กลบทสุภาสิตคำเปรียบ

๏ น้อมวจีกายจิตรอุทิศสนอง เคารพไตรรัตนาธิคุณประคอง บำบวงผองเทพทั่วทุกพิมาน เคารพคุณครูบาบุพพารักษ์ บังคมบาทจอมจักรสยามสถาน ด้วยอำนาจเดชประณามนมัสการ จงเพิ่มพรคุ้มพาลภยันตราย ขอกล่าวคำร่ำนิพนธ์กลบท ประพันธ์พจน์ประเภทสุภาสิตขยาย เรียงระเบียบเทียบธรรมคำภิปราย บรรยายแยบนิติโดยรำพรรณเพียร

พระจันทร์ทรงกลด

๏ ลำบากก่อนก่อนที่ทำเห็นลำบาก หวนเหียนคิดคิดหากจักหวนเหียน ผ่อนเพียรทำทำไปก่อนค่อยผ่อนเพียร ปลงใจนึกนึกอย่าเวียนเปลี่ยนปลงใจ ประกอบการการอย่าละที่ประกอบ นิไสยผลผลก็ตอบตามนิไสย เปนไปตามตามเช่นที่เปนไป สำเนากล่าวกล่าวไว้ฟังสำเนา จักกลิ้งครกครกก็หนักหากจักกลิ้ง ภูเขาสูงสูงก็จริงแต่ภูเขา ใจเราเพียรเพียรให้แท้แน่ใจเรา ตรึกตรองใจใจอย่าเบาพึงตรึกตรอง ฯ ๖ คำ ฯ

อักษรสังวาศ

๏ อย่าฝ่าฝ่ายหมายเกินกำเริบเอิบ อ้างข้างเติบมิได้ตรึกตรองสนอง เห็นเช่นได้ใฝ่ด้วยข้างลำพองปอง ไม่ไตร่ตรองดูให้สิ้นนุสนธี์ยล จักหักโหมโจมเข้าจับด้ำพร้าง่า ตั้งจังกาหักด้วยเข่าจงยลผล ควรครวญใคร่อย่าให้ป่วยสกนธ์ตน ชอบสอบค้นเสียให้แจ้งแห่งการงาน แม้แน่ใจใคร่พึงพินิศกิจ ถ้าว่าผิดแล้วอย่าเพ่อบรรหารขาน เหมือนเยื้อนแถมแย้มโทษประจานปาน จงปลงจิตรคิดอย่าหาญแต่เดียวเจียว ฯ ๖ คำ ฯ

ธงนำริ้ว

๏ ช้าช้านึกตรึกไตร่ตรองให้ต้องกิจ ค่อยค่อยคิดคาดควรคำณวนเฉลียว ดูดูก่อนผ่อนให้สมที่กลมเกลียว จริงจริงแท้แน่เจียวอย่าจางใจ หมั่นหมั่นคิดที่ในกิจประกอบก่อ ตรองตรองข้อเสียให้ควรที่ขานไข รอรอรั้งสังเกตยลเลศกลใน อ่อนอ่อนไว้ดีกว่ากล้าอย่าแรงรัน คล้ายคล้ายคำร่ำว่าเหมือนฆ่าช้าง แท้แท้ทางหวังเอางาเท่านั้นนั่น เหมือนเหมือนกิจน้อยจ่ายใช้ทุนอัน มากมากครั้นคิดไม่คุ้มที่ขาดไป ฯ ๖ คำ ฯ

วิสูตรสองไข

๏ ผเดิมผดุงมุ่งมาตขนาดขนบ ให้แจ้งให้จบครบพิศนิสิทธิ์นิไสย อย่าเพลิดอย่าเพลินเมินพลั้งละลังละไล วิจารณ์วิไจยในเหตุสังเกตสังกา ระบินระบอบกอบการสมานสมัค ประจงประจักษ์แจ้งทีประสีประสา ใช่กมใช่การพานผิดประติดประดา ใช่ทางใช่ท่าอย่ายลกระวนกระวาย ใช่เรื่องใช่ราวกล่าวโทษประโยชน์ประหยัด พิบากพิบัติทัดทำระส่ำระสาย เสมอเสมือนเตือนตนทุรนทุราย ระคนระคายสิ่งซึ่งไม่พึงไม่พอ ฯ ๖ คำ ฯ

เสือส้อนเล็บ

๏ รู้ว่ายากหากเห็นเช่นว่าทุกข์ ทางนี้ศุขปลุกปลื้มลืมนี้หนอ รำพึงเพียรเวียนวนทนพึงพอ เพียงวนล่อต่อตั้งกังวลใจ ยลแต่อย่างต่างรู้อยู่แต่ยาก เหลือนิหากจากล้นพ้นนิไสย เหมือนคว่างจูชูเชิดเปิดคว่างไป ก็กลับใกล้ไคล้ยุดฉุดกลับมา สิ่งที่เบื่อเหลือเบือนเหมือนที่รัก ต่างร่ำผลักมักเปนเช่นร่าว่า รำคาญไหนใฝ่เฝ้าเข้าคานตา เช่นคอยท่าหาศุขทุกข์คอยรึง ฯ ๖ คำ ฯ

นาคบริพันธ์

๏ กุมภาพาลชาญชลาสาคเรศ สาครินทร์ถิ่นประเทศสำนึงสึง สำนักสู่อยู่ประจำอย่ารำพึง อย่ารำพรรณอันซึ่งจะว่ายชล จะว่ายชาญหาญกล้าดีกว่าสอน ดีกว่าสั่งฟังดูก่อนใช่เหตุผล ใช่เหตุเผื่อเจือจานป่วยการกล ป่วยการกอบชอบแต่ยลดูท่าทาง ดูท่าทีที่จะสั่งจะสอนศิษย์ จะสอนสู่ดูชนิดอย่าอางขนาง อย่าอ้างขนาดคาดคะเนคนึงพลาง คนึงพลอยคล้อยเปนกลางอย่าเอียงเอง ฯ ๖ คำ ฯ

