๏
๏ น่าต้น ๚ะ
๏ นิราศชมตลาดสำเพ็ง ๚ะ
----------------------------
๏แสนวิตกอกโอ้พุทโธ่เอ๋ย ชะราร่างร้างรักที่จักเชย จะทำเฉยใจก็เตือนให้เชือนแช ตัวไม่คิดจิตร์มันขืนฝืนไม่หาย ตนไม่หมายใจมันมาตร์ประหลาดแหล คิดถึงตนจนจะตายกายชะแร ใจไม่แก่กรรมๆทำกระไร นึกสลัดตัดกิเลศถือเพศสงฆ์ ตัวคิดปลงใจมันเฟือนเชือนไถล ทางกุศลผลนำเพราะน้ำใจ จะพาให้ดีชั่วในตัวเรา ฉันแค้นจิตร์คิดหมองตรองไม่ตก ดังกลิ้งครกฝ่าฝืนขึ้นบนเขา สาระพัดขัดขวางไม่บางเบา ความโศกเศร้าเที่ยวเดินให้เพลินใจ ที่ถนนจักร์เพ็ชร์เปนเฃตร์ย่าน ออกจากบ้านมัวหมองไม่ผ่องใส เหนกระทรวงธรรมการตรงบ้านไป ท่านตั้งไว้สืบสร้างในทางธรรม สำหรับสงฆ์ทรงสิกขารักษาพรต ให้ต้องบทมิให้มีถลีถลำ ตามแบบอย่างวางกำหนดให้จดจำ เหมือนแนะนำผิดชอบประกอบการ น่าพิญโยโมทนาสาธุสะ ในทางพระหน่วงหนักเปนหลักถาน อยากให้สอนใจฉันดัดสันดาน มันดื้อด้านอยู่ข้างทางเกเร จะให้ท่านสอนใจท่านไม่รับ เหลือบังคับในใจมันไคว่เขว จะสอนใจไม่เชื่อเหลือคะเน ใจเปนเอ้โอหังไม่ฟังใคร ถึงออฟพิศห้างใหญ่ที่ไฟฟ้า ดูสง่างดงามตามไสมย บริษัทจัดตรวจสำรวจใน เก็บเงินได้มาส่งลงบาญชี สายรถรางวางระยะกะตลอด รางรถทอดริมทางข้างวิถี มีนายหมวดตรวจดูพวกกุลี ตามน่าที่ไม่คลาศให้ขาดตอน พี่นึกพรั่นหวั่นใจด้วยไฟฟ้า มันแกล้วกล้าแรงฤทธิ์ดังพิศม์ศร ถ้าสายขาดพาดตนที่คนจร ต้องม้วยมรณ์มิได้รอดตลอดวัน ฉันเดินห่างรางรถไอใจขยาด กลัวพลั้งพลาดชีวาถึงอาสัญ ดูผู้คนล้นหลามไปตามกัน บ้างผายผันบ้างขี่รถีจร ทั้งรถเจ๊กรถม้าที่คลาคลาศ มิได้ขาดซ้อนซับสลับสลอน ดูกลาดกลุ้มหนุ่มสาวชาวนคร ครรไลจรควักไขว่กันไปมา กำแพงเมืองเปลื้องพังสร้างเปนตึก ดูครื้นคฤกน่าสนุกนิ์เปนศุกขา ออกตั้งห้างวางรายขายสินค้า เปนสง่าธานีสิวีไลย ด้วยบารมีพระองค์ทรงพระเดช ได้ปกเกษดับเข็ญให้เย็นใส ไม่มีผู้ดูหมิ่นอริญไภย ที่กรุงไกรจึงไม่ต้องจะป้องกัน ถึงทางแยกมรรคาพาหุรัตน์ ดูแออัดหญิงชายที่ผายผัน ออกสลับซับซ้อนจรจรัล พัลวันรถล่องต้องระวัง แต่เดิมทีมีอยู่ประตูยอด ทางตลอดสำเพ็งตึกเก๋งตั้ง เกิดชำรุดซุดรานทวารพัง อนิจจังสังขารไม่ทานทน อะนาถจิตร์คิดดูประตูใหญ่ ยังพังได้วายวางลงกลางหน โอ้ตัวเราไม่จิรังกำลังตน จะวายชนม์วันไรมิได้รู้ แต่ทวารบ้านเมืองยังเปลื้องปลด ลงพังหมดสิ้นไปมิได้อยู่ สลดใจในจิตร์ยิ่งคิดดู ถึงโฉมตรูคู่ฉันที่บัลไลย อยู่ด้วยกันมั่นหมายไม่วายรัก ถึงคราวจักวิบัติต้องตัดไษย ด้วยถึงที่มรณาไม่ว่าใคร สกดใจเดินตรงลงสำเพ็ง มีร้านรายขายสินค้าสาระพัด ออกเยียดยัดครื้นคฤกล้วนตึกเก๋ง พวกแม่ค้าพูดมากฝีปากเร็ง ออกแซ่เซ็งร้องขานประสานกัน ร้านจีนแสขายยาพ่อค้าใหญ่ ยาจีนไทยสาระพัดที่จัดสรร จะซื้อยาแก้โศกวิโยคครัน ที่ผูกพันธ์หมองไหม้มิได้วาย เขาบอกว่ายาจีนแสนั้นแก้โรค จะแก้โศกเช่นนี้ไม่มีขาย สุดผันแปรแก้โรคที่โศกกาย เลยผันผายตรมตรองหมองอุรา ดูแถวย่านร้านรายขายลูกไม้ ทั้งจีนไทยเหลือล้นผลพฤกษา มีส้มสูกลูกละมุดแลพุดซา อีกไนหน่าลำใยมะไฟมะเฟือง กะท้อนห่อเงาะสละสับปะรศ ลูกพลับสดลิ้นจี่สาลี่เหลือง แม่ค้าสาวขาวขำตาชำเลือง ทำยักเยื้องเล่ห์ลมดูคมคาย พี่ลองถามทรามไวยฉันไม่ต่อ กะท้อนห่อผ้าไว้เท่าไรขาย นางแม่ค้าตาช้อยชะม้อยอาย ทำชะม้ายเมินหน้าไม่พาที พี่หยอกเย้าเซ้าสรวลสำรวญรื่น เดินชมชื่นตามทางหว่างวิถี