- คำนำ อธิบดีกรมศิลปากร
- นิทานเรื่องพระศรีเมือง
- นิทานเรื่องพระศรีเมืองต่อจากบทละคอน
- ตอนที่ ๑ พระศรีเมืองเรียนวิชา
- ตอนที่ ๒ หงส์อาสาหาคู่ให้พระศรีเมือง
- ตอนที่ ๓ พระศรีเมืองเข้าเมืองยโสธร
- ตอนที่ ๔ พระศรีเมืองได้นางสุวรรณเกสร
- ตอนที่ ๕ ท้าวพินทุทัตให้ธิดาเสี่ยงคู่
- ตอนที่ ๖ อภิเษกพระศรีเมือง
- ตอนที่ ๗ ท้าวโขมพัสตร์ให้ไปรับพระศรีเมือง
- ตอนที่ ๘ พระศรีเมืองชมสวน
- ตอนที่ ๙ พระศรีเมืองทูลลาท้าวพินทุทัต
- ตอนที่ ๑๐ พระศรีเมืองรบกับพระยาจันทร
ตอนที่ ๗ ท้าวโขมพัสตร์ให้ไปรับพระศรีเมือง
๏ เมื่อนั้น | พระศรีเมืองเรืองฤทธิ์ดังสุริย์ใส |
เกษมสุขด้วยสนมกรมใน | ที่ในปรางค์รัตน์มณี |
ครั้นยามค่ำย่ำแสงสุริยง | อัสดงลับพระเมรุรังสี |
พระเข้าที่ไสยาในราตรี | ภูมีรำพึงคะนึงใน |
คิดถึงพระชนกชนนี | สองกษัตริย์ธิบดีเป็นใหญ่ |
ป่านนี้จะคอยหาอาลัย | พระจะได้ร้อนรนทรมาน |
จะเป็นตายร้ายดีประการใด | สองพระองค์ยังมิได้ข่าวสาร |
แต่จากเมืองมาก็ช้านาน | พระจะดาลโศกศัลย์รัญจวนใจ |
ว่าพลางพระทางละห้อย | เศร้าสร้อยหฤทัยหม่นไหม้ |
แต่ถวิลจินดาอาลัย | จนจะใกล้สมัยราตรี ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ ครั้นรุ่งรางสางแสงพระสุริยา | สกุณาเพรียกพร้องเสียงศรี |
พระตื่นจากแท่นรัตน์มณี | เสด็จมายังที่พระโรงใน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ จึงมีพระราชบัญชา | แก่พระยาหงส์ทองอันผ่องใส |
แต่เรามาจากพระเวียงชัย | ก็ได้เป็นหลายเดือนตรา |
ทั้งสองพระองค์ทรงธรณี | ป่านนี้จะละห้อยคอยหา |
พระยาหงส์จงกลับไปพารา | ทูลแถลงกิจจาให้แจ้งใจ |
ว่าน้องมาอยู่ยังบูรี | มิได้มีอันตรายประชวรไข้ |
อย่าให้สองพระองค์ทรงอาลัย | จงแจ้งในเหตุผลแต่ต้นมา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พระยาหงส์วงศ์ราชปักษา |
น้อมเกล้าเคารพวันทา | รับพระบัญชาด้วยภักดี |
จึงโผผินบินขึ้นยังอากาศ | ดังพระยาครุฑราชปักษี |
บินโบยโดยด่วนจรลี | เขจรร่อนรี่ไปฉับไว ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ผาดผันดั้นเมฆรีบลัด | เร็วดังลมพัดก็ว่าได้ |
ลอยล่องฟ่องฟ้ามาไวไว | ล่วงมรคาได้สามเดือนตรา |
ด้วยกำลังปีกอันเฉียวฉิน | ปักษีบินบนพระเวหา |
ได้สามราตรีทิวา | ก็มาถึงโขมราฐพระนคร |
พระยาหงส์ทองล่องฟ้า | กางปีกถาบถาราร่อน |
เวียนวงลงจากอัมพร | จับหน้าบัญชรปราสาทชัย ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวโขมพัสตร์เป็นใหญ่ |
เสด็จยังสีหาสน์อันอำไพ | ภูวไนยผันแปรแลมา |
ผาดเห็นหระยาหงส์ทอง | พระผ่องแผ้วแสนโสมนัสสา |
กวักพระหัตถ์ตรัสเรียกเข้ามา | แล้วมีพระบัญชาไป |
แต่เราคอยหาพระยาหงส์ | ผู้จงรักภักดีอัชฌาสัย |
ไม่เห็นเข้ามาก็อาลัย | ซึ่งไปอยู่ป่าพนาลี |
พระโอรสายังผาสุก | หรือทุกข์ทนสิ่งใดนะปักษี |
