเดชผายผัน |
ฯ เพลง ฯ
๏ ก็ชวนกันเข้าคมคัล |
อัญชุลีท้าวมาลี |
ฯ โคมเวียน ๖ คำ ฯ
ช้า๏ เมื่อนั้น |
พระผู้พงศ์ผ่านภพรังสี |
ปราศรัยไปแก่อสุรี |
ซึ่งเป็นศรีราชนัดดา |
ตัวเจ้าเป็นใหญ่ไตรภพ |
จบสกลโลกทิศา |
เจ้าผิดกับลักษ์รามา |
สาเหตุอย่างไรอย่าได้พราง |
อันซึ่งกิจการรบสู้ |
กูนี้จะขอทั้งสองข้าง |
เขาหลานสหายปู่ผู้กลาง |
ข้างเจ้าก็เป็นนัดดา |
ไม่ควรทำร้ายแก่กัน |
เป็นพันธุมิตรดีกว่า |
คือใครก่อกรรมอหังการ์ |
กูจะหามาว่าบัดนี้ |
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย๏ บัดนั้น |
ทศเศียรสุริวงศ์ยักษี |
พิดทูลเคลือบแฝงคดี |
เดิมทีไปเล่นพนาวา |
ข้าไล่มหิงส์กะทิงไพร |
พบนางคนหนึ่งในป่า |
ต่างต่างช่วงชิงกันไปมา |
ยักษาจะกินเทวี |
พอข้าขอทันถามไถ่ |
นางว่าเกิดในพนาศรี |
พ่อแม่ลูกผัวไม่มี |
นารีชื่อว่าษีดา |
ปรานีเอามาไว้ในสวน |
ไม่ควรร่วมรสเสน่หา |
นานเนิ่นเกินเจียรกาลมา |
ใครใครไม่ว่าผัวนารี |
แต่องค์พระลักษ์พระราเมศ |
ซึ่งไม่เกรงเดชฆ่าพงศ์ยักษี |
ม้วยมุดสุดสิ้นชีวี |
จึ่งพาทีว่าเป็นผัวษีดา |
ครั้นข้าจะส่งษีดาเล่า |
ด้วยพระญาติวงศ์เจ้าดับสังขาร์ |
เห็นไม่กลับคืนเป็นมา |
ข้าจึงหมีส่งนางไป |
ถ้าว่ากันก่อนโดยดี |
เป็นทางไมตรีจะส่งให้ |
นี่มาข่มเหงไม่เกรงใจ |
จะส่งไปกลัวขายพระบาทา |
แม้นไม่มีชัยอัปรยศ |
จะปรากฏอายบาทไปเมื่อหน้า |
ขออย่าให้ขายบาทา |
กรุณาข้าใต้ธุลี |
ฯ ๑๖ คำ ฯ
ช้า๏ เมื่อนั้น |
พระทรงธรรม์ธิราชรังสี |
สอดส่องดูคำอสุรี |
ผิดที่ไม่เคยพบเห็นมา |
หฤๅว่าผู้อื่นลักนาง |
ฝ่ายผัวตามล้างเข่นฆ่า |
พอพบพญาอสุรา |
กลัวฤทธาทิ้งนารี |
ฝ่ายผัวเหลือบเห็นไม่ทันถาม |
วู่วามเข้าชิงชัยศรี |
หมายใจว่าอ้ายไพรี |
ต่างต่างจึ่งมีอหังการ์ |
ก็ผิดทีนี่หน่อทศรถ |
ปรากฏสุริวงศ์นาถา |
หมีใช่เข็ญใจไพร่ฟ้า |
จะมาเป็นดั่งนี้ก็ผิดไป |
หฤๅเมียนอกใจอ้ายนี่ชู้ |
ต่อสู้เจ้าผัวเขาไม่ได้ |
สุดฤทธิ์ที่จะคิดชิงชัย |
เพื่อจะให้กูแช่งกระมังนา |
ดีร้ายจะเป็นฉะนี้ |
ท่วงทีจึ่งเคลือบริษยา |
ครั้นกูจะตอบต่อเจรจา |
มันจะว่าแกล้งกล่าวซักความ |
จำกูจะเงือดงดไว้ |
จึ่งจะค่อยซักไซ้ไถ่ถาม |
ควรกูจะให้ไปหาราม |
มาสอบถามห้ามผิดกัน |
ร่าย๏ คิดแล้วจึงมีพจนารถ |
ประกาศแก่เทวาสรวงสวรรค์ |
แล้วว่าไปแก่กุมภัณฑ์ |
อันเป็นศรีราชนัดดา |
ซึ่งข้อคดีของเจ้า |
จำจะให้หาเขาผู้เข่นฆ่า |
มาสมัครสมานอัธยา |
ว่ากล่าวกันตามประเวณี |
ก็สั่งอำมาตย์มึงไปหา |
เทวบุตรษณุกรรม์เรืองศรี |
ฉับไวให้มาบัดนี้ |
ยังที่สมรภูมิพลัน |
ฯ ๒๐ คำ ฯ
๏ คนธรรพ์ก็รับสั่งลา |
ไปดาวดึงษาสวรรค์ |