ถึงร้านขายพระดูไม่สู้ดี เปนราคีหาลาภด้วยหยาบคาย พุทธรูปสำหรับที่นับถือ ควรแล้วหรือลบล้างมาวางขาย ทำเล่นเช่นตุ๊กกะตาดูน่าอาย ให้เสื่อมคลายสาศนาในสามัญ ถึงสพานผันแปรแลดูแปลก เมื่อแต่แรกนามขนานสพานหัน กรมโยธาสามาดถ์ฉลาดครัน คิดจัดสรรแนวถนนให้ผลมี ทำเปลี่ยนแปลงแต่งสฐานสพานโค้ง มีร้านโรงสองข้างทางวิถี พวกแขกเช่าขายผ้าสินค้าดี เจ๊กก็มีที่ขายลูกไม้จีน ลงสพานลานจิตร์คิดประหลาด ตรอกตลาดสพานหันฉันถวิล เขาฦๅเล่ากล่าวไว้ที่ได้ยิน เดิมเปนถิ่นพระยาญาติ์ตลาดนี้ ท่านสิ้นบุญสูญหายถวายหลวง เจ้ากระทรวงจึ่งมาเก็บภาษี สินค้าขายหลายอย่างต่างๆมี เปนถิ่นที่แม่ค้ามาประชุม พี่เดินเฉยเลยไปไกลตลาด สุดประพาศความทุกข์ไม่สุขุม อัตคัดขัดสนเหมือนจนมุม ดังห่วงรุมผูกมัดเข้ารัดรึง ดูร้านรายขายของทั้งสองแถว จะลืมแล้วกลับนึกลำฦกถึง ต้องคลาคลาศขาดนุชสุดคนึง เดินรำพึงถึงน้องหมองอารมณ์ สองข้างทางวางรายขายสินค้า ล้วนภูษาดีๆก็มีถม ผ้ายี่ปุ่นรุ่นใหม่ที่ไหมพรม สก๊อดห่มแพรบางล้วนอย่างดี เสื้อกางเกงผ้าดำยำมะหวาด มะไลก๊าดม่วงไหมมีหลายสี แพรเช็ดหน้าผ้าปั่นกะลันตะนี ที่อย่างดีใส่ตู้ดูอุดม สาวแม่ค้าน่าชมไว้ผมโป่ง ข้างในโปร่งเต็มที่ดีแต่ผม ทำท่วงทีกิริยาในตาคม เรียกให้ชมซื้อของที่ต้องใจ ฉันแกล้งถามซื้อหาผ้าที่ห่ม ต้องอารมณ์ดีมากพี่อยากได้ นางชะม้ายพรายพริ้มยิ้มละไม ไม่ว่าไรฉันเลยเดินเฉยมา ถึงน่าร้านนายศรีที่สนิท ประกอบกิจอย่างเอกอุเบกขา ไม่โลภหลงกิเลศเจตนา ถือสัจจาขันตีที่มีคุณ ย่อมโอบอ้อมอารีย์ไมตรีจิตร์ สรรพมิศขาดเหลือช่วยเกื้อหนุน มิได้ตัดขัดมาคงการุญ ช่วยเจือจุนอุปถัมภ์ให้สำราญ ดูร้านรายขายของทั้งสองแถว ล้วนเครื่องแก้วอะละมังทั้งหมวกสาน โคมยี่ปุ่นคุณโทขวดโหลพาน ตะเกียงลานนาฬีกามีตรางู รูปพรรณ์เงินทองของต่างๆ เขาจัดวางเอาไว้ที่ในตู้ ทั้งเพ็ชร์นินจินดาล้วนน่าดู แหวนต่างหูสร้อยคอทั้งข้อมือ ดูแพรวพราววาววามงามระยับ เพ็ชร์ประดับน้ำหิ่งห้อยงามน้อยหรือ เสียดายน้องมิได้มาได้หารือ ให้เลือกซื้อสิ่งของที่ต้องใจ โอ้คิดมาอาภัพอัประภาค ต้องจรจากดวงจิตร์พิสมัย เสียอารมณ์ตรมตรองหมองฤไทย ค่อยคลาไคลไร้รักพวักพะวง ถึงหัวเม็ดๆอะไรก็ไม่รู้ ยิ่งนึกดูก็ยิ่งคิดพิศวง หรือน้องเมตตาพี่ที่จำนง ดูโฉมยงที่ไหนก็ไม่มี ที่หัวเม็ดเข็ดแท้เมื่อแต่ก่อน นั้นมีบ่อนเจ๊กฮงเปนกงษรี ฉันหลงเล่นเปนบ้าทั้งตาปี จนป่นปี้วิบากได้ยากเย็น ต้องตัดขาดชาติ์นี้แล้วดีฉัน การพนันต่อไปไม่ขอเหน พาให้ตัวชั่วช้าน้ำตากระเด็น ได้ลำเค็นยากยับอัปรา ถึงถนนจักรวัติที่ตัดใหม่ ทางรถไอเดินสายข้างฝ่ายขวา คนโดยสานควักไขว่กันไปมา ฉันประหม่ารอรั้งระวังกาย แล้วเดินตรงลงสำเพ็งเร่งลีลาศ ชมตลาดแถวทางที่วางขาย ทั้งเครื่องแก้วเครื่องขวัญพรรณราย ตูเหลือหลายที่จะจำทำสารา คนควักไขว่ไปมาเที่ยวหาของ บ้างขึ้นล่องอึงอื้อเที่ยวซื้อหา ที่ต่อตกยกให้ได้ราคา สาวแม่ค้านวลนางสำอางกาย นึกรักอยากเกี้ยวเขาเราก็แก่ ก็ได้แต่แลโลมนางโฉมฉาย ยืนภิรมย์ชมชื่นกลืนน้ำลาย น่าแค้นกายไม่ควรด่วนชะรา ถึงน่าวัดๆนามเรียกสำปลื้ม แทบจะลืมกลับหวลรัญจวนหา ถึงโฉมตรูคู่ปลื้มดื่มวิญญา ทุกเพลาปลื้มทรวงด้วยดวงใจ ปลื้มสิ่งอื่นหมื่นแสนไม่แม้นเหมือน อย่างแม่เพื่อนปลื้มจิตร์พิสมัย จากที่ปลื้มลืมลาเหลืออาไลย หมองฤไทยจรจรัลเที่ยวผันแปร