บัดนี้กลับมายังธานี | หรือมีเหตุขัดสนกลใด ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | หงส์ทองป้องปีกบังคมไหว้ |
กราบทูลสนองบัญชาไป | โดยในเหตุผลมิทันนาน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ โปรดเกล้า | พระลูกท้าวไปอยู่ในไพรสาณฑ์ |
ร่ำเรียนวิชาพระอาจารย์ | ก็ชำนาญได้ดังจินดา |
พระจะกลับเข้ามาราชฐาน | ให้บันดาลเดือดร้อนเป็นหนักหนา |
ใช้ข้าเที่ยวไปทุกพารา | ให้เสาะหานางกัลยาณี |
เดชะวาสนาได้สร้างไว้ | ข้าจึงไปพบองค์มารศรี |
หน่อท้าวพินทุทัตธิบดี | ได้ผ่านบุรียโสธร |
งามล้ำไตรภพทั้งสาม | ทรงนามนางสุวรรณเกสร |
พระเสด็จไปถึงพระนคร | พระบิตุเรศมารดรนางเทวี |
ให้อภิเษกองค์พระทรงศักดิ์ | ด้วยเอกอัครธิดามารศรี |
ครอบครองสมบัติในบุรี | บัดนี้พระจะกลับมาเวียงชัย |
ใช้ให้มาทูลพระบาทบงสุ์ | อันทรงพระคุณเป็นใหญ่ |
ให้กรีธาทัพไปรับมากรุงไกร | จงทราบหฤทัยพระภูมี ฯ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท่านท้าวโขมพัสตร์เรืองศรี |
ได้ฟังพระยาสกุณี | บรรยายคดีแต่เดิมมา |
พระเร่งชื่นชมโสมนัส | ไพบูลย์พูนสวัสดิ์เป็นหนักหนา |
จึงมีพจนารถวาจา | ปรึกษาพระอนุชาไป |
ซึ่งจะไปรับพระศรีเมือง | ผู้บุญเรืองรัศมีศรีใส |
อันจะให้แต่เสนาใน | ยกไปมิชอบประเพณี |
จักให้องค์พระมณีรัตน์ | กับพระพัทธวงศ์เรืองศรี |
สองราชนัดดาธิบดี | กรีธาพลากรไป |
จึงจะเห็นเป็นทางไมตรี | อันมีมาตามบุญวิสัย |
พระอนุชาจะเห็นประการใด | โดยในประเพณีมีมา ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | องค์พระอนุชาฝ่ายหน้า |
ได้ฟังพระราชบัญชา | วันทาแล้วทูลไปทันใด |
อันพระองค์ตรัสมาทั้งนี้ | ต้องด้วยประเพณีเป็นข้อใหญ่ |
ขอให้นัดดาทั้งสองไซร้ | ยกไปตามมีพระบัญชา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวโขมพัสตร์นาถา |
จึงมีสีหนาทบัญชา | แก่สองพระนัดดาไปทันใด |
เจ้าจงกรีธาพลากร | ไปยโสธรกรุงใหญ่ |
รับพระศรีเมืองเรืองชัย | มายังกรุงไกรธานี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระนัดดาธิราชทั้งสองศรี |
ก้มเกล้ารับสั่งพระภูมี | อัญชลีแล้วออกมาทันใด |
จึงสั่งมหาเสนา | ให้เตรียมพลโยธาเป็นทัพใหญ่ |
พรุ่งนี้จะยกสกลไกร | ไปยโสธรธานี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | เสนารับสั่งใส่เกศี |
วางวิ่งเป็นการสิงคลี | มาจัดรี้พลมิทันนาน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ กะเกณฑ์ทุกหมวดตรวจตรา | บรรดาโยธาทวยหาญ |
ขุนช้างผูกช้างคชาธาร | อันกล้าหาญราญรอนไพรี |
ขุนม้าผูกสินธพชาติ | อันร้ายกาจดังไกรสรสีห์ |
ขุนรถเตรียมรถมณี | เทียบพาชีชัยเชี่ยวชาญ |
ขุนพลเตรียมพวกพลขันธ์ | อันยืนยงคงกระพันห้าวหาญ |
อาจองยงยุทธ์ชำนาญการ | เคยผลาญไพรีมีชัย |
รายเรียบเทียบพลโยธา | เป็นพยุหยาตราทัพใหญ่ |
ครั้นเสร็จก็ระเห็จเข้าไป | ทูลสองพระภูวไนยนัดดา |