เบญจพรรณห้าสี

๏ อย่าหยิ่งเย่อยกย่องลำพองพิศม์ อาจโอ้อิทธิ์อวดอ้างอย่างข่มเหง ขอดข้อนแข้นขู่ข่มให้เขาเกรง โฉดโฉงเฉงเฉาฉ่าชะล่าใจ ทำท่วงทีท่าทางวางจังหวะ โกงเกะกะก้าวก่อข้อคำไข ล้วนเล่ห์ลิ้นลวงลอดสอดกลไก เหน็บแนมในนึกน่าระอาคำ ถ้าถึงถ้อยถอยถดสลดหลบ จับจริงจบเจิ่นเจนก็เอนถลำ เหมือนไม้เมามูลมอดทอดทิ้งทำ กลับกลอกกล้ำเกลื่อนกลายคลายกำลัง ฯ ๖ คำ ฯ

ครอบจักรวาฬ

๏ รู้สิ่งไรร้ายแรงมากอย่าอยากรู้ หวังแว่วหูปากจะนิ่งอย่ากริ่งหวัง ดังหนึ่งฆ้องก้องเสียงสำเนียงดัง ตีหยุดยั้งยังกังวานนานกว่าตี ผิดคำกล่าวราวกับพาให้หาผิด ที่จะมิดอย่าพึงหมายมิใช่ที่ ดีแลชั่วตัวของใครนิ่งไว้ดี ควรต้องทำจำต้องชี้แต่ที่ควร ช้างตายเน่าเอาใบบัวปิดตัวช้าง สงวนข้างมิใช่ข้ออย่าพอสงวน ชวนเสียกิจผิดระบอบอย่าชอบชวน เดาอย่าด่วนใจหวังลำพังเดา ฯ ๖ คำ ฯ

หงษ์คาบพวงแก้ว

๏ มีการทำทำไม่ถูกถูกที่ผิด มีความคิดคิดไม่ต้องต้องโฉดเฉา จักโทษใครใครจะทำทำให้เรา นิ่งนึกเศร้าเศร้าโศกซ้ำซ้ำจนใจ เหมือนตาบอดบอดแล้วมามาได้แว่น ดูยากแสนแสนสุดสิ้นสิ้นนิไสย จับขึ้นลูบลูบคลำแล้วแล้ววางไป ตั้งแต่ใคร่ใคร่ครวญนึกนึกตื้นตัน จงตรึกตรองตรองให้รอบรอบรู้กิจ กอบการผิดผิดแล้วยากยากผ่อนผัน อย่าหุนหวนหวนใจดูดูสำคัญ ให้เหมาะมั่นมั่นแม่นมุ่งมุ่งระวัง ฯ ๖ คำ ฯ

ฟักพันร้าน

๏ จากเพียรเจียรเพื่อนเจื่อนพวกจาก ฝังให้ใฝ่หากฝากห่วงฝัง บังกิจบิดเกียดเบียดกลบัง ไยทนยลทั้งยั้งทุกข์ไย ตรึกสมตรมซร้องต้องสิ่งตรึก ไหนแล้วแนวลึกนึกเล่ห์ไหน ใดชื่นดื่นชวนด่วนเช่นใด ยลขำย้ำไขไย้ข่าวยล ผ่อนขัดผัดขันผันข้อผ่อน หนไรให้ร้อนห่อนรู้หน จนค้างจางคิดจิตรค่อยจน กายหวังกังวลกลว่างกาย ฯ ๖ คำ ฯ

นาคเกี่ยวกระหวัด

๏ ผู้ใหญ่สอนผ่อนตามให้งามเงื่อน เงื่อนงามความท่านเตือนเหมือนมุ่งหมาย หมายมุ่งตรองมองให้เห็นอย่าเว้นวาย วายเว้นเช่นเชิงหมายให้ควรการ การควรอย่าเพ่อหวนโกรธตอบต่อ ต่อตอบเห็นชอบข้อจึงไขขาน ขานไขคำถามทัดให้ชัดชาญ ชาญชัดจัดวิจารณ์ให้แจ้งใจ ใจแจ้งอย่าระแวงแคลงคิดผิด ผิดคิดคัดดัดจิตรอย่าหลงใหล ใหลหลงตามความเขื่อนกลับเกลื่อนไกล ไกลเกลื่อนกลับนับให้ใจดาลดวง ฯ ๖ คำ ฯ

นาคราชแผลงฤทธิ์

๏ คำคารมลมลิ้นเล่ห์อุบายบอก ออกบทเบื้องเยื้องยอกใจห่วงหวง จ้วงเหตุหาท่าช่องชี้นี่ไยยวง หน่วงยุดอย่างต่างตวงเมตตาใจ ไม่ต่างจิตรคิดว่าจริงทุกสิ่งล้วน ถ้วนแสนหลากยากประมวญหมดสงไสย ไม่สอดส่องดูให้ต้องตามเลศไนย ไต่เล่ห์นึกตรึกไตรดูท่วงที ดีทุกท่าทางมายามีหลายหลาก มากเหลือล้ำตามยากแต้มสอดสี ตีส่วนสองให้เห็นช่องชอบเชิงที ชี้ชวนทางอย่างแต่มีล้วนกลการ ฯ ๖ คำ ฯ

บัวบานกลีบขยาย

๏ ไม่ควรคิดก็อย่าคิดเข้าต่อล้อ ไม่ควรข้อขอดเขาด้วยโวหาร ไม่ควรเปนก็อย่าเปนเหมือนเช่นพาล ไม่ควรสมานอย่าสมัคสมาคม ไม่ควรรอก็อย่าต่อเข้าต้านตัด ไม่ควรทัดทานถ้อยอย่าทับถม ไม่ควรชิดอย่าสนิทสนมชม ไม่ควรข่มก็อย่าข้อนให้เคืองคำ ไม่ควรหาญอย่ารานให้ร้อนร้าว ไม่ควรกล่าวพึงระวังอย่าพลั้งถลำ ไม่ควรเปิดก็อย่าเชิตชูเงื่อนงำ ไม่ควรทำตรองท่าพยุงจูง ฯ ๖ คำ ฯ