ถึงสพานหินผินหน้าเที่ยวหาน้อง แต่มองๆไม่เหนนางไปห่างแห มาลับมิตร์ขนิษฐาสุดตาแล ได้ชมแต่หญิงอื่นไม่ชื่นใจ นามเรียกสพานหินถวิลคิด ขอน้ำจิตร์น้องรักเปนหลักใหล อย่าหูเบาเฝ้าแหนงระแวงไป ถึงผู้ใดยุยงอย่าหลงลม จงพกหินไว้กับอกอย่าพกนุ่น ถ้าเฉียวฉุนวู่วามไม่งามสม จะรวนเรเสน่หาสมาคม ด้วยอารมณ์นารีไม่จีรัง คิดถึงรักปักเข็มไว้เต็มแน่น ยังคลอนแคลนคลาศเคลื่อนไม่เหมือนหวัง พอเข็มครากรากซุดก็หลุดพัง ลงเซซังต้องใส่เอาไม้จุน ไม่เหมือนอย่างโฉมศรีของพี่แล้ว ลงรากแก้วไม่เขยื้อนออกเคลื่อนหมุน หญิงทุกวันฉันระอามักทารุญ เที่ยวว้าวุ่นแต่ข้างทางเกเร มาถึงตรอกจางวางชุ่มยิ่งกลุ้มจิตร์ กลับหวลคิดพิสมัยไถลเถล ไม่ชื่นชุ่มนุ่มนวลชักปรวนเปร สุดคะเนใจนางต้องห่างกัน เสียดายรักปักกรุยมาลุ่ยหลุด ลงโทรมซุดรวนเรออกเหหัน ด้วยตอเก่าเราคิดที่ติดพัน แต่เลิกกันนานมาชะตาแรง เขาจัดเจนเล่นโน่นแล้วโยนนั่น ไม่นึกพรั่นคั่นขาดขยาดแขยง เทน้ำพริกพลิกถ้วยไปฉวยแกง เพราะอยากได้ไก่พะแนงเอาแกงเท ด้วยสันดานพาลจะโลภละโมบมาก จึ่งจืดจากจับใหม่ออกไคว่เขว น้ำใจกว้างอย่างน้องท้องทะเล ออกเลเพฦกราวกับอ่าวญวน สำเภาเล็กเจ๊กจะข้ามขามพยุห์ ทั้งปลาดุคลื่นระดมด้วยลมหวน ทอดสมอไม่ถึงดินด้วยสิ้นพวน อาโปป่วนพัดพาเภตราโคลง คลื่นกระแทกแตกปัดพัดตะโพก ตะเภาซ้ำตำโสโครกโขยกโขยง กงกระดานกะดูกงูคดคู้โกง เสากระโดงเดาะพับยุบยับเยิน ต้องตั้วสิวสำเภาเอาเข้าอู่ จนจุ้นจู๊เจ็บปวดชวดเดินเหิน กลับเปลี่ยนลำสำเภาเข้าไปเดิน ได้เพลิดเพลินเรือใหญ่สมใจเรา ปลูกมันเทดเจตนาจะหาหัว มาทึ้งทั่วไปจนยอดตลอดเถา ด้วยถือดีมีแรงไม่แบ่งเบา จะหวังเอาไปทั้งสิ้นอยากกินมัน ฉันว่าเพ้อเจ้อไปเพราะใจหมาง ไม่พูดบ้างมันก็แค้นแสนกระสัน สุดจะเชื่อเหลือล้นคนทุกวัน มักผวนผันฬ่อลวงด้วยถ้วงที ถึงปากตรอกอาจมอารมณ์เบื่อ ให้สุดเหลือระอาเมินหน้าหนี เหมือนรูปงามนามเหม็นเช่นสัตรี โสเพณีรวยรื่นที่ชื่นชู อย่างนามบอกตรอกเว็จขี้ที่โสโครก ยามวิโยคออกชื่อยิ่งครือหู เปนนิไสยในจิตร์ฉันคิดดู เหมือนหนึ่งผู้ชั่วดีมีสำเนียง ประพฤติ์กายให้งามทรามถนอม เขาก็ย่อมนับถือมีชื่อเสียง ถ้าชื่อเหม็นเหนใครไม่ใกล้เคียง เขารู้เยี่ยงอย่างตนเปนมลทิน ไม่เหมือนน้องของพี่นั้นดีพร้อม ชื่อก็หอมรูปก็เลิศงามเฉิดฉิน ใจดีกิริยาไม่ราคิน เจ้างามสิ้นสาระภางค์สำอางนวล มาถึงตรอกพระยาไกรใจถวิล ถึงยุพินโฉมงามทรามสงวน มาไกลนุชสุดใจให้รัญจวน มิได้ชวนมิ่งมิตร์มาติดตาม ที่นามบอกตรอกแจ้งแถลงไข พระยาไกรในตำบลมีคนขาม จึ่งเรียกตรอกพระยาไกรต้องในนาม ประกอบความตามชื่อที่ฦๅชา เช่นคนดีมีชื่อฦๅไม่หาย ถึงตัวตายนามมีดีนักหนา จะชั่วดีนิยมเพียงสมยา อาจจะพาอัประยศหรืองดงาม เดิมถนนสำเพ็งคนเก่งเหลือ ล้วนแต่เสือมีมากเปนขวากหนาม เดี๋ยวนี้มีอานุภาพคอยปราบปราม ลงเสื่อมทรามสิ้นไปพวกไภยพาล ท้องสำเพ็งเล็งแลแต่สอาด ร้านตลาดรายเรียงเคียงขนาน ที่ขายดีมีกำไรหัวใจบาน ที่ปิดร้านล้มละลายหมายบังคับ หนังสือปิดติดทวารเปนการห้าม มีแขกยามเฝ้าอยู่ดูกำกับ แสนสงสารแต่เจ้าของลงต้องยับ ถูกยุดทรัพย์ล้มตึงสิ้นพึ่งพิง เพราะยามคึกฮึกเหลิงละเลิงจิตร์ มิได้คิดถึงตัวมัวผู้หญิง ถึงคราวยากปากอ้าหน้าเปนลิง ลงเที่ยววิ่งเสือกสนทุรนทุราย ถึงปากตรอกสิบเบี้ยละเหี่ยจิตร์ คนึงคิดผิดคาดที่มาตร์หมาย ชื่อสิบเบี้ยตรอกว่าดูน่าอาย เช่นเสียหายต่ำต้อยน้อยราคา เพียงสิบเบี้ยเสียยศน่าอดสู ไม่มีผู้นอบนบจะคบหา ด้วยต่ำเตี้ยเสียยับอัปรา สิ้นราคาผู้ใดไม่ใยดี ๚ะ
