ตำราม้า
ยังมีหญิงหนึ่งชราอนาโถ แกทำไร่ท้ายบ้านลานต้นโพธิ์ วิเวโกไม่กังวลกับคนใด เห็นลูกม้าสินธพมาซบเซา ให้รำข้าวน้ำหญ้าที่อาศัย ตามประสายากจนคนเข็ญใจ อาชานัยผ่องพีมีกำลัง สง่างามยามเดินดังเหินหาว เสียงฝีเท้ามิได้มีเปนที่หวัง เดินเหนือใบอุบลชลก็ยัง ไม่ไหลหลั่งเปียกบาทชาติอาชา รู้จักคุณยายเฒ่าเฝ้าเคารพ เอาเศียรซพบ่าไหล่ให้หรรษา เวลายายออกไปยังไร่นา ก็ไคลคลาไปเปนเพื่อนไม่เชือนแช เวลากลับของสิ่งใดใส่บนหลัง ช่วยระวังขนมาให้ไม่ตกแผ่ รู้เหมือนคนฉลาดเลิศประเสริฐแท้ ยายชะแรสวาทหวังดังลูกชาย
ยังมีนายพ่อค้าผู้สามารถ คุมม้ายาตร์สู่พาราจะมาขาย เห็นลานโพธิ์โอฬาร์น่าสบาย ว่าเช่ายายชาวไร่ให้ราคา แล้วนำม้าห้าร้อยถอยมาพัก ยังสำนักที่ถมอุดมหญ้า ฝ่ายพาชีมิอาละคลาศคลา ต่างกลับหน้าร้องลี้หนีจากลาน จะจับจูงเหนี่ยวรั้งไม่ยั้งอยู่ พ่อค้ารู้สึกปลาดไม่อาจหาญ พิเคราะห์ดูรู้ตำราอาชาชาญ เที่ยวตรวจการณ์บริเวณเห็นสำคัญ มีมูลม้าสินธพตระหลบกลิ่น ม้าทั้งสิ้นจึงพากลับหน้าหัน ไม่อาจอยู่ร่วมพระยาม้าโสพรรณ เห็นแม่นมั่นตามตำราของอาจารย์ ว่าม้าใดถ่ายมูลอากูลหอม นั่นคือจอมอัศวามหาศาล ใครได้ไว้จะยิ่งทรัพย์ศฤงฆาร สมบัติปานจักรพรรดิ์วัฒนา จงบำรุงเชิดชูอย่าดูหมิ่น ให้อยู่กินเปนศุขไม่ทุกขา พ่อค้านึกถวิลจินตนา ชะรอยม้ามิ่งนี้คงมีตัว จึงรีบไปไถ่ถามเจ้าของที่ อันพาชีมีหลายหรือยายขรัว เห็นมูลม้าใหม่ ๆ ที่ท้ายครัว ถ้ามากตัวลำบากอยากจะลา ยายเฒ่าว่าม้าผู้ใดไม่มีอยู่ มีลูกตูตัวเดียวเที่ยวกินหญ้า นี่ก็เปนเวลาเย็นเห็นจะมา พลางชะแง้แลหาด้วยอาไลย
ฝ่ายอาชาสายัณห์ก็ผันผาย กลับยังยายเคหาที่อาศัย ยายรีบวิ่งมารับด้วยฉับไว อาชานัยซบเกล้าเคล้าบาทา แสดงความจงรักภักดีตอบ ยายชื่นชอบกอดจูบมือลูบหน้า นี่แน่ท่านลูกฉันเจ้ากลับมา นายพ่อค้าแลเห็นเขม้นมอง ช่างงามท่วงงามทีสีหะราช ขนสอาดละเอียดเปนมันผันผยอง เหลืองอร่ามงามปลั่งดั่งท่อนทอง ผมจุกมองเห็นชิดติดสองกรรณ์ ผมเกรียงตรงวงศองอฉเงื้อม ทรวงกะเพื่อมผึ่งผายสามลายขวัญ หน้าใบโพธิ์บอกชัดซื่อสัตย์ธรรม์ ดวงตาผันผินพราวดังดาวพราย หูแฉล้มแหลมบางอย่างกนก ก้านหางยกขยายเชิดผมเฉิดฉาย บั้นท้ายต่ำเอวกลมสมร่างกาย ลำแข้งปลายเล็กเรียวเฉลียวดี กีบเหมือนผักประทุมคว้ำได้ตำรา ฟันโสภาขาวผ่องสิบสองซี่ เสียงเหมือนแตรกังวาฬปานดนตรี อุดมศรีศุภลักษณ์ศักดิ์มงคล พ่อค้ารักอยากได้ว่ายายขา จงขายม้าให้ฉันเถิดประเสริฐผล ฉันจะให้เงินยายหายยากจน ไม่กังวลกินใช้สบายครัน ยายโกรธาว่ามาให้ข้าขายลูก พูดดูถูกท่านเอ๋ยอย่าเย้ยหยัน ถึงเราจนก็เปนคนๆเหมือนกัน ใครมาจากฟากสวรรค์เมื่อไรมี แกกินหมูกินปลาสารพัด เรากินกัดผักหญ้าประสาประสี ต่างก็มีชีวิตคิดดูซี ใช่กินดีแล้วมิใช่จะไม่ตาย
พ่อค้าหัวร่อข้อนั้นก็จริงอยู่ แต่ว่าผู้จนยากลำบากหลาย ต้องเหนื่อยยากกรากกรำประจำกาย ไม่สบายเหมือนอย่างผู้มั่งมี ตื่นก็เห็นข้าวงามในชามตั้ง เปนแต่นั่งเคี้ยวกลืนชื่นฉวี นอนสดับขับกล่อมพร้อมดนตรี มิได้มีความทุกข์ศุขสำราญ