บัดนี้พหลสกลไกร | จัดไว้ตามซ้ายฝ่ายขวา |
อีกทั้งม้ารถคชา | โยธาพร้อมแล้วพระภูมี ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ ครั้นรุ่ง | พระสุริยาพวยพุ่งรัศมี |
สองพระนัดดาธิบดี | เสด็จเข้าที่สรงคงคา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ชำระสระสนานสำราญองค์ | ทรงพระสุคนธรสโอ่อ่า |
อาบอบตลบกลิ่นรำเพยพา | โอฬาร์เฟื่องฟุ้งรวยริน |
ต่างทรงสนับเพลาเนาวรัตน์ | ทองแล่งแสงจำรัสเฉิดฉิน |
ภูษาต่างสีมณีนิล | ชายไหวละไมจินดาดี |
ชายแคลงแสงจำรัสสะบัดพริ้ง | สะอิ้งองค์ยงยิ่งแสงศรี |
ฉลองพระองค์ทรงประพาสรูจี | ต่างสีแสงระยับทับทิมพราย |
สององค์ทรงสร้อยสังวาลวัลย์ | ทับทรวงดวงกุดั่นเฉิดฉาย |
ตาบประดับสลับพลอยพรรณราย | พาหุรัดแพร้วพรายนิลุบล |
ทองกรบวรวาสุกรี | มณีรัตน์จำรัสพระเวหน |
พระธำมรงค์วงแววแก้วกล | อับแสงสุริยนตรัสไตร |
พระเชษฐาทรงมหามงกุฎ | พระนุชทรงชฎาดอกไม้ไหว |
ต่างองค์ทรงแสงพระขรรค์ชัย | คลาไคลไปเฝ้าพระทรงธรรม์ ฯ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงจึงประณตบทบงสุ์ | ทูลองค์พระผู้ทรงไอศวรรย์ |
ข้าน้อยขอถวายบังคมคัล | วันนี้จะยกยาตรา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวโขมพัสตร์นาถา |
เห็นสองพระราชนัดดา | ขึ้นมาถวายอภิวันท์ |
จึงมีมธุรสอันสุนทร | ประสาทพรสองราชหลานขวัญ |
เจ้าไปอย่าได้มีไภยัน | จงบันดาลให้ศรีสวัสดี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สองพระนัดดาเรืองศรี |
ก้มเกล้ารับพรพระภูมี | ใส่เหนือศีโรตม์ด้วยปรีดา |
ครั้นแล้วถวายอภิวาท | พระปิตุลาธิราชนาถา |
สององค์ยุรยาตรคลาดคลา | เสด็จมายังเกยทันใด |
พระเสด็จขึ้นยังเกยมาศ | เสนาดาดาษอยู่ไสว |
เรียบริ้วจัตุรงค์ธงชัย | ตามขนัดนอกในนี่นัน |
ให้พระยาหงส์ทองอันอำไพ | นำพลสกลไกรผายผัน |
สององค์ทรงพระยาคชกัน | รีบเร่งพลขันธ์ไคลคลา ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ ช้างทรง | พรหมพงศ์องอาจแกล้วกล้า |
กันชิดสนิททั้งกายา | ฝีงากล้าหาญชาญชน |
เรียกมันกระหึ่มครึมคราง | พ่างเพียงเสียงฟ้าคะนองฝน |
ร้ายกาจอาจหาญราญรณ | สามารถอาจผจญในสงคราม |
โกญจนาทผาดร้องก้องกึก | หึกห้าวไพรีไม่เข็ดขาม |
ส่ายหน้างาเสยเงยงาม | เหลือลามลำพองคะนองมัน |
บังหูชูงวงจ้วงจบ | ราญรบรณรายผายผัน |
อันเครื่องทรงองค์พระยาคชกัน | ล้วนแก้วกุดั่นพรรณราย |
จงกลห้อยหูพู่แพร้ว | ปกกระพองกองแก้วเป็นตาข่าย |
โบโพธิ์ราชาวดีราย | ทองปลายงางอนรจนา |
ผูกแสงแวงวุธยุทธยง | สำหรับองค์ทรงคเชนทร์ซ้ายขวา |
ทรงบาศอาจองไอยรา | รับพระคชาธารยานยง |
อันโคดแล่นสารนำคํ้าค่าย | สารเพรียวเดินรายในไพรระหง |
ดั้งกันพังคาดาดง | ล้อมวงแทรกแซงนอกใน |
อภิรุมชุมสายรายรัตน์ | มยุรฉัตรพัดโบกงามไสว |
แตรสังข์กังสดาลระงมไพร | กลองโยนตะโพนไทยนี่นัน |