๏ ถึงถนนราชวงษ์คิดสงไสย ที่จะไปในทางหว่างวิถี เปนสี่แยกแตกกลางหนทางมี ไม่รู้ที่จะย่างไปทางไร คิดถึงน้องหมองไหม้กลัวใจแตก เปนสี่แยกแล้วก็กรรมทำไฉน ขอจิตร์นุชสุดตรงที่จงใจอย่าแยกไปอย่างวิถีเปนสี่ทาง หญิงทุกวันฉันระอาด้วยมาแขก ใจมันแตกเสียเช่นเที่ยวเล่นหาง ออกเจนจัดบัดสีไม่มียาง ชนิดนางโคมเขียวเที่ยวกลางคืน ไว้ผมโป่งโปร่งปลอดตลอดไส้ แต่เข้าใกล้จึ่งเหนว่าเหม็นหืน ผิดนิไสยไม่จิรังที่ยั่งยืน ใครหลงชื่นเชยชมต้องตรมตรอง ฉันเดินตรงลงสำเพ็งเร่งลีลาศ ชมตลาดเรียงรายที่ขายของ ทั้งผ้าเสื้อเหลือหลายออกก่ายกอง เครื่องกะป๋องปลาส้มขนมปัง หีบยี่ปุ่นกุญแจแลหีบเหล็ก ทั้งใหญ่เล็กต้นเถากระเป๋าหนัง เครื่องกาแฟมิเลียมเทียมละมัง ของฝรั่งเหลือจำมาทำกลอน ๚ะ
๏ ถึงตรอกวัดญวนนอกหรือตรอกเต๊า พี่กลับเศร้าทรวงคนึงถึงสมร เคยเปนคู่สู่หาพงางอน เมื่อแต่ก่อนน้องบอกอยู่ตรอกนี้ ต้องเริศร้างห่างเหเสน่หา ก็เพราะว่าทำให้ได้บัดสี เสียดายรักหักมาเปนราคี ไม่ถึงปีกลายกลับไปลับลิบ ฤดูเปลี่ยนเวียนจักร์ต้องปักย้าย เที่ยวเร่ร่ายราดเรี่ยไปเสียฉิบ ออกเคลื่อนคล้อยลอยร่อนจันทรทิพย์ ดูแลลิบคลาคลาศไปขาดลอย อันมนุษย์สุดจะล่วงสรวงสวรรค์ ไม้ซีกสั้นตมุดกุดเหนสุดสอย ทั้งสิ้นฤทธิ์พิศม์หมดเหมือนมดตะนอย เหล็กในน้อยต่อยแสบได้แปลบเดียว แรกประสบพบพานสมานสมัค ประมาณรักรองรางสักอ่างเขียว ปะรักใหม่ได้ควบรวบสองเกลียว เข้าแน่นเหนียวกระนาบรักทำชักแช โอ้ปลูกรักจักชมไม่สมหมาย ช่างมากลายกลับร้างไปห่างแห พวกสิงห์สัตว์กัดกอทำตอแย อีไก่แก่แจ้ตัวเมียมาเขี่ยโคน ลอบขุดรักยักกระถางใส่อ่างใหญ่ ได้ดินใหม่ปลูกเปลี่ยนไม่เกรียนโกร๋น น้ำท่าปนฝนชุ่มหลุมเปนโคลน พยุห์โยนโยกย้ายขยายเอน ต้องขาดลูกปลูกแปลกแตกแขนง กาฝากแฝงเกาะกิ่งจริงได้เหน รอยควายสีที่ต้นล้วนโคลนเลน พิกัดเกณฑ์แจ้งการประจานงาม บอกบันดาประชาชนทุกคนผู้ ให้เขารู้ดูนางกลางสนาม ว่าหงษ์ทองหมองหน้าลงทาคราม ฉันแจ้งความตามเรื่องที่เคืองใจ ๚ะ
๏ ถึงตรอกอาเนี่ยเก็งยืนเพ่งพิศ ล้วนชนิดนางจีนถิ่นอาไศรย แต่งแต่ตัวยั่วยวนเปนนวลใย ให้จีนใหม่ชอบพอได้ฬ่อตา คอยสำหรับรับเจ๊กทั้งเล็กใหญ่ ไม่คบไทยผิดอย่างต่างภาษา ช่างไว้ตัวกลัวไทยกระไรนา ไม่นำพาเหนผิดชนิดกัน อยากจะลองเพลงจีนให้สิ้นท่า คิดไม่น่าจะชมเสียคมสัน ด้วยนางจีนสิ้นดีเหม็นขี้ฟัน ไม่เหมือนขวัญเนตร์พี่ที่ยียวน รูปก็งามนามก็เพราะปากก็หอม ควรถนอมนุชน้องครองสงวน โฉมเฉลาเสาวะภางค์สำอางนวล ไม่แปรปรวนเที่ยงธรรม์ใจมั่นคง ในอารมณ์ชมอะไรก็ไม่ชื่น เปนแต่ฝืนใจชมไม่สมประสงค์ ไม่เหมือนชมโฉมศรีที่จำนง พิศวงความสวาสดิ์ไม่ขาดวัน รักสิ่งไว้ใจชมพอสมภักตร์ ไม่เหมือนรักวรนุชสุดกระสัน รักไม่หายวายรักยิ่งหนักครัน รักผูกพันธ์ฟั่นเฝือเหลือทวี จะหักห้ามความรักพี่หนักแน่น ก็ยิ่งแสนที่จะรักออกหนักจี๋ มาจากน้องวันหนึ่งเหมือนครึ่งปี ในทรวงพี่ร้อนใจดังไฟลาม ๚ะ