ยายตอบฉันไม่เห็นเปนประหลาด มีจนอาจเหมือนกันสันนิษฐาน ความศุขทุกข์ย่อมประสพได้พบพาน มีสำราญมีทุกข์กันทุกคน ไม่เช่นนั้นคนจนทนไหวหรือ มิครางฮือน้ำตาเปนห่าฝน มีแต่ทุกข์ทั้งชาติไม่อาจทน เพราะมีผลศุขส่อหัวร่อเริง คนมั่งคั่งตั้งอยู่ในความศุข ย่อมมีทุกข์บางเวลาน้ำตาเจิ่ง ศุขทั้งชาติประมาทเล่นไม่เห็นเชิง พูดเหลิงเจิ้งยกยอข้อนอนกิน สัตว์บกสบายป่ารุกขาเขา สัตว์น้ำเล่าก็สบายสายกระสินธุ์, ความศุขจิตต์อิศราเปนอาจินต์ ใครอยู่ถิ่นใครก็ว่าข้าสบาย
พ่อค้าเห็นยายเฒ่าเจ้าทิษฐิ จะตอบติต่อไปคงไม่ขาย จึงน้อมนอบปลอบว่าอย่าระคาย ไม่ซื้อขายขาดเด็ดได้เมตตา ฉันรักมากอยากได้ไปโลมเลี้ยง ให้ศุขเพียงลูกน้อยเสน่หา ขอท่านยายจงได้กรุณา ให้อาชาฉันจะต้องสนองคุณ
ยายฟังปลอบชอบใจเปนไรมี ถ้าเลี้ยงดีฉันจะให้ไม่วายวุ่น แล้วกล่าวแก่ลูกม้าด้วยการุณ ไปกินบุญวาศนาอย่าอาไลย
ฝ่ายพ่อค้าดีใจดังได้แก้ว จัดกวาดแผ้วเคหาที่อาไศรย ปูลาดด้วยบุบผาสุมาลัย อาชานัยยืนกลางหว่างมาลา แล้วนำเงินหกถุงพยุงวาง ตรงปากหางสี่เท้าเคารพหน้า กระแจะเจิมมิ่งขวัญลั่นวาจา เงินนี้ข้าให้รางวัลแก่ท่านยาย ยายอาลัยใจคอให้ท้อแท้ โอ้ลูกแม่จำไกลหัวใจหาย สอื้นอั้นหันหน้าน้ำตาพราย จะเว้นวายเห็นเจ้าทุกเช้าเย็น อัศดรอ่อนเกล้าหาเจ้าของ ทาทำนองเหมือนจะพูดแต่สุดเข็ญ คำรณร้องดังจะลาน้ำตากระเด็น จะห่างเห็นหญิงชราให้อาลัย
พ่อค้าปลอบยายอย่าโสกานัก ฉันจะรักเลี้ยงประคองให้ผ่องใส กล่าวอำลาพามิ่งมโนมัย ถึงบ้านให้สมถวิลจินตนา จำจะทดลองสละได้ประจักษ์ ว่าสูงศักดิ์หรือต่ำวาศนา คงจะรู้จักประมาณการณ์กายา เอารำหญ้าวางลงส่งให้กิน
พลาหกยกเท้าก้าวไปห่าง เคืองระคางใจครันไม่ผันผิน เขายกตามทำอย่างใดก็ไม่กิน พ่อค้ายินดีแกล้งแถลงคำ ตัวของเจ้าเมื่ออยู่ถิ่นกินรำหญ้า จนใหญ่กล้างามถ้วนทั้งอ้วนล่ำ เจ้าก็เปนตัวมาด้วยหญ้ารำ บัดนี้ทำเมินใยไม่กินนอน
ฝ่ายอาชาอาเภทเนตร์จ้องหน้า พูดภาษาคนได้ให้สังหรณ์ จริงข้าอยู่สฐานของมารดร การกินนอนตามประสาชาวป่าพง คนถิ่นนั้นไม่รู้จักศักดิ์สินธพ ว่าเลิศลบสูงชาติราชหงษ์ เราจึงยอมถ่อมกายไม่ทนง การเลี้ยงตรงต้องความตามถานา ท่านมีทรัพย์กับเปนผู้รู้นรลักษณ์ ควรหรือจะให้นอนดินกินรำหญ้า เมื่อไม่เลี้ยงเที่ยงธรรม์ตามสัญญา จะขอลาท่านไปอยู่ไพรวัน
พ่อค้าชอบปลอบว่าอย่าเศร้าหมอง จะประคองโอบอ้อมถนอมขวัญ แล้วปลูกโรงกว้างใหญ่วิลัยครัน เพดานนั้นดาวกระจายเขียนลายทอง ให้นอนมุ้งยุงริ้นไม่กินกัด อาบน้ำปัดขนสิ้นมลทินหมอง กินข้าวหอมหญ้าขจีมีอ่างรอง น้ำตาลฟองใข่ระคนตั้งปรนปรุง ทั้งกล้วยอ้อยขนมอุดมหวาน เริงสำราญวิญญาพ่อค้ามุ่ง เอาใจใส่ค่ำเช้าเฝ้าบำรุง เจริญรุ่งเรืองยิ่งทรัพย์ศฤงฆาร
เพราะมิ่งม้าให้คุณบุณนิธิ เปนศิริโภคามหาศาล ซื้อก็ง่ายขายก็คล่องดังท้องธาร ธนะสารไหลหลั่งมั่งคั่ง เอย ๚ะ
----------------------------