อันเสียงม้ารถคชสาร | สะท้านสะเทือนเลื่อนลั่น |
รีบรัดลัดมาในหิมวันต์ | ก็บรรลุถึงฝั่งนที ฯ |
ฯ ๑๘ คำ ฯ
๏ พระให้หยุดรถรัตน์จัตุรงค์ | จะใกล้สิ้นอัสดงแสงศรี |
จึงสั่งมหาเสนี | ให้ตั้งที่ประทับพลับพลา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | เสนารับสั่งใส่เกศา |
กราบบังคมงามลามลา | ออกมาเกณฑ์กันในทันใด |
เร่งรัดทุกเจ้าพนักงาน | เป็นการระดมไม่ช้าได้ |
บ้างกรองแฝกคาผ่าไม้ | บัดใจก็แล้วฉับพลัน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ จึงกลับเข้ามาทูลบาทบงสุ์ | องค์พระนัดดารังสรรค์ |
ที่ประทับพลับพลาจะแรมวัน | สารพันเสร็จแล้วพระภูมี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สองพระนัดดาเรืองศรี |
ได้ฟังมหาเสนี | ก็จรลีขึ้นยังพลับพลาชัย ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | เสนีผู้มีอัชฌาสัย |
จึงออกมาพลันทันใด | ให้เร่งรายไพร่พลโยธา |
เกณฑ์กองป้องกันล้อมวง | กันกงพิทักษ์รักษา |
รายรอบสุวรรณพลับพลา | ตรวจตราสารวัดในราตรี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ครั้นรุ่งรางสางแสงทินกร | เขจรจำรัสรัศมี |
สองพระนัดดาธิบดี | ให้กรีธาพหลสกลไกร |
ข้ามฝั่งมหานที | บ้างขี่พ่วงแพน้อยใหญ่ |
ทรงม้ารถคชสารชาญชัย | ขึ้นจากสมุทรไทไคลคลา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เดินทาง | พระพลางชมมิ่งไม้ใบหนา |
เกดกุ่มกระทุ่มตุมกา | มะค่าข่อยขานางยางทราย |
อุโลกโศกไทรไตรตร่าง | อ้อยช้างช้างน้าวคล้าขลาย |
รักเรียงเหียงหันตะแบกลาย | กำจายจันทน์คัณนาประดาดง |
เต็งรังกะสังสนสัก | ประดู่ประดักยางยูงสูงระหง |
สลาทิมักลักระจันคันทรง | ปรูประประยงค์อโนชา |
พระชี้ชวนพระนุชสุดสวาท | ประพาสไม้ชมพรรณปักษา |
บ้างเคล้าคู่คล้อแคล้จำนรรจา | บ้างบินถาจับไม้เรียงราย |
มยุเรศฟายฟ้อนชมฝูง | นางยูงรำเรียงเมียงม่าย |
คลี่หางกางปีกพรรณราย | แพร้วพรายดังระบายลายทอง |
บ้าระบุ่นขุนแผนแอ่นเคล้า | แขกเต้าเขาคู่กู่ก้อง |
โพระดกโงกงั่วช่างทอง | เค้าโมงจับไม้มองเมียง |
จากพรากพรากคู่กู่หา | ไก่ฟ้ากระทาขันส่งเสียง |
กระลุมพูจู่จับรังเรียง | คับแคเคียงคู่ชมกัน |
พระชมห้วยละหานธารถ้ำ | น้ำใสไหลพุดุดั้น |
พิศเพลินจำเริญใจในไพรวัน | พลางรีบพลขันธ์จรดล ฯ |
ฯ ๑๖ คำ ฯ
๏ เร่งรถคชรัตน์อัสดร | แรมร้อนมาในไพรสณฑ์ |
แผ้วถางทางมาในอารญ | ทุกตำบลหนองน้ำลำธาร |
ให้รางวัดตัดตรุยร้อยราย | หมายที่น้ำหญ้าผลาหาร |
ดั้นดัดลัดพงดงดาน | ล่วงด่านร้อยเอ็ดนครมา |
เดินทางหว่างเขาเงาไม้ | ข้ามเทินเนินไศลภูผา |
กำหนดมาได้เดือนตรา | ก็ถึงยโสธรธานี |
จึงให้หยุดพลจัตุรงค์ | ปลงรถคชสารชัยศรี |
ตั้งทัพยับยั้งมนตรี | นอกด่านบุรีในทันใด ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | หงส์ทองอันมีอัชฌาสัย |