อักษรสลับล้วน

๏ การก่อนกอบชอบช่องเช่นเห็นเหินห่าง จำจากจางหมางเมินม่ายฝ่ายฝ่าฝูง ยลเยี่ยงอย่างพ่างพื้นเพื่อเจือจานจูง สิ่งส่วนสูงมุ่งเมียงมาดคาดเคียงควร เอื้อนออกอ้างอย่างยิ่งยากบากเบือนเบี่ยง พูดพอเพียงเอียงอ่อนโอษฐ์โหดหวงหวน เพราะพริ้งพร้อมกล่อมกล่าวกลืนชื่นชอบชวน โลมเล่ห์ล้วนยวนแย้มยั่วทั่วท่วนทาง แถวถิ่นเถินเนินน่านน้ำข้ามเขตรโขด ห้วงหาดโหดโฉดเชื้อชักขวักไขว่ขวาง แม้ไม่มีที่ทัดทันกั้นกีดกาง แบ่งเบาบางข้างข้อคำร่ำรีรอ ฯ ๖ คำ ฯ

มยุราฟ้อนหาง

๏ ดูดูท่าอย่าเลินเล่อเผลอบ่อยบ่อย คุมคุมใจไว้อย่าปล่อยไปปร๋อปร๋อ เหมือนเหมือนอย่างทางที่เปนเช่นพอพอ ตรองตรองใจที่ในข้อให้ควรควร เปรียบเปรียบว่าบุตรภรรยาคนใช้ใช้ ปล่อยปล่อยปละละให้ฮึกหวนหวน เฉยเฉยเสียไม่สั่งสอนข้อนชวนชวน กล้ากล้านักมักก่อกวนจะแรงแรง มีมีแต่ต่างจะดื้อถือปึ่งปึ่ง ข้อนข้อนข้างวางข้อขึงขึ้นแขงแขง คล้ายคล้ายช้างห่างขอมักแคลงแคลง ชวนชวนชักมักระแวงจงจำจำ ฯ ๖ คำ ฯ

ยัติภังค์

๏ ครูสอนสอนก็ได้แต่ใจภัก ดีต่อต่อที่รักทุกคำสำ เหนียกกล่าวกล่าวคิดพินิจดำ ริห์รอบรู้รู้จำสุนทรภา สิตเปรียบเปรียบแม้นเหมือนหนึ่งสัง คีตดีดดีดประดังทุกสิ่งสา มารถพร้อมพร้อมเพราะเสนาะอา ไลยชวนชวนกระบือว่าให้ฟังบรร เลงขับขับก็ป่วยเวลาปรา รภเรื่องเรื่องจะหาฤารู้ฉัน ใดเพราะเพราะจะเพียรก็ยากพรร ณาสอนสอนพาลนั้นย่อมยากแสดง ฯ ๖ คำ ฯ

ละเวงวางกรวด

๏ ผู้แพ้พ่ายผ่อนหลบหลีกลับเลี่ยง พึงพอเพียงอย่าควรข่มขัดแขง จวบเจียรจวนจนท่ารุกร้าแรง พล้ำพลาดแพลงพลั้งตนจักจนใจ เหี้ยมฮึกเหิมหาญนักมักมึนม่อย น้ำหนองน้อยแหนงเพลิงสิ้นสงไสย หมิ่นเมินมากหากกลับกลัวเกลื่อนไกล เห็นเหตุให้หวนแปรแท้ทางที ดูใดโดยดูให้ต้องเชิงชอบ รู้เรื่องรอบอย่าระแวงหน่ายแหนงหนี พึงเพ่งพิศคิดหาท่าท่วงที โอบอ่อนเอื้ออารีการเกื้อกูล ฯ ๖ คำ ฯ

กินรรำ

๏ ขจัดจิตรชนิดหน่ายระคายข้อง ระเบียบเบื้องตระเตื้องต้องสนองหนูน คดีดูจะชูช่องประคองคูณ จะลึกลับจะพับภูลประมูลมี คนึงนึกตริตรึกตรองละบองแบ่ง ระบินเบื้องยุเยื้องแย้งแขนงหนี คเนนับสดับดูกระทู้ที จะต้านต่อฤรอรีคดีดู พินิจแหนงระแวงวนฉงนเงื่อง จะค้านคัดประหยัดเยื้องณเรื่องรู้ จะหมองหมางระคางคิดจะชิดชู กระแสศัพท์สดับดูจะรู้รา ฯ ๖ คำ ฯ

เจ้าเซ็นเต้นต้ำบุด

๏ สุดค้นสนข้อส่อคำสอน เห็นข้อนห่อนควรหวนคิดหา เรื่องต้องร้องต่างร้างตำรา ยิ่งท่ายากทางอย่างที่ยล สอนพาลสารเพียงเสียงภาสิต สิ้นคิดสุดแค้นแสนขัดสน ยากพ้อยอพาอย่าพึงยล เกียจปนกลปองกองป่วยการ แก้วเพ็ชร์เก็จผ่องก่องผิวก่ำ หากล้ำให้เหล่าแห่งลิงหาญ นึกไว้ในว่าน่าหวังนาน แรงค้านรานคำร่ำคนเรา ฯ ๖ คำ ฯ

นารายน์ประลองศิลป์

๏ สำเนาเขาสำนวนควรสำเหนียกคิด ประกิตชิดประกอบชอบประกันเฉา คนึงดึงขนัดดัดคเนเดา มิเศร้าเหงามิส้อนงอนมิสิ้นงาม ระบินลิ้นระบายลายระเบียบเลศ นิเทศเหตุนิทัศน์หัดนิทานห้าม ประจบนบประจักษ์นักประจงนาม จะซามตามจะเสริมเติมจะเสื่อมตน ฉลาดปราชญ์เฉลียวเปรียวเฉลยเปรียบ ประเทียบเพียบประทับพับประเทืองผล ขนานการขนอบกอบขนบกล จะยลบนจะเยื้องเบื้องจะยากบัง ฯ ๖ คำ ฯ

ฉัตรสามชั้น

๏ กล่าวคำคิดจิตรจำคิดคำกล่าว หวังว่าควรสวนสาวหาควรว่าหวัง ฟังความในให้แน่ตามในความฟัง ควรให้ตรองต้องตั้งใจตรองให้ควร เหตุผลเปนเช่นใดยลเปนผลเหตุ หวนหักใจให้สังเกตุใจหักหวน ครวญใคร่ความงามใจความใคร่ครวญ กลเล่ห์ล้วนรวนเรล้วนเล่ห์กล น่าหลังคิดจิตรยั้งคิดหลังน่า ผลเห็นทางอย่างท่าเช่นทางเห็นผล ตนหลบหลีกปลีกซบหลีกหลบตน การแบ่งพอให้พ้นแหนงพอแบ่งการ ฯ ๖ คำ ฯ