๏ มาถึงตรอกโรงครามความถวิล เปนราคินหมางเมินคิดเขินขาม เช่นคนที่สีหน้าดังทาคราม ด้วยมีความขัดข้องเพราะหมองใจ เหมือนตัวพี่ที่วิตกอกจะหัก ด้วยร้างรักจากน้องไม่ผ่องใส จนภักตร์เหี้ยมเตรียมตรมอารมณ์ใน ความอาไลยด้วยเจ้าเยาวะมาลย์ สู้ทำเฉยเลยเดินให้เพลินจิตร์ เที่ยวพินิจดูสิ้นในถิ่นฐาน ท้องสำเพ็งเก๋งตั้งออกนั่งร้าน ข้ามสพานเจ๊กฝ่อนั้นต่อไป ถนนเล็กเจ๊กไทยออกไขว้เขว เดินปนเปหลีกกระทบหลบไม่ไหว สุดสังเกตเหตุผลเจ๊กปนไทย ใครเปนใครมิได้แน่ด้วยแปรปรวน ไสมยใหม่ไขว้เขวทำเลเสีย จีนตัดเปียเปนไทยเหลือไต่สวน มาเกิดมีวิปริตผิดกระบวน กลับผันผวนผิดชาติ์ประหลาดใจ โลกย์จะเปลี่ยนเวียนมาราษีจักร์ พุทธ์จะยักโยกย้ายกลายเปนไสย พาลจะเปรื่องปราชจะกลับตกอับไป พี่ร้อนใจถึงน้องหมองกระมล กลัวน้องรักจักกลายย้ายราษี เปนราคีกลอกกลับให้สับสน ขอใจน้องครองสัตย์ระมัดตน อย่าเวียนวนความรักให้ยักย้าย ๚ะ
๏ มาถึงตรอกโรงโคมโทมนัศ คิดปวัติถึงโคมของโฉมฉาย เคยจุดส่องผ่องศรีฉวีกาย พรรณรายนวลน้องต้องอัคคี มาลับโฉมโคมฉายเสียดายน้อง เคยประคองแนบข้างสำอางศรี ดังโคมดับลับหน้ายอดนารี ทรวงของพี่ร้อนรนกระวนกระวาย ร้อนสิ่งไรไม่ร้อนเหมือนแรมรัก สุดจะพักผันผ่อนให้ร้อนหาย ร้อนด้วยโรคโศกด้วยรักสลักกาย สู้ผันผายเลยไปฤไทยตรม
๏ ถึงตรอกแตงแจ้งความนามเขาบอก ที่ชื่อตรอกเปนไฉนเหนไม่สม มีแต่จีนสินค้าไม่น่าชม เบื่ออารมณ์นางจีนดูสิ้นดี อยู่ในตรอกออกรายดังขายของ คอยเรียกร้องให้ชมขนมอี๋ หาซื้อแตงแห่งไรก็ไม่มี ไฉนนี่จึ่งบอกว่าตรอกแตง หรือเดิมทีมีแตงที่แห่งนี้ จึ่งได้มีนามตรอกบอกแถลง ไม่แน่จิตร์ผิดอย่างให้คลางแคลง สุดจะแจ้งความหลังเปนยังไร ลูกสาวจีนผินพบนางหลบภักตร์ ช่างน่ารักน่าชิดพิสมัย ดังแดงอ่อนน่าชมที่ร่มใบ เปนนวลใยโสภายิ่งนารี ให้นึกรักหนักอารมณ์ไม่สมหมาย คิดถึงกายชะราน่าบัดสี ที่ไหนเจ้าเยาว์ยุพินจะยินดี ไม่สมที่จะอยู่เปนคู่ควร ๚ะ
๏ ถึงนามบอกตรอกมูลฝอยชะน้อยหรือ ได้ยินชื่อคิดมาก็น่าสรวล ช่างให้นามตามแต่จะแปรปรวน เช่นสำนวนพาทีไม่มีรอย คนพูดมากปากจัดสบัดสบถ เหลือกำหนดพาทีมีแต่ฝอย ใครหลงงมลมลิ้นแล้วกินลอย พูดพล่อยๆพอสมอารมณ์ปอง ไม่เหมือนนุชพูดจาสาระพัด ล้วนซื่อสัจพาทีไม่มีสอง คนโสโครกโยกย้ายหลายทำนอง เหมือนกับกองมูลฝอยที่ถ้อยคำ ๚ะ
๏ ถึงปากตรอกโรงกะทะหวลถวิล ถึงยุพินคู่ชมที่คมขำ กะทะทองผ่องศรีไม่มีดำ น้องเคยทำของดีให้พี่กิน มาจากเจ้าคราวยากถึงหยากหวาน มิได้พานพบรศอดถวิล อนาถจิตร์อนิจจาเปนราคิน สุดจะผินภักตราไปหาใคร กำเนิดแรกแตกดับสำหรับโลกย์ ทุกกะโศกโรคกะศุขยุคไสมย เปนคู่ปรับกับกันเช่นนั้นไป ต้องสอนใจตัวเองเร่งระวัง หยากสบายกายตนต้องทนยาก ได้ลำบากจึ่งสบายเมื่อภายหลัง ถ้าขี้คร้านนานจะล้มโทมนัง จะต้องนั่งกัดเกลือด้วยเหลือทน ให้คิดเหนเช่นฉันทุกวันนี้ ก็เต็มทีอัตคัดความขัดสน สุดผันแปรแก่หง่อมต้องยอมจน จะดิ้นรนแทะเล็มก็เต็มตึง ๚ะ
๏ มาถึงตรอกเข้าสารละลาญจิตร์ จะหายคิดกลับนึกลำฦกถึง แรมนิราศคลาศนุชสุดรำพึง ยืนตลึงตรองดูอยู่เปนนาน พิศวงสงไสยไฉนหรือ จึ่งเรียกชื่อนามบอกตรอกเข้าสาร หวลคนึงถึงเข้าเยาวะมาลย์ หุงใส่จานขาวปลั่งน้องชั่งปรุง ละมุนละไมพอดีทั้งมีรศ รู้กำหนดเหลือดีวิธีหุง ชั่งประกอบชอบตามความผะดุง จัดบำรุงปรนิบัติภัศดา จะหาไหนไม่เหมือนเจ้าเพื่อนยาก ถ้าผิดจากมิ่งมิตร์ไม่คิดหา ถึงนงเยาว์สาวน้อยที่ลอยฟ้า มาฬ่อตาพี่ก็ไม่พอใจแล ความคนึงถึงนุชสุดสวาสดิ์ แรมนิราศนวลนางไปห่างแห จิตร์ผูกพันธ์ฟั่นเฟือนให้เชือนแช คิดถึงแต่น้องรักหนักอุรา ๚ะ