ฯ เชิด ฯ
๏ เข้าหาพระวิษณุกรรม์ |
ฉับพลันมาไปอย่าช้า |
ฯ ๒ คำ เจรจา ฯ
๏ ฝ่ายพระวิษณุกรรม์แจ้งเหตุ |
ก็มาจากนิเวศดึงษา |
ฯ เหาะ ฯ
จึ่งชวนกันเข้าวันทา |
สองราประนมดุษฎี |
ฯ ๒ คำ ฯ
ร่าย๏ เมื่อนั้น |
ท้าวมาลีวราชยักษี |
จึงสั่งให้เทวจรลี |
ไปบอกคดีสองไท |
อันอัชบาลอัยกา |
ร่วมวิญญากูพิสมัย |
สหายกูปู่รามเรืองไชย |
จงแจ้งไขแก่สองรา |
ครั้นเราจะให้คนธรรพ์ไป |
เกลือกสองภูวไนยจะกังขา |
ด้วยรามลักษ์ไม่รู้จักกูมา |
พาทีอย่าให้แคลงใจ |
บัดนี้นัดดากับนัดดา |
เข่นฆ่ากันเท่าไหนไหน |
ตัวกูนี้พึ่งรู้ไป |
ฉับไวให้มาบัดนี้ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ ฝ่ายเทวะรับสั่งลา |
เหาะมายังพลับพลาศรี |
ฯ เชิด ฯ
๏ ถึงจึงแถลงเสนี |
กระบี่พาแจ้งกิจจา |
บัดนี้ท่านท้าวมาลีวราช |
พระบาทสิทธิศักดิ์หนักหนา |
เธอเป็นสหายพระอัยกา |
ให้ข้ามาเชิญเสด็จไป |
จะไถ่ถามห้ามความรบสู้ |
พระเจ้าปู่ว่าหาอื่นไกลไม่ |
เหตุนี้พึ่งทราบธุลีไป |
จึ่งให้มาแจ้งราชา |
ฝ่ายข้างพญาทศพักตร์ |
กล่าวโทษพระองค์หนักหนา |
พระอัยกาไม่เชื่อวาจา |
จึ่งให้มาเชิญจรลี |
ฯ ๘ คำ เจรจา ฯ
๏ เมื่อนั้น |
พระอวตารผู้ชาญไชยศรี |
จึ่งบัญชาชอบวาที |
ให้กระบี่ปฤกษาทุกตัวนาย |
ผู้ใดยังได้รู้เห็น |
อัยกากูเป็นสหาย |
กับท้าวมาลีวราชเพริศพราย |
บรรยายให้แจ้งบัดนี้ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น |
พระยาชามภูวราชกระบี่ศรี |
ก้มเกล้าเคารพสามที |
ขุนกระบี่จึงทูลเนื้อความไป |
อันองค์ท้าวมาลีวราช |
พระบาทบพิตรเป็นใหญ่ |
กับพระอัยการักร่วมใจ |
ไกลนานเนิ่นนักพระราชา |
แต่ชันษาข้าพึ่งวัย |
พอจำความได้น้อยนักหนา |
จนได้เป็นบาทมุลิกา |
อายุข้าถึงกัลปปลาย |
แม่นมั่นอันองค์พระอัยกา |
กับท้าวยักษาเป็นสหาย |
ตัวข้าจะขอบรรยาย |
เล่าถวายให้แจ้งกิจการ |
ว่ายังมีพรหมผู้หนึ่ง |
จึ่งเธอทำเพียรห้าวหาญ |
อตส่าห์เฝ้าพระสยมภูญาณ |
จะใคร่เป็นประธานโลกา |
จึงกราบทูลขอพระพร |
ให้ถาวรยิ่งพรหมทุกทิศา |
กับคทาเพชรมหึมา |
จะป้องกันรักษาไพรี |
ฝ่ายองค์อิศวรบรมญาณ |
ประทานทั้งพระพรไชยศรี |
ครั้งนั้นคือท้าวมาลี |
มีมโนในนึกเมตตา |
ทูลพระอิศวรบรมนาถ |
ว่าพระบาทอัชบาลนาถา |
ผ่านแผ่นพื้นภพอยุทธยา |
สามัญพึ่งพาทั่วไป |
สุจริตทศพิธราชธรรม์๑ |
พงศ์พันธุ์นารายณ์เป็นใหญ่ |
ทุกนิเวศเขตขัณฑ์พึ่งไท |
เกลือกพรหมจะไปราวี |
น่าที่จะสิ้นสูญพรตกรรม์ |
สามัญจะร้อนดั่งเพลิงจี่ |
จะขัดสนจนทั้งมุนี |
โปรดเกศีอย่าให้สูญไป |
พระศุลีฟังมาลีวัคพรหม |
พระสยมภูวญาณก็สงสัย |
จึงประทานพระขรรค์เพชรเรืองไชย |
ให้ท้าวมาลีเอามา |