กบเต้นต่อยหอย

๏ ใจหวนคิดจิตรห่วงข้องคือขุมทุกข์ ไม่จืดส่างหมางจากศุขในสงสาร ปางเมื่อเห็นเปนมาให้ใจรำคาญ ชวนต่อกอบชอบแต่การลำบากกาย เพื่อตัณหาพาเตือนให้เปนห่วงยุด เปลื้องไม่ลงปลงไม่หลุดสุดสิ่งหมาย ลูกที่รักลักที่รู้อยู่ทุกราย เปนเช่นบ่วงปวงชนบ่ายไม่พ้นคอ เหตุโลภมากหากลาภมุ่งบำรุงจริต เหลือทางปลดลดทิ้งปลิดจริงเจียวหนอ ที่สันดานท่านสันโดฐประโยชน์พอ มาตรไม่เตือนเหมือนไม่ต่อส่อเค้ามูล ฯ ๖ คำ ฯ

สร้อยสน

๏ จะเผื่อแผ่แผ่ผลพิศพื้นพืช พืชที่ที่นั้นจืดป่วยปุ๋ยหนูน หนูนเปล่าเปล่าเปลืองเชื้อที่เกื้อกูล กูลกิจกิจจะภูลพอภูมิ์ยล ยลสิ่งสิ่งไรเกินกว่าแรงมาก มากเพียรเพียรภาคแต่เพียงผล ผลได้ได้โดยที่ลำพังตน ตนคิดคิดผ่อนปรนปรองดองใจ ใจจะเอื้อเอื้อเฟื้ออย่าเหลือส่วน ส่วนแบ่งแบ่งที่ควรจึงค่อยให้ ให้มากมากพ้นประมาณไป ไปเนิ่นเนิ่นอย่าเกินในความอารี ฯ ๖ คำ ฯ

โตเล่นหาง

๏ อย่าจงเจียดเบียดเบียนทรัพย์กับผู้ยาก ถึงน้อยมากหากคิดไปไม่ถูกที่ ดูเหลือแค่นแสนลำบากยากจะมี ใช่วิถีที่จะเดินเขินใจตน เหมือนหาเลือดเชือดตีนปูดูเปนขัด จะลิดลัดตัดต่อยหักสักพันหน ก็เห็นเหนื่อยเมื่อยมือเปล่าเศร้าใจจน ยากจะค้นพ้นแห่งหาน่าอายใจ กอบการกิจคิดผันผ่อนอ่อนโอบเอื้อ ตรองจิตรเจือเชื้อเชิงชัดอัชฌาไสย อารีรอบกอบเมตตาปรานีใน สิ่งชอบให้ใจแช่มชื่นรื่นรมย์ยล ฯ ๖ คำ ฯ

ละลอกแก้วกระทบฝั่ง

๏ การไรทำกิจร่ำถึงอย่าพึงทิ้ง คิดโดยใจคาดได้จริงเปนสิ่งผล ท่าเกิดชอบทางกอบช่วยอำนวยตน หวังสิ้นทุกข์ไว้ศุขทนผ่อนปรนปรือ แม้แจ้งทำไม่จำทอดธุระร้าง หากแผกคิดเห็นผิดข้างไม่ควรถือ ใจตรองนึกจิตรตรึกหน่วงให้แน่มือ เพลี่ยงที่ค้างพลาดทางคือคิดใคร่ครวญ สิ่งไรทำสอบร่ำท่องให้ต้องที่ อย่าเบือนหน่ายอย่าบ่ายหนีไปโดยด่วน หวังผู้อื่นเว้นพื้นเองเกรงไม่ควร เช่นทางเลี้ยวชักเที่ยวล้วนป่วนใจงง ฯ ๖ คำ ฯ

มังกรคาบแก้ว

๏ กอบกิจใดให้พินิจดูกิจกอบ หลงอย่าลืมปลื้มแต่ชอบที่อย่าหลง พงษ์พื้นเผ่าเหล่ามิตรพิศพื้นพงษ์ ไกลใกล้เรียงเคียงคงวงษ์ใกล้ไกล แผ่เผื่อจิตรคิดโอบเอื้อจักเผื่อแผ่ ไหนที่ควรครวญให้แน่แท้ที่ไหน ใจที่รักจักอารีดูที่ใจ ควรจะผ่อนหย่อนให้อย่างไรจะควร ที่ควรให้ฤาไม่ให้ให้ควรที่ หวนหักจิตรคิดให้ดีอย่าหักหวน ครวญใคร่ความตามทำนองตรองใคร่ครวญ พรายแพร่งมีแต่ที่ควรจะแพร่งพราย ฯ ๖ คำ ฯ

กบเต้นสามตอน

๏ ใช่การชาญกอบชอบกิจ เพ่งมองผองมิตรพิศหมาย ข้อกล่าวข่าวกล้ำคำกลาย เหมือนแทนแม่นทายหมายที ตริจงตรงจองตรองแจ้ง เยื้องหน่ายย้ายแหนงแย้งหนี หลีกเดาเลาด่วนล้วนดี ท่าหมางทางมีที่มา คำร้อนข้อนแรงแข่งรู้ เพื่อนหูผู้หาญพาลหา เช่นเพื่อเชื่อพักชักพา น้อยอับนับอ้าน่าอาย ฯ ๖ คำ ฯ

กินรเก็บบัว

๏ อย่าพึงด่วนพึงดูให้รอบคอบ จะควรชอบควรชังฟังเงื่อนสาย จงตรองน่าตรองหลังสังเกตกาย อย่าคิดหมายคิดมุ่งแต่ใจตน หากจะโกรธจะแค้นแสนสาหัศ พึงประหยัดประโยชน์เพ่งให้พอผล แม้ควรหยุดควรยั้งซึ่งกระมล อย่าทุรนทุรายหวังลำพังใจ สิ่งที่ร้าวที่รานประหารหัก แล้วจะชักจะให้ชอบอย่าสงไสย พึงคำณวนคำนึงคเนใน ที่สิ่งไรสิ่งร้อนผ่อนใคร่ครวญ ฯ ๖ คำ ฯ