๏ เหลียวเหนตรอกสพานญวนหวลถวิล ถึงยุพินมิ่งมิตร์ขนิษฐา เจ้าเชื้อญวนนวลนางสำอางตา จะพูดจาก็ยังขัดไม่ชัดไทย สพานญวนนามบอกที่ตรอกนี้ ไม่เหนมีญวนมาอยู่อาไศรย อยากพบญวนนวลนางเปนอย่างไร หรือแกล้งให้ชื่อตรอกพูดหลอกกัน เกือบจะลืมปลื้มใจกลับได้ชื่อ มายกรื้อเรื่องใหม่ให้ใฝ่ฝัน ในทรวงโทรมโทมนัศสู้กัดฟัน ค่อยผายผันก้มหน้าอุราตรม จะแลดูสิ่งไรมิได้ชื่น ด้วยสุดฝืนความรักนั้นหมักหมม สิ่งของขายละเลยไม่เชยชม ในอารมณ์โหยหายุพาพิน
๏ ถึงน่าบ้านร้านนายขายหนังสือ ย่อมมีชื่อมากมายท่านนายสิน ไม่โลภหลงวงวนเปนมลทิน ประเสริฐสิ้นสืบสร้างทางเมดตา ผู้ใดจนคนยากออกปากพึ่ง ไม่มึนตึงตามมาตร์ปราถนา อุปถัมภ์ค้ำจุนกรุณา ใจศรัทธาศีลทานช่วยจานเจือ ถึงทุกวันฉันนี้เปนที่พึ่ง แม้นเต็มตึงอานุญาตตามขาดเหลือ ถ้าหาไม่ตายดิ้นต้องกินเกลือ ท่านแผ่เผื่อจึ่งได้ตั้งกำลังโคลง ไม่แกล้งยอข้อคำที่ร่ำว่า เปนสัจจาหนานายให้ตายโหง จงประเสริฐเลิศล้ำดังน้ำโพง ทรัพย์เข้าโรงพิมพ์นั้นพันทะวี เจริญวันชันษาโรคาหาย ให้เฉิดฉายพูลเพิ่มเฉลิมศรี อัคคีไภยโจรไภยอย่าได้มี เปนศุกขีโภคาสถาวร ประกอบกันท่านผู้ชายนายผู้หญิง ให้ยิ่งๆภิญโยสะโมสร นึกสิ่งไรให้ได้เหมือนให้พร มีเงินนอนนับถังมังคะลา ฉันผู้ใดใครรับสนับสนุน ไม่ลืมคุณกตัญญูอยู่นักหนา ที่ใครคดกดฅอจนมรณา เปนสัจจาความซื่อด้วยถือตรง
๏ ถึงวัดเกาะๆมีอยู่ที่ไหน ประหลาดใจยืนคิดพิศวง ไม่เหนมีเกาะเกียนเฉวียนวง เหนแต่ทรงอารามอร่ามตา หรือใครเกาะน้องไว้ที่ในวัด จิตร์อุทัจหวาดเสียวเที่ยวเหลียวหา พอรู้สึกนึกชัดชื่อวัดวา โมทนาน้อมหัดถ์มัศการ มีร้านรายชายสินค้ามาแต่แรก แต่ล้วนแขกพ่อค้ามหาศาล จะชมเล่นเหนผิดคิดรำคาญ เพราะก่อนกาลนิพนธ์เปนมลทิน ด้วยเรื่องชมตลาดนิราศเก่า ในสำเนาเปนตำนิที่ติฉิน แขกเขาร้องฟ้องหาเปนราคิน ว่าดูหมิ่นประมาทชาติ์ฮินเดีย นึกจะชมร้านแขกที่แปลกชาติ์ กลัวพลั้งพลาดสักหน่อยจะพลอยเสีย ออกเดินทางห่างตัวไม่ปัวเปีย ใจละเหี่ยร้อนรักหนักอุรัง ร้อนสิ่งไรใจร้อนพอผ่อนพัก แต่ร้อนรักมิได้ขาดสวาสดิ์หวัง ถึงร้อนแดดร้อนไฟพอได้บัง เอาน้ำหลั่งลูบไล้ก็ได้คลาย อันร้อนจิตร์พิศรักนี้หนักล้ำ ถึงจะทำอย่างไรก็ไม่หาย เอาน้ำรดบดยามาทากาย ก็ไม่วายร้อนรักยิ่งหนักครัน ท่านผู้ใดใครคิดพิศวง ก็จะคงแลเหนเหมือนเช่นฉัน ทุกข์เพราะรักหนักเพราะรศหมดด้วยกัน คนทุกวันใครจะขาดสวาสดิ์ลง ให้ชะแรแก่ชะราตาน้ำเข้า ก็มัวเมาพิสมัยย่อมใหลหลง เว้นสำเร็จมรรคผลไม่วนวง จึ่งจะปลงตัดขาดสวาสดิ์วาย
๏ ถึงถนนตัดตรงชื่อทรงวาศ นึกประหลาดใจอยู่ไม่รู้หาย นามทรงวาศวาศนาชะตาคลาย ที่ไหนนายช่างวาดฉลาดดี จะจ้างวาดรูปไว้เอาไปฝาก ด้วยจรจากแรมรามาระศรี หาช่างวาดที่ไหนก็ไม่มี เปนวิถีที่แจ้งแสดงนาม ชื่อทรงวาศตัดทางข้างวัดเกาะ แลดูเหมาะผู้คนออกล้นหลาม บ้างเลี้ยวลัดตัดมาเข้าอาราม บ้างเดินตามมรรคาเที่ยวคลาไคล สี่แผนกแยกทางหว่างวิถี ตามแต่ที่จะย่างไปทางไหน แต่ตัวฉันนั้นคงเดินตรงไป เหลืออาไลยน้องยาที่หาฤๅ ๚ะ
๏ ถึงตรอกศาลเจ้าทับทิมริมวิถี ศาลนั้นมีเจ้าประทับเจ๊กนับถือ ว่าศักดิ์สิทธิ์เหลือล้ำด้วยคำฦๅ จริงๆหรือถ้าเช่นนั้นขยันดี ขอบลบานท่านด้วยช่วยรักษา ให้น้องยาผุดผ่องอย่าหมองศรี อย่าหวลเหเสน่หาแต่สามี ตั้งภักดีซื่อสัจต่อภัศดา ให้มั่นคงจงจิตร์พิสมัย ถึงชายใดไปเกี้ยวอย่าเหลียวหา ผู้หาฤๅสื่อรักจะชักพา ก็ขออย่าให้น้องเปนสองใจ ๚ะ