จึงทูลทั้งสองภูวไนย | พระองค์จงได้ปรานี |
อันตัวข้าบาทปักษา | จะช้าอยู่นักก็ใช่ที่ |
จะขอบังคมลาพระภูมี | เอาคดีไปทูลพระทรงธรรม์ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สองพระอนุชาเฉิดฉัน |
ได้ฟังหงส์ทองทูลพลัน | พระมีความหรรษาเป็นพ้นไป |
จึงว่าพระยาปักษี | ท่านว่านี้ชอบอัชฌาสัย |
ตัวท่านจงรีบไปเวียงชัย | ทูลพระภูวไนยบัดนี้ |
ว่าเรายกพลนิกร | รีบร้อนมาถึงกรุงศรี |
อยู่ยังปลายด่านพระบุรี | ให้ทราบธุลีบาทา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พระยาหงส์วงศ์ราชปักษา |
ครั้นรับสั่งแล้วก็อำลา | บินมายังราชธานี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงจึงร่อนราลง | จงจับบัญชรชัยศรี |
เข้าไปใกล้องค์พระภูมี | สกุณีป้องปีกขึ้นวันทา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระศรีเมืองเรืองลบทุกทิศา |
ครั้นเห็นพระยาหงส์มา | พระปรีดาปราโมทย์พันทวี |
ยอพระกรลูบหลังแล้วพลางชม | พี่ต้องลมตรำแดดหมองศรี |
แต่ไปจากราชธานี | เป็นหลายราตรีพึ่งกลับมา |
ซึ่งพี่ไปทูลยุบลกิจ | พระบิตุเรศก่อเกศเกศา |
พระองค์ผู้ทรงนัครา | ยังตรัสว่าขานประการใด |
สององค์ยังค่อยบรมสุข | หรือเกิดทุกข์ขุกเข็ญประชวรไข้ |
พี่เจ้าจงเล่าให้เข้าใจ | แก่น้องในบัดนี้อย่าช้า ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | จึงพระยาหงส์ราชปักษา |
ก้มเกล้าสนองพระบัญชา | ซึ่งข้าไปทูลพระพันปี |
แจ้งความแต่ต้นจนปลาย | คลี่คลายบรรยายถ้วนถี่ |
พระองค์ผู้ทรงธรณี | มีความยินดีเป็นพ้นไป |
ดังได้สมบัติในชั้นฟ้า | จบสกลโลกาไม่เปรียบได้ |
พระองค์ผู้ทรงภพไตร | ให้สองพระราชนัดดา |
กรีธามารับให้กลับไป | พระภูวไนยตั้งใจคอยหา |
บัดนี้ยับยั้งโยธา | อยู่นอกด่านพาราธานี ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระศรีเมืองได้ฟังปักษี |
มีความเกษมสันต์พันทวี | จึงสั่งเสนีทันใด |
กับพระพี่เลี้ยงทั้งสี่ | ผู้ภักดีมีอัชฌาสัย |
ให้จัดแจงพหลสกลไกร | ไหยรถคชสารยานยง |
จงเร่งรีบรัดไคลคลา | ไปตามพระยาราชหงส์ |
รับพระอนุชาสุริยวงศ์ | ทั้งสององค์เข้ามายังธานี ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | เสนารับสั่งใส่เกศี |
ทั้งพระพี่เลี้ยงผู้ภักดี | ถวายอัญชลีแล้วออกมา |
เร่งรัดจัดกันเป็นอลหม่าน | ม้ารถคชสารซ้ายขวา |
พระยาหงส์นั้นนำไคลคลา | ออกจากพาราทันใด ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงปลายด่านนัครา | ที่สองพระอนุชาอยู่อาศัย |
ทั้งสี่พี่เลี้ยงเสนาใน | ก็เข้าไปบังคมพระภูมี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | องค์พระอนุชาทั้งสองศรี |
ครั้นเห็นสี่พี่เลี้ยงผู้ภักดี | กับเสนีในออกมา |
มีความไพบูลย์พูนสวัสดิ์ | (แสนโสมนัสหนักหนา) |
(จึงมีมธุรสวาจา)[๑] | ปราศรัยทั้งสี่พี่เลี้ยงไป |
ซึ่งพี่มาอยู่ในธานี | จะได้แจ้งคคีก็หาไม่ |