ตรีพิธพรรณ

๏ สกุลลักษณ์ลักษณส่อนรลักษณ์ พิศผิวภักตร์ภูมิ์ภักตร์จะภักสงวน ทั้งถ้อยคำคมคำทุกคำควร ฟังสำนวนน้ำนวนชะนวนใน เมื่อต่อหน้าดูหน้าก็น่าคบ ลับหลังหลบเหลือหลบหลบไม่ไหว ดูแสนกลซ่อนกลซ้อนกลไก ล้วนเลศในแนมในอยู่ในที พอเห็นท่าพลั้งท่าเปนท่าได้ ก็ตรองใจกริ่มใจเอาใจหนี ใครหลงลมเชื่อลมลิ้นลมมี ก็แต่ที่ถึงที่ที่อัปมาณ ฯ ๖ คำ ฯ

พยัคฆ์ข้ามห้วย

๏ ไม่ควรล้อก็อย่าเพียรเล่นเลียนล้อ ดูสัณฐานที่จะยอพอภูมิ์ฐาน รู้ว่าพาลแล้วอย่าชิดสนิทพาล อัชฌาชนยลประมาณในเชิงชน ความถือผิดจิตรชอบแต่เช่นผิด ไม่ใช่ผลที่จะคิดตรองเหตุผล ถือใจตนตามหวังลำพังตน พึงตรองเพียงใจจนให้พอเพียง แม้พลาดท่าพาถลำซ้ำเสียท่า จะแส้เสียงเซ็งซ่าเขาสรวลเสียง จะแคะเคียงค่อนเปรียบพูดเลียบเคียง จงเยื้อนยลแยบเยี่ยงให้ควรยล ฯ ๖ คำ ฯ

ตรีประดับ

๏ จะจับจองจ่องจ้องสิ่งใดนั้น ดูสำคัญคั่นคั้นอย่างันฉงน อย่าลามลวงล่วงล้วงดูเลศกล ค่อยแคะคนค่นค้นให้ควรการ อย่าเคลิ้มคลำคล่ำคล้ำแต่ลำโลภ เที่ยวหวงห่วงห้วงละโมภละเมอหาญ สิ่งใดปองป่องป้องเปนประธาน อย่าด่วนดานด่านด้านแต่โดยใจ จับปลาชอนช่อนช้อนสองกระถือ ข้างละมือมื่อมื้อจะมั่นไฉน เพื่อระแวงแว่งแว้งพลิกแพลงไป ครั้นจะวางว่างว้างไว้ดูลานเลว ฯ ๖ คำ ฯ

ก้านต่อดอก

๏ เปนผู้น้อยน้อยหน้าสังเวชเนตร อย่าบังเหตุหาญข้ามปล่องเปลวเหว กำลังน้อยถอยแรงย่อมเร็วเลว รู้ว่าเปลวไฟฝอยอย่าชุมรุม แม้ควรดับดับไว้ให้มิดชิด ไม่ควรปิดปกป้องอย่าคลุมสุม ที่สูงยศลดหาอย่ารุมคุม เอาโทษทุ่มทับท่านไม่งามความ เหมือนไม้ซีกฉีกช้อนค้อนคัดงัด คุ้ยเขี่ยคัดขอนซุงทำสามผลาม ถ้าเพลี่ยงพล้ำซ้ำพล่ายป่ายลามปาม เหมือนหาความทุกข์ใส่สกนธ์ตน ฯ ๖ คำ ฯ

กะแตไต่ไม้

๏ ไม่ควรหาถ้าเห็นหาควรไม่ หนแห่งรู้อยู่อย่างไรใช่แห่งหน จนใจจำซ้ำให้จำใจจน คำกล่าวหากจากตนที่กล่าวคำ ช่อนสิ่งใดไม่เปิดจริงที่สิ่งซ่อน ถลำคำให้เขาข้อนเพราะคำถลำ งำเงื่อนปิดผิดเหมือนเปิดเชิดเงื่อนงำ ที่เชิงลับกลับจะนำในเชิงที บอกเล่าเหตุเลศเลาเขาเล่าบอก ชี้ช่องโพรงให้แก่รอกใช่ช่องชี้ ดีสิ่งเดียวแต่ที่นิ่งเปนสิ่งดี เออออไปมิใช่ที่จะออเออ ฯ ๖ คำ ฯ

กบเต้นสลักเพ็ชร์

๏ ยลแต้มผู้อยู่ตามเพื่อนเยื้อนต่อภักตร์ เหิมใจเพลินเหินจิตรผลักหักจักเผลอ ยามลาภมากยากโลภมาอย่าละเมอ รังแต่จำร่ำตั้งเจ๋อเร่อตามใจ ตัวไม่ยลตนเมินอย่างต่างมากหยิ่ง ทางนี้ศุขทุกข์นั้นสิ่งทิ้งนิไสย มีก่อนจนมนเกินเจียนเมี้ยนแก่ใจ เยี่ยงท่าหมางอย่างเทียบไหมไยที่มี งอกเกินตอนงอนเกินตามงามก่อนแต่ง เคลิ้มสู้หน่ายคลายส่วนแหนงแคลงสิ่งหนี พวกแจ้งหยันพันธุ์เจอะเยื้อนเพื่อนจวบยี แท้ช่องหมายทายเช่นมีชี้ทางมา ฯ ๖ คำ ฯ

อักษรล้วน

๏ ย่อมยลยิ่งอย่างยอดยากยกยอ หน่ายแหนงหนอหนางนึกหน้าเหนื่อยหนา จำใจจนจริงเจียวจักเจรจา ด้วยดื้อดาเดียวโดยดัดใดดี สุดสิ่งสรรพสอนสิ้นสักแสนเสศ ทั่วทุกเทศทางท่าท่วนทิศที่ มอดม้วยมาดมุ่งเมินไม่มองมี ล้วนเลิกลี้เลงลับละลานแล การเกียจกลเกินกิจก่อนกายกอบ เห็นเหตุหอบหากให้เหินห่างแห ร้างเรียนไร้แรมรู้เริศรอแร พ้นพากย์พ้อเพียรแพ้เพียงพวกพาล ฯ ๖ คำ ฯ