๏ ข้ามสพานวัดสำเพ็งยืนเพ่งพิศ ประหลาดจิตร์จีนมาอยู่อาไศรย แต่ก่อนเปนมรรคาที่คลาไคล พวกจีนใหม่มาตั้งออกนั่งร้าน ปลูกโรงรายขายของทั้งสองข้าง ที่ริมทางพวกจีนเปนถิ่นฐาน ค่อยหายเปลี่ยวเที่ยวถนนสิ้นคนพาล เมื่อก่อนกาลพาลาคอยหากิน อันวัดนี้ที่พระยายี่สารสร้าง จาฤกร่างเอาไว้ในแผ่นหิน บำเพ็ญผลล้นเหลือเปนเชื้อจีน ฉันได้ยินผู้เฒ่านั้นเล่ามา เลยเดินแวะเข้ามาที่น่าโบถ ก้มศิโรตม์น้อมหัดถ์มนัศา ไหว้พระพุทธ์สุดสวัสดิ์ตั้งสัจจา ปราถนาให้พ้นที่มลทิน อันหญิงชั่วผัวสามที่เสียชาติ์ ชายอุบาทว์สามโบถชาติ์โหดหิน อย่าขอพบขอเหนเปนราคิน จนสุดสิ้นอะวะสานกาลนาน ถ้ารักใครขอให้ได้คนนั้นด้วย บุญจงช่วยดังจิตร์พิศฐาน แล้วก้มราบกราบลาสมาทาน ออกจากลานวัดมาเที่ยวคลาไคล ๚ะ
๏ ลงสพานที่ข้ามนามเขาบอก ว่าปากตรอกเซียนกงคิดสงไสย เปนชื่อจีนยากแท้แปรเปนไทย ไม่เข้าใจที่จะแจ้งแสดงการ ๚ะ
๏ ถึงปากตรอกเจียวซือก๋งผะวงคิด แห่งสถิตย์เจ้ามีอยู่ที่ศาล องค์อารักษ์ศักดิ์สิทธิ์พิศดาร ใครบลบานสมมาตร์ไม่คลาศคลาย ท่านศักดิ์สิทธิ์นักหนาจีนว่าเฮี้ยน เจ๊กฮกเกี้ยนนับถือการซื้อขาย ย่อมบลบานศาลกล่าวกับเจ้านาย มิได้วายไหว้เจ้าเหล่าอาเฮีย ที่ปากตรอกบอกแน่เมื่อแต่ก่อน มีโรงบ่อนฉันเปนตัวทำหัวเบี้ย จักระแหล่นเกือบไปจะได้เมีย ลูกเจ๊กเหนียชื่อแม่หนูเปนชู้กัน เตี่ยเขารู้ขู่ขับจะจับเลียะ ฉันเลยเฮียะละชมภิรมย์ขวัญ ยังนึกไปไม่หายเสียดายครัน มาถึงนั่นแล้วยังมองดูน้องนาง ไม่เหนหายกลายกลับไปลับหน้า จะถามหาไม่ถนัดให้ขัดขวาง สู้ทำเฉยเลยไปที่ในทาง ต้องเหินห่างร้างนุชสุดเสียดาย ๚ะ
๏ ถึงปากตรอกวัดญวนกลับหวลคิด ให้ร้อนจิตร์เคืองใจมิได้หาย เฝ้าออกชื่อญวนอยู่ไม่รู้วาย แกล้งพิปรายเยาะกันหรือฉันใด สพานญวนแล้วมิหนำมาซ้ำบอก ว่าชื่อตรอกวัดญวนหาควรไม่ เหนน้องฉันเชื้อญวนเฝ้ากวนใจ แกล้งร่ำไรยกรื้อแต่ชื่อญวน เปนแต่ตรอกหรือมาบอกว่าอันหนำ มาชักนำให้จิตร์ฉันคิดหวล คนึงถึงมิ่งขวัญให้รัญจวน โอ้ไม่ควรรื้อเรื่องให้เคืองใจ แรมนิราศคลาศนุชสุดสวาสดิ์ มิได้ขาดความคิดพิสมัย เฝ้าคร่ำครวญหวลหาด้วยอาไลย ให้ร้อนในใจฅอจรลี ๚ะ
๏ ถึงตรอกเจ๊สัวสอนแต่ก่อนเก่า เขาฦๅเล่าพงษ์เพศท่านเศรษฐี ประกอบทรัพย์นับถังด้วยมั่งมี แต่เดี๋ยวนี้สิ้นบุญสูญบันดาล ในสำนักหลักแหล่งที่แต่งตั้ง ก็สิ้นหวังหมดสิ้นที่ถิ่นฐาน โอ้คิดไปไม่ตั้งจิรังการ แต่เปนท่านเจ๊สัวยังสั่วไป เหมือนตัวเราคราวก่อนถาวรสวัสดิ์ ทรัพย์สมบัติมีอยู่แต่ผู้ใหญ่ ย่อมมั่งคั่งตั้งตัวไม่กลัวใคร ทั้งค่าไทยหญิงชายก็หลายครัว ได้มีชื่อฦๅชาอันปรากฏ ประกอบยศเทียมเท่ากับเจ้าสัว ครั้นเดี๋ยวนี้เต็มทีมีแต่ตัว ได้หมองมัวขัดสนพ้นกันดาร จะพึ่งญาติ์ขาดเหลือสิ้นเกื้อหนุน ได้ค้ำจุนเอาปัญญาเปนอาหาร กับสหายใต้เหนือช่วยเจือจาน ได้พึ่งท่านอุดหนุนกรุณา ๚ะ
๏ ถึงปากตรอกตลาดน้อยละห้อยจิตร์ กลับหวลคิดถึงชาติ์วาสนา เช่นต่ำต้อยน้อยทรัพย์อับปัญญา สิ้นเมดตาผู้ใดไม่อินัง ทุกวันนี้มีทรัพย์เขานับหน้า เสน่หามิได้ขาดสวาสดิ์หวัง จะพาทีดีเหลือคนเชื่อฟัง เปนกำลังก็เพราะทรัพย์ประดับกาย ถึงน้อยศักดิ์น้อยทรัพย์ที่ยับย่อย ไม่เท่าน้อยใจอยู่ไม่รู้หาย ความน้อยจิตร์พิสวาสดิ์มาคลาศคลาย มิได้วายน้อยใจกระไรเลย น้อยอารมณ์คมคำที่คนฃ้อน ให้เจ็บร้อนทรวงช้ำสู้ทำเฉย แต่น้อยใจไกลนางมาห่างเชย ต้องละเลยน้องน้อยเที่ยวลอยชาย จะแลชมในย่านร้านตลาด ก็สิ้นขาดของดีไม่มีขาย ที่โรงร้านเบาบางตามทางราย ด้วยเว้นวายใครไม่ได้ไปมา ๚ะ