หงส์ทองไปแถลงจึงแจ้งใจ | ว่าพระภูวไนยเสด็จมา |
สองพระองค์ทรงภพผ่านเกล้า | ก็สร้อยเศร้าละห้อยคอยหา |
จึงให้เราทั้งสองรา | กรีธามารับพระภูมี |
บัดนี้สมเด็จพระเชษฐา | ยังเป็นผาสุกเกษมศรี |
มิได้ขุ่นเคืองราคี | หรือโรคายายีประการใด ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ทั้งสี่พี่เลี้ยงบังคมไหว้ |
แล้วทูลยุบลแต่ต้นไป | โดยนัยให้แจ้งทุกประการ |
อันองค์สมเด็จพระเชษฐา | ก็มีความผาสุกเกษมศานต์ |
ราคีสิ่งใดไม่แผ้วพาน | พระเสด็จอยู่นานในบุรี |
คิดถึงสองพระองค์ทรงภพ | ปรารภจะกลับไปกรุงศรี |
จึงใช้ให้พระยาสกุณี | ไปทูลบทศรีพระทรงธรรม์ |
บัดนี้พระแจ้งตระหนัก | ว่าสององค์ทรงศักดิ์รังสรรค์ |
ยกพลนิกรจรจรัล | มาบรรลุถึงด่านธานี |
จึงให้ข้าทั้งสี่กับเสนา | ออกมารับเบื้องบทศรี |
เชิญเสด็จทั้งสองภูมี | จรลีเข้าไปพระเวียงชัย ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | องค์พระมณีรัตน์ศรีใส |
ทั้งพระพัทธวงศ์ทรงชัย | ได้ฟังพี่เลี้ยงทูลมา |
พระเร่งชื่นชมภิรมย์ใจ | ที่จะได้เฝ้าบาทพระเชษฐา |
จึงสั่งให้ผูกอาชา | จะเข้าไปพาราบัดนี้ |
อันพหลพลไกรทั้งนั้น | ให้มั่วสุมชุมกันอยู่ที่นี่ |
จงจัดสรรกันแต่ตัวดี | ที่จะตามเสด็จเราเข้าไป ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | เสนารับสั่งบังคมไหว้ |
ออกมาจากหน้าพลับพลาชัย | เร่งรัดพลไกรมิได้ช้า ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ สารวัดจัดตรวจทุกหมวดหมาย | ตั้งตาริ้วรายทั้งซ้ายขวา |
ทหารแห่หน้าขี่อาชา | นุ่งผ้าแดงสีเป็นคู่กัน |
หมู่เสื้อสักหลาดคาดลาย | ถือปืนทองลายคมสัน |
พันทนายเสื้อลายเครือวัลย์ | ถือปืนสุตันแต่ล้วนแดง |
จัตุรงค์องครักษ์นั้นแห่หอก | ใส่เสื้อลายดอกก้านแย่ง |
คาดเกี้ยวลายซ้ำพื้นแดง | แต่งตัวตามขนาดมากมี |
อันแห่คู่ต้นเชือกชั้นใน | ใส่เสื้ออย่างใหญ่สอดสี |
เจียระบาดคาดเอวเชิงคลี | ขัดกระบี่บั้งนากบั้งทอง |
มหาดเล็กงานเครื่องก็เชิญเครื่อง | อยู่เบื้องซ้ายขวาเป็นแถวถ้อง |
นุ่งลายชายตรวยรวยรอง | ใส่เสื้อสีตองอย่างน้อย |
ขุนม้าผูกสองมโนมัย | เบาะอานพานใส่พู่ห้อย |
เครื่องทรงบรรจงประดับพลอย | เตรียมคอยประทับกับเกยชัย ฯ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | องค์พระมณีรัตน์ศรีใส |
จึงชวนพระอนุชาคลาไคล | มาเข้าในที่สรงคงคา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ สรงทิพย์สุธารตระการกลิ่น | ตระการกลั่นวารินด้วยบุปผา |
บุปผชาติปรุงปนสุคนธา | สุคนธ์ธารโอฬาร์อ่าองค์ |
อ่าเอี่ยมสนับเพลาเพราพริ้ง | เพราพรายยงยิ่งก่องก่ง |
ก่องแก้วภูษิตวิจิตรจง | วิจิตรจับรับทรงอลงการ |
อลงกตชายไหวใส่ชายแครง | ชายกรุยส่องแสงพระสุริย์ฉาน |
สุริย์ฉายพรายแพร้วแก้วกาญจน์ | แก้วเก็จสังวาลกุดั่นดวง |
กุดั่นแดงแสงสร้อยสลับสี | สลับแสงมณีรุ้งร่วง |