รักร้อย

๏ ผู้ดุร้ายร้ายแรงแล้วแหนงหน่าย อย่าหมิ่นหมายหมายมาดอวดอาจหาญ อย่าขู่ข่มข่มคำให้รำคาญ ทำพะพานพานพ้องให้หมองกัน สันดานคนคนร้ายนิไสยดุ มุทลุลุอำนาจมาก่อนนั้น กลับความคิดคิดดับระงับครัน ที่แผลคันคันเก่าอย่าเกากวน เห็นเสือนอนนอนระวังอย่าพลั้งท่า มีไม้อย่าอย่าแหย่เข้าแส่สวน หากว่าตื่นตื่นตกใจสิไม่ควร พึ่งใคร่ครวญครวญใคร่ให้วิจารณ์ ฯ ๖ คำ ฯ

กบเต้นกลางสระบัว

๏ คิดมาดคาดมั่นสำคัญคิด หาญใจให้จิตรเหมือนคิดหาญ การตนกลตั้งระวังการ ตรองนึกตรึกนานคนึงตรอง เช่นใดใช้ดูให้รู้เช่น หมองใจไม่เจนเจิ่นจิตรหมอง ปองไรไป่รอบอย่าริปอง ควรมั่นคั้นมองให้สมควร จับงูจู่ง่ายจะหมายจับ หวนกลางหางกลับเกลือกหกหวน ชวนหลบซบเล่ห์หากเซชวน มัวที่มีท่าล้วนมวนมึนมัว ฯ ๖ คำ ฯ

สบัดสบิ้ง

๏ เห็นท่านที่มีทรัพย์จะจับจะจ่าย ดูฟูมฟายมิได้หน่วงจะห่วงจะหัว ทั้งเก็บได้ใช้พลันไม่พันไม่พัว อย่าเผลอตัวตามท่านใช่การใช่กล เรามีน้อยค่อยจำกัดขยัดเขยี่ย ไม่ควรเสียก็อย่าจ่ายกระส่ายกระสน ทำได้น้อยใช้น้อยระค่อยระคน อย่าเดือดร้อนดิ้นรนกระวนกระวาย เห็นช้างใหญ่ถ่ายมูลอนูนอเนก อย่าโหยกเหยกถ่ายตามระส่ำระสาย พิศสกนธ์ยลธรรมเนียบระเบียบระบาย จงตริกายตรองกอบระบอบระบิน ฯ ๖ คำ ฯ

วัวพันหลัก

๏ ไม่ใช่การที่จะภารหุงเข้าคด คดตะกุยคุ้ยประชดสุวาณถวิล ถวิลหวังตั้งใจจะให้กิน กินเท่าไรไหนจะสิ้นที่หิวมา มาคิดดูมิใช่กิจจะคิดกอบ กอบการกิจคิดให้ชอบทั้งหลังน่า ถ้าเหน็ดเหนื่อยเมื่อยหนักเชือนชักพา พาป่วยการเสียเวลาที่หุงทำ ทำสิ่งไรควรให้คิดพินิจก่อน ก่อนที่ทำจำที่สอนอย่าเพลี่ยงพล้ำ พล้ำพลาดท่าพาขาดทุนมิควรทำ ทำเสียกำแล้วจะซ้ำเสียกอบเติม ฯ ๖ คำ ฯ

สาระถีชักรถ

๏ ควรคิดนึกตรึกส่วนไม่ควรคิด สอดเสิมกิจให้ตลอดจึงสอดเสิม ต่อเติมตามงามเงื่อนพอค่อยต่อเติม ผิดทางเดิมโดยที่คิดเห็นผิดทาง ประโยชน์ให้ให้เห็นที่เปนประโยชน์ ที่หมางโทษเหมือนที่มีที่หมาง ระคางจิตรคิดน่าจะพาระคาง ไว้มีอย่างอ้างเทียบเปรียบไว้มี เห็นแล้วการที่เปนเขาเห็นแล้ว เก็บหนีปลาอย่าใกล้แมวให้เก็บหนี ไม่มียิ่งปิ้งประชดหมดไม่มี เลื่อนลอยเปล่าเล่าใช่ที่จะเลื่อนลอย ฯ ๖ คำ ฯ

สุรางคระบำ

๏ อย่าคิดมาดขาดมั่นสำคัญมุ่ง ในทางฟุ้งทุ่งเฟื้อที่เทื้อฝอย ไม่แน่เรื่องเนื่องเร้าสำเนารอย เปนข่าวพลอยคอยพล่ำด้วยคำเพลิน ไม่เข้ากิจคิดการรำคาญกอบ ไม่รู้ขอบรอบขายเปนรายเขิน คิดทำได้ไถ่เดียวเฝ้าเที่ยวเดิน อย่าเห็นเกินเหินการทำหาญกาย ที่จักมุ่งจุงมองที่จองมั่น อย่าผลักหันพลันห่างพลั้งพลางหาย ในเรื่องคำร่ำข่าวที่ร้าวระคาย คำภิปรายภายเปรียบเพียบปรวนแปร ฯ ๖ คำ ฯ

ดวงเดือนประดับดาว

๏ การกิจชิดเช่นเห็นเหตุโหด ทางโทษโฉดเชื้อเนื้อแหนงแหน เกลี่ยกลบลบเลือนเขือนชวนแช กลแก้แท้ทำงำเงื่อนเงา ลวงเล่ห์เททอดสอดเสแส้ง เกลื่อนแกล้งแต่งต่อข้อขำเขา ยกอย่างอ้างอวดลวดเลศเลา กล่าวเกลาเนาแนบแยบยลยวน ปกปิดมิดเม้นเส้นเสี้ยนสิ้น ลมลิ้นยินเย็นเห็นหกหวน ฟังเฝือเหลือล้ำคำคมควร เล่ห์ล้วนป่วนปิดกิจกลการ ฯ ๖ คำ ฯ

ช้างประสานงา

๏ สิ่งใดเปนเช่นธรรมดากิจ มีโดยการฐานชนิดนิไสยสานต์ ในสิ่งสิ้นโดยระบินบุราณนาน บร้างเนิ่นแน่ประมาณประมวญยล เปรียบเหมือนอย่างค่างลิงกับต้นไม้ ก็ต่างมีฝักฝ่ายใจฝึกฝน ชอบแฝงฝ่าหาตามประเภทตน เปรียบเพียงต่างอย่างทุพลลำพองกาย เหล่าพื้นกิจทุจริตไม่ต้องสอน มีตามส่วนล้วนข้อนจะเกินหมาย ใจกอบมั่นสันดานกระด้างกาย กระเดื่องกิจติดแต่ร้ายในตนเอง ฯ ๖ คำ ฯ