๏ ถึงศาลเจ้าโรงเกือกเปนชื่อตรอก ถามเขาบอกให้ฟังคิดกังขา ไฉนองค์อารักษ์ที่ศักดา มีสมยารองเท้าเปนเจ้านาย พอนึกได้เขาบอกว่าตรอกนี้ เดิมโรงมีแถวเทือกเย็บเกือกขาย จึ่งตั้งชื่อฦๅอยู่ไม่รู้วาย ถึงหยาบคายเปนนามตามตำบล องค์ไทยท้าวอารักษ์ที่ศักดิ์สิทธิ์ ฉันอุทิศขอถวายฝ่ายกุศล ช่วยคุ้มครองป้องกันพาลประจญ อย่าให้คนลอบรักภักคินี ตั้งอุทิศคิดพลางแล้วย่างเยื้อง ตาชำเลืองหานางข้างวิถี เปนห่วงเจ้าเยาวะมาลย์โอ้ป่านนี้ จะคอยพี่เหนมานั้นช้าไป มิได้ซื้อสิ่งไรเอาไปฝาก เมื่อยามยากขัดสนพ้นนิไสย ต้องทำเฉยเลยจรด้วยร้อนใจ เหลืออาไลยนึกจะกลับขยับยั้ง ๚ะ
๏ ถึงถนนโยธาเพลาเที่ยง เสียงปืนเปรี้ยงร้อนทรวงเปนห่วงหลัง กลัวน้องรักจักประหม่าละล้าละลัง พี่เคยนั่งเคียงน้องไม่หมองมล แต่เดิมทีที่นี่มีแต่ตรอก ขยายออกทางใหญ่ไขถนน ให้กว้างขวางวิถีที่มณฑล เจริญผลให้กรุงศรีรุ่งเรือง นามถนนโยธาก็น่าสม ที่อบรมย์บำรุงให้ฟุ้งเฟื่อง ได้เปนที่จรดลพลเมือง ไม่ขัดเคืองศุกโขมะโหฬาร มรคาคลาไคลใกล้จะหมด พ้นกำหนดสุดสิ้นในถิ่นฐาน ก็เดินตรงลงมาชะลาธาร จนถึงลานโบถฝรั่งที่สร้างไว้ สอาดเลี่ยนเตียนรื่นที่พื้นหิน ไม่ราคินหมดจดดูสดใส มีลวดลายพรายพริ้งทุกสิ่งไป แลวิไลยแต่งตั้งเขาชั่งทำ เครือกระหนกยกเกี้ยวดูเลี้ยวลด ลายก้านขดรจนาเลขาขำ มีผู้คอยเฝ้าอยู่ดูประจำ ดูน่าสำราญรื่นชื่นฤไทย เมื่อถึงวันอาทิตย์ประสิทธิ เตือนสะติมีเทศน์ตามเพศไสย แต่ฉันถือโอวาทเปนชาติ์ไทย ไม่ปลงใจผิดเพศเจตนา รำคาญจิตร์คิดหมองถึงน้องรัก ออกเมินภักตร์ผินผันเที่ยวหันหา จวนจะใกล้สุริยนสนทยา ก็กลับมาที่อยู่สู่สำราญ ๚ะ
๏ นามนายบุษย์สุจริตคิดนิราศ ชมตลาดออกโชด้วยโวหาร ตามดำริห์นิไสยใจรำคาญ จึ่งคิดอ่านข้อคำออกสำแดง ไว้ให้ท่านทั้งหลายจะได้เหน พออ่านเล่นทราบสิ้นที่กินแหนง ดังนามบอกตรอกวิถีที่ชี้แจง ให้จะแจ้งในจิตร์ไม่ปิดบัง อย่าติฉินนินทาว่าฉันเพ้อ พูดใหลเล่อเช่นว่ากับบ้าหลัง ตามสำนวนครวญหาว่าให้ฟัง ก็ยับยั้งจบกันเท่านั้นเอย ๚ะ
๏ จบนิราศชมตลาดสำเพ็งแต่เท่านี้ ๚ะ
(คำโคลง)
๏ แจ้งความให้ทราบสิ้น | ทั่วกัน |
จำหน่ายหนังสือฉัน | ออกอื้อ |
เรื่องต่างๆสาระพรรณ์ | เติมต่อ มีแฮ |
เชิญท่านจงมาซื้อ | อ่านปลื้มใจฟัง |
๏ หนังสือซื้อนับร้อย | ขายเยาว์ |
ลดหย่อนราคาเบา | จ่ายให้ |
จะส่งไม่คิดเอา | แรงนักหนาเฮย |
พอให้ผู้รับได้ | ลาภบ้างดังประสงค์ |
๏ ถ้าอยากรู้เรื่องแล้ว | เชิญมา |
ดูอ่านใบปลิวจา | ฤกไว้ |
ต่างๆเรื่องนักหนา | มีมากมายแฮ |
ตามชอบจำหน่ายให้ | ที่ต้องความประสงค์ |
๏ ทำปกแขงก็ได้ | รับงาน |
เย็บเล่มรัดทนทาน | มากใช้ |
ราคาคิดควรการ | ไม่เรียกแรงเฮย |
ใบเสร็จฎีกาตีได้ | รับจ้างอย่างเยาว์ |
(คำให้พร)
๏ ขออวยพรประชาชาว ในแดนด้าวภพสยาม หนังสือวัดเกาะนั้นฉันบอกนาม ซื้อไว้อ่านตามบ้านเรือน ศุกโขเจริญยิ่ง สรรพสิ่งใครอย่าเหมือน กว่าจะสูญสิ้นดาวเดือน ตลอดแดนพุทธันดร เกิดชาติ์ใดให้มีศุข อันความทุกข์นิราศจร สมศุขสะโมสร เสมอแม้นสมบัติสวรรค์ จริงดังข้าอวยพร ให้ถาวรตลอดกัลป์ ศุขทรัพย์นับอนันต์ เอนกยิ่งทุกสิ่งเอย ๚ะ
----------------------------