รุ้งรับจับแจ่มเพชรพวง | เพชรพิศทับทรวงอำไพ |
อำพันทองกรบวรรัตน์ | บวรเรืองจำรัสแสงใส |
แสงสีพาหุรัดตรัสไตร | ตรัสเตร็จวิไลพลอยนิล |
พลอยแนมแวมไวใสสุด | ใสแสงมกุฎเฉิดฉิน |
เฉิดฉายคล้ายองค์อมรินทร์ | อมเรนทร์ธิบดินทร์ลินลา |
ลีลาศดังไกรสรจรจรัล | จรจากสุวรรณคูหา |
สององค์ทรงเสร็จเสด็จมา | เสด็จทรงมิ่งม้ามโนมัย ฯ |
ฯ ๑๔ คำ ฯ
๏ อันพวกพลพหลโยธา | แห่แหนแน่นมาอยู่ไสว |
เสนานำเสด็จคลาไคล | เข้าในพิชัยธานี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงจึงลงจากอาชา | ทั้งสองกษัตราเรืองศรี |
บทบาทนาดกรจรลี | ไปยังมณีพิมานชัย ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ก้มเกล้าเคารพอภิวาท | พระเชษฐาธิราชเป็นใหญ่ |
ทั้งองค์อัคเรศทรามวัย | ด้วยใจยินดีปรีดา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระศรีเมืองเรืองเดชทุกทิศา |
ครั้นเห็นทั้งสองพระอนุชา | เสด็จมาถึงปรางค์ปราสาทชัย |
พระแสนสาภิรมย์โสมนัส | พูนสวัสดิ์พิพัฒน์แจ่มใส |
มาสวดกอดพระน้องทั้งสองไว้ | ให้นั่งเหนืออาส์นรจนา |
แล้วมีบัญชาปราศรัย | พี่นี้ตั้งใจคอยหา |
ซึ่งมาลุถึงพระพารา | ดังได้ผ่านฟ้าดุษฎี |
พระบิตุเรศมารดาทั้งสององค์ | ทรงพระคุณก่อเกล้าเกศี |
แต่พระพี่มาจากพระบุรี | ยังมีความผาสุกประการใด |
ทั้งเสนาไพร่ฟ้าประชาชน | ทุกตำบลบ้านเมืองเป็นไฉน |
ซึ่งเจ้ายกจากพระเวียงชัย | มาได้สักกี่ราตรี ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สองพระอนุชาเรืองศรี |
จึงทูลสนองพระพันปี | แจ้งความตามมีแต่หลังมา |
อันองค์พระชนกชนนี | ทั้งสองศรีก่อเกล้าเกศา |
แต่พระมาจากพระพารา | ช้านานไม่เห็นกลับไป |
ตั้งแต่จะวีโยคโศกศัลย์ | ทั้งกลางคืนกลางวันละห้อยไห้ |
ไม่เป็นกินเป็นนอนอาวรณ์ใจ | สองพระองค์มิได้สมประดี |
ทั้งเสนาไพร่ฟ้าประชากร | ไม่เป็นสุขทุกข์ร้อนทั้งกรุงศรี |
ต่อเมื่อพระยาสกุณี | เอาคดีไปแจ้งจึงคลายใจ |
พระจึงให้ข้ากรีธาทัพ | มารับพระองค์ไปกรุงใหญ่ |
ซึ่งมาลุถึงพระเวียงชัย | กำหนดได้สิบห้าราตรี ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระศรีเมืองเรืองรุ่งรัศมี |
ฟังสองอนุชาพาที | พระมีความชื่นชมภิรมย์ใจ |
จึงพาสองกษัตริย์ยุรยาตร | จากปราสาทรัตนาแสงใส |
ขึ้นเฝ้าพระองค์ทรงภพไตร | ยังพิชัยสีหาสน์พิมานจันทน์ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงปรางค์รัตน์บรรจง | สามกษัตริย์สุริย์วงศ์รังสรรค์ |
ก้มเกล้าประนมบังคมคัล | วันทาสองกษัตริย์ธิบดี |
แล้วกราบทูลไปมิได้ช้า | พระผ่านฟ้าจงโปรดเกศี |
บัดนี้พระชนกชนนี | อันมีคุณได้เลี้ยงลูกมา |
สองพระองค์ทรงพระชรานัก | คิดถึงลูกรักละห้อยหา |
ด้วยลูกมาจากพระบาทา | ทั้งสองกษัตราก็ช้านาน |
แล้วมาอยู่ใต้พระบาทบงสุ์ | สองพระองค์มิได้รู้ข่าวสาร |
แต่โศกศัลย์กันแสงนิจกาล | เดือดร้อนรำคาญทุกราตรี |