พวงแก้วกุดั่น

๏ ให้รู้การรู้ประมาณประมวญกิจ ให้รู้ผิดรู้ชอบอย่าโฉงเฉง ให้รู้กลรู้ประกอบรู้ชอบเพลง ให้รู้ละเบงรู้ระบอบรู้รอบการ ให้รู้กำลังหวังที่รู้ดูระเบียบ ให้รู้เทียบรู้ทันรู้สัณฐาน ให้รู้เชิงชั้นสันทัดรู้ชัดชาญ ให้รู้วิจารณ์รู้แจ้งให้เจนใจ ให้รู้กล้ารู้กลัวรู้ทั่วอย่าง ให้รู้ทางรู้ทิศพินิจไฉย ให้รู้รอบผลเหตุรู้เลศใน ให้รู้ไว้ให้เปนหลักรู้จักกระบวน ฯ ๖ คำ ฯ

ดำเนินนางสระ

๏ พึงเพ่งเลงเลศสังเกตกิจ จองจิตรชิดชอบพึงสอบสวน ตรองตรึกนึกนบดูทบทวน เผลอพลางห่างหวนมักจวนจน พื้นพาลการกอบระบอบบท งามงดชดช้อนคิดผ่อนผล สินทรัพย์จับจ่ายอย่าป่ายปน ฝ่าฝากยากยลจักจนใจ เที่ยงแท้แน่นักประจักษ์จิตร ใช่เช่นเกณฑ์กิจลิขิตไข ผันผ่อนหย่อนยลเชิงกลไก หน่วงนึกตรึกไตรไว้ได้ดู ฯ ๖ คำ ฯ

ตรีเพ็ชร์พวง

๏ การสิ่งไรไร่ไร้ที่เรียนร่ำ ย่อมเพลี่ยงพลำพล่ำพล้ำพลั้งตาหู หลนปลาร้าร่าราเร่หาครู ย่อมอดสูสู่สู้ซังกายทำ วิชาสอนซ่อนซ้อนผู้เกียจกล แม้หมั่นคนค่นค้นไม่ลึกขำ ถึงเลวลวนล่วนล้วนก็กำ หนดใจจำจ่ำจ้ำให้เจนจริง ไม่ควรวางว่างว้างระหว่างวัน ส่วนสำคัญคั่นคั้นทุกสิ่งสิง เปนที่ปองป่องป้องปิ้มประวิง เช่นยายิงยิ่งยิ้งกำเบือนบัง ฯ ๖ คำ ฯ

ม้าเทียมรถ

๏ กำลังมากหากประกอบแต่เกียจคร้าน เกียจคร้านการงานงงพะวงหลัง พะวงหลังตั้งไว้ฝ่ายลำพัง ลำพังตนยลยั้งไม่ตรองการ ตรองการใดไม่สำเร็จเสร็จการกิจ การกิจกอบมิได้คิดให้แตกฉาน แตกฉานชัดจัดให้เจนเช่นเชิงชาญ เชิงชาญกอบการอย่าคร้านกาย คร้านกายมักชักพาหาถ้าขัด ถ้าขัดขวางอย่างขจัดให้จากหาย จากหายเพียงเลี่ยงศุขสู่ทุกข์ทาย ทุกข์ทายทับนับแต่รายจะยากยล ฯ ๖ คำ ฯ

เทพชุมนุม

๏ หวานเพลินเกินการจนหวานสิ้น ฉุนชื่นลิ้นกลิ่นกลั่นล้วนสรรค์ผล เพียรปั้นป้อนข้อนคั้นขึ้นบันปน จวนเจียนจนยลยวนเช่นชวนพะวง พึงกริ่งตรองจองแจ้งแส้งสิ่งยั้ง เฟื่องฟุ้งฟังพลั้งแพลงคลังแคลงหลง ปางปองจองแจ้งแห่งจริงจง ง่วงโงงงงปลงเปลื้องเครื่องลังเล ปะทะที่ทีท่าระอาท้อ มิใช่ข้อส่อแต่จะแส่เส ไฉนหนอต่อจะรู้สิปรูเปร ถ้าคเนดูในทีน่ามีไภย ฯ ๖ คำ ฯ

คมในฝัก

๏ คำคมคนฟังกำหนด จดจำดูพยศไฉน ผันผ่อนคิดจะฉันใด ให้ทางท่าดูในที ควรที่ชอบอย่าด่วนได้ ไว้แบบอย่างอย่าหน่ายหนี ตริใคร่ครวญตามวิธี ดีฤาย่อมมีทาง ตรึกตรองก่อนรฦกถวิล ลิ้นลมเล่ห์อย่าหมิ่นหมาง ควรไม่จืดอย่าชวนจาง สางเสาะสืบอย่าร้างรอน ฯ ๖ คำ ฯ

งูกลืนหาง

๏ ให้รู้สึกตรึกใจดู นึกผันผ่อนนอนตรึก อย่าจู่จรทางเดินดู ให้ควรแรมรอรอน ไม่ควรข้ออย่าต่อทวน ต่อแต้มแถมก็แต่พอ อย่าก่อแกมเกินอัชฌา ที่พลั้งเพลินเนิ่นแนมมี ที่สิ่งร้ายอย่าประวิง อย่าเสียดสีหนีหน่าย ควรพอดีคิดดูส่วน อย่าเผลอตนยลที ฯ ๖ คำ ฯ

นกกางปีก

๏ อย่าโกรธเกรี้ยวพิโรธเรื่อง ในข้อเคืองไม่พอผล อย่าร้ารานตรองท่ายล ดูเล่ห์กลคะเนใน เช่นตีวัวให้เจ็บเปล่า อย่าร้อนเร้าไปก่อนไข้ จงตรองตรึกให้ต้องใจ จะด่วนได้ไม่ควรการ ไม่ควรที่สงวนงด พึงออมอดถ่อมสมาน คิดเผื่อเลือกไว้ใจวิจารณ์ อย่ารอนรานจงผ่อนตรอง ฯ ๖ คำ ฯ