ถวายแก่ท้าวอัชบาล |
แล้วประทานพระพรหนักหนา |
ให้ชนะแก่บรมพรหมา |
คทาเพชรจงพ่ายแพ้พระขรรค์ไชย |
ท้าวมาลีรับเอาพระขรรค์แก้ว |
แล้วเชิญพระพรลงมาให้ |
แต่ท้าวอัชบาลเรืองไชย |
จึ่งรักใคร่เป็นสหายกันมา |
ไม่มีที่เป็นอุบาย |
พระองค์อย่าหมางหมายกังขา |
ขอเชิญเสด็จไคลคลา |
ไปหาจึงจะชอบทางธรรม์ |
ฯ ๒๘ คำ เจรจา ฯ
๏ เมื่อนั้น |
พระเผ่าพงศ์นารายณ์ไอศวรรย์ |
จึ่งสั่งให้ตรวจเตรียมกัน |
กูจะไปคมคัลพระอัยกา |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ สุครีพรับสั่งไปพลัน |
ตระเตรียมพลขันธ์อาสา |
ฯ เชิด ปฐม ฯ
๏ กำชับกันเป็นโกลา |
จัดแจงมหารถไชย |
นี่แนนิลนนท์หนุมาน |
องคตชมภูพานทหารใหญ่ |
หมวดกองกะเกณฑ์จงเกือบไป |
อย่าไว้ใจอรินไพรี |
เกลือกเป็นอุบายถ่ายเท |
เล่ห์กลแห่งมารยักษี |
จงจัดสรรกันแต่ตัวดี |
ประคองเคียงข้างภูมีไป |
ฯ เจรจา ฯ
๏ ครั้นเอยครั้นเสร็จ |
ระเห็จเข้ามาแถลงไข |
ฯ แพละน้อย ฯ
๏ อันซึ่งพหลสกลไกร |
ได้พร้อมอยู่แล้วราชา |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น |
พระรามบุญเรืองเฟื่องฟ้า |
จึ่งชวนพระศรีอนุขา |
ลีลาลงสรงวารี |
ทรงภูษาทาธรสประดับเครื่อง๒ |
เรื่อเรืองรุ่งรัศรังสี |
สององค์ทรงลักษณ์รูจี |
ต่างสีเหลืองนิลวัตถาพราย |
เลิศแล้วแล้วเก้ามงกุฎเก็จ |
เพชรระยับทับทรวงเฉิดฉาย |
ตาบติดสังวาลเลื่อมลาย |
กระจายจอนกรรเจียกเพราตา |
พาหุรัดธำมรงค์ชายแครง |
ศรีแสงชายไหวซ้ายขวา |
ทรงศิลปศรชวนอนุชา |
ไคลคลาขึ้นรถจรลี |
ฯ เพลง ๘ คำ ฯ
โทน๏ รถเอยราชรถอินทร์ |
เฉิดฉินฉ้อพรรณรังสี |
สลับเลือกล้วนดวงจินดาดี |
รัศมีสว่างเมฆา |
ดุจดั่งอโณทัยไตรตรัส |
แจ่มจัดแสงนิลวัตถา |
ระย้าระย้อยลอยเลื่อนฟ้า |
อนุชานั่งหน้ารถไป |
ฯ กลองโยน รุกรัน ฯ
ร่าย๏ ครั้นถึงจึงหยุดรถแก้ว |
แล้วอ่อนโอนองค์ลงไหว้ |
ให้พระมาตุลีขับเข้าไป |
เคียงข้างขวาไทอัยกา |
ยอกรปัญจางค์สุจริต |
ประดิษฐานเหนือเกศเกศา |
เคารพอภิวันท์ปรีดา |
อยู่ในมหารถไชย |
ฯ ๔ คำ ฯ
ช้า๏ เมื่อนั้น |
พระกอปรกิจธรรมเป็นใหญ่ |
ครั้นเห็นลักษ์รามเรืองไชย |
ท้าวไทเพ่งพิจรณา |
องค์อัคคอ้อนแอ้นทั้งสอง |
ผ่องแผ้วผิวนิลวัตถา |
เรืองรุทรสุดเลิศลักขณา |
เหมือนมหาอัชบาลสหายกู |
จึงเอื้อนอรรถโองการปราศรัย |
เหตุใดเวียงไชยเจ้าไม่อยู่๓ |
มาเที่ยวไพรไยทั้งคู่ |
เกิดรบสู้กันด้วยอันใด |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ ๒ หา ๓ ๏
๏ วัน ๑ ๘+ ๑๒ ค่ำ จุลศักราช ๑๑๔๒ ปีชวดโทศก ข้าพระพุทธิเจ้านายสังอาลักษณชุบเส้นทอง
๏ ข้าพระพุทธิเจ้า ขุนสรประเสริด ขุนมหาสิท } ทาน ๓ ครั้ง ๚๛