แจ้งว่าลูกน้องมาทูลบาท | พระทรงธรรมธิราชเรืองศรี |
จึงค่อยคลายโศกโศกี | มีความยินดีเป็นพ้นไป |
ให้พระอนุชาทั้งสองศรี | คุมพลเสนีน้อยใหญ่ |
รีบมาบังคมพระภูวไนย | จะรับลูกคืนไปพระบุรี ฯ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวพินทุทัตเรืองศรี |
ฟังพระโอรสพาที | ทูลคดีบรรยายความมา |
พระภูมีปรีดิ์เปรมเกษมศานต์ | เบิกบานหฤทัยหรรษา |
แต่อาลัยในองค์พระลูกยา | ครั้นจะออกวาจาก็จนใจ |
แล้วพินิจพิศโฉมพระอนุชา | ทั้งสององค์ไม่หาเปรียบได้ |
ดวงพักตร์ลักขณาดังวาดไว้ | จะดูไหนก็จำเริญตา |
งามละม้ายคล้ายกันทั้งสององค์ | เห็นเป็นพิศวงหนักหนา |
พิศวาสสองราชอนุชา | แล้วมีวาจาปราศรัยไป |
ถามถึงพระชนกชนนี | ทั้งสองธิบดีเป็นใหญ่ |
พระองค์ผู้ทรงภพไตร | ยังไพบูลย์มิได้อนาทร |
ปราศจากโรคายายี | ค่อยอยู่ดีมีสุขสโมสร |
อันฝูงอาณาประชากร | ยังถาวรอยู่เป็นสุขทุกตำบล ฯ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สองกษัตริย์ทูลแจ้งอนุสนธิ์ |
อันพระองค์ทรงภพจบสกล | พระชนนีทั้งสองกษัตรา |
มิได้มีอันตรายวายทุกข์ | แต่ฉุกใจถึงองค์พระเชษฐา |
ทั้งฝูงประชาราษฎร์มาตยา | ก็ผาสุกอยู่ทั่วทั้งบุรี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวพินทุทัตรัศมี |
ฟังสองกษัตราพาที | จึงมีบัญชาไปทันใด |
ซึ่งพระองค์ผู้ทรงนัครา | ให้เจ้ายกมายังกรุงใหญ่ |
ก็ยินดีพ้นที่จะเปรียบไป | ดังได้พบองค์พระทรงธรรม์ |
อันทางพระราชไมตรี | ทั้งสองธานีเขตขัณฑ์ |
จักเป็นปฐพีแผ่นเดียวกัน | ตั้งแต่วันนี้สืบไป |
ตรัสแล้วพระประทานเครื่องต้น | ทรงมงกุฎกุณฑลแจ่มใส |
ให้สองพระกุมารชาญชัย | เสด็จไปอยู่ยังตำหนักจันทน์ |
จึงสั่งพิโรธามาตย์ | ให้แต่งพระสุพรรณภาชน์บรรจงสรร |
ไปถวายสองพระกุมารนั้น | จงเลี้ยงกันทั้งไพร่พลบรรดามา ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระศรีเมืองเรืองลบจบทิศา |
ทั้งสองพระราชอนุชา | ก็วันทาลาองค์พระทรงธรรม์ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | นางวิโรธามาตย์สาวสรรค์ |
รับสั่งแล้ววิ่งมาเป็นควัน | เร่งกันทั้งวิเศษนอกใน |
บ้างมาจัดแจงเครื่องต้น | สับสนอลหม่านเป็นการใหญ่ |
บ้างหาสุราเมรัย | แก้มกับตับไตครบครัน |
เร่งให้อ่อมอั่วคั่วแห้ง | ปิ้งพะแนงฉี่ฉู่หมูหัน |
เป็ดจิ้มไก่จี่มี่มัน | เนื้อพล่าสารพันทุกประการ |
เร่งรัดจัดแจงได้สำเร็จ | เสร็จทั้งของคาวของหวาน |
บรรดานางเจ้าพนักงาน | ก็แต่งใส่เครื่องอานทันใด |
เชิญไปถวายสองกษัตริย์ | จัดตามเครื่องน้อยเครื่องใหญ่ |
บ้างแยกไปเลี้ยงเสนาใน | ทั้งไพร่พลมนตรีดังบัญชา ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พวกพหลพลไกรซ้ายขวา |
รับประทานเอมโอชโภชนา | ทั้งสุราเมรัยเปรมปรีดิ์ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
[๑] ที่วงเล็บไว้ ต้นฉบับขาด