คุลาซ่อนลูก

๏ รักษาชื่อจงไว้ชื่อให้สมทรง สงวนวงษ์วงษ์ดำรงงสนอง เสงี่ยมตนตนอย่าลำพอง เห็นควรตรองตรองให้ต้องตา ที่ควรสูงสูงพยุงหมาย จะถ่อมกายกายแต่พอหน้า จะซ่อนคมคมดูอัชฌา หากมีท่าท่าอย่าเกลื่อนไกล ควรเปิดช่องช่องเชิงชนิด ควรที่พิศพิศตามนิไสย ที่ชั้นเชิงเชิงโดยเลศใน ที่จริงใจใจค่อยไขแสดง ฯ ๖ คำ ฯ

ลอยหลังเข้าคลอง

๏ แถลงกิจผิดการกอบระบอบคิด ใจระแวงแหนงฉงนจนใจแคลง ไฉนนั้นคั้นเค้นคาดมาดมุ่งมั่น ตรองท่าไว้ให้คงจงแจ้งใจ ช่องชอบที่รอบรู้ดูต่อตอบ จำจดจ้องต้องคิดด้วยจิตรปอง ขำคมพอสมแสร้งแฝงลมข่ม นวลน้ำที่คำกล่าวข้อข่าวนำ หวนจิตรหากผิดเล่ห์คเนคิด แปรปรวนกลับชวนชักยักเรรวน แหห่างดูอย่างเห็นเปนต่างต่าง เกรงแต่คิดแม้จิตรหากยากยิ่งแล ฯ ๖ คำ ฯ

ม้าลำพอง

๏ รักบุตรดุจเช่นเกลียด เฉงโฉงชักนักเบื่อ เองใจจนทนจำ ใจตรอมเกรงกริ่งยิ่ง ยากแสนแค้นขัดคิด ไฉนหากพรากจัก ไยเยื่อเปนเชื้อชิด จนจำให้ใจหัก เทียบทับกับนมเปรียบ ล้นอกเพียบใหญ่ยิ่ง ทนสู้ยากบากบั่น รอนบั่นพ้นจนใจ ฯ ๖ คำ ฯ

กลมกลืนกลอน

๏ สันดานดื้อยากดัดแสน สันดานหากผ่อนผันสุด สันดานร้ายรอนบั่นเหลือ สันดานสอนใจยากยิ่ง ไม่มีสิ่งเปรียบที่หมด ไม่มีเทียบไขคำยาก ไม่มีใครใจจักรู้ ไม่มีนิไสยเพียรหมดครู ยากที่ดัดจิตรยากยิ่ง ยากที่คิดเหียนหันหวน ยากที่ว่าเวียนวนกลับ ยากที่เพียรเมินหลบซ้ำ ฯ ๖ คำ ฯ

ลิ้นตะกวด

๏ อนึ่งเมียมิตรชิดตนอันร่วมรัก อย่าหลวมหลักตรองท่าอย่าห่างเหิน จะไว้เนื้อเชื่อหน้าอย่าพลางเพลิน อย่าหมางเมินหมั่นนึกตรึกตรองการ ดูลาดเลาเหลี่ยมเล่ห์อย่าพลาดพลั้ง จะยาตรยั้งอย่าให้หมองสมาน ความลับลึกตรึกตราอย่าลองลาน เช่นท้องธารถานถิ่นยะยวนยล เหลือคเนเล่ห์ล้ำคำคาดคิด มุ่งมาดมิตรหมิ่นหมายฝ่ายหวนหน ดูแยบคายลายล่อก่อกวนกล หากจวนจนจักซ้ำช้ำใจเรา ฯ ๖ คำ ฯ

ดอกไม้พวง

๏ ไม่ควรคิดจิตรหวนอย่าด่วนได้ ไม่ควรคิดจิตรใจอย่าโฉดเฉา ไม่ควรคิดจิตรตรึกอย่านึกเดา ไม่ควรคิดจิตรเราให้เร่งตรอง สิ่งใดที่หมายฝ่ายมุ่งมาด สิ่งใดที่หมายคาดท่านทั้งผอง สิ่งใดที่หมายคิดในจิตรปอง สิ่งใดที่หมายต้องให้ตรองใจ หากแม้ไม่สมอารมณ์ตรึก หากแม้ไม่สมนึกจะคิดไฉน หากแม้ไม่สมที่นิยมใจ หากแม้ไม่สมคเนเสียเวลา ฯ ๖ คำ ฯ

เมขลาโยนแก้ว

๏ ยังไม่เห็นเช่นคิดหมายอย่าหมายคิด พิศให้แน่จึงควรหา ดูรู้ให้แจ้งให้เจนตา แน่แท้ว่าจะฉันใด ดีที่ตรงที่ตรองตรึก นึกดูให้สิ้นสิ่งสงไสย แล้วอย่าคาดบังอาจใจ เพ่งเลงให้จงแน่นอน ใจให้สัจจังที่หวังคิด กิจกอบให้จริงอย่าทิ้งถอน นักมักเหชักเรรอน รวนชวนหย่อนประโยชน์ดี ฯ ๖ คำ ฯ

กลอนแปด

๏ พาลทุพลยลปราชญ์อาจเอิบจิตร เข้าแข่งคิดขันถ้อยธรรมวิถี โวหารอ้างขวางหูหมู่กระวี ก็เลี่ยงลี้หลีกรำคาญใช่การกล สุกรเกลือกเปือกปนทุคนธชาติ สีหราชผาดพิศแสยงขน แสนรังเกียจเกลียดไกลไม่ใกล้สกนธ์ สุกรยลกระหยิ่มใจหมายว่ากลัว อันผู้ที่มีปัญญาปรีชาชาติ ย่อมสามารถรู้กระบวนอยู่ถ้วนทั่ว ที่ร้ายร้อนผ่อนเบาไม่เมามัว รักษาตัวใจตั้งไม่จางเจือ ฯ ๖ คำ ฯ

กลอนแปด

๏ เห็นท่านต่ำแล้วอย่าก้ำอย่าเกินนัก สมทบทักทับถมให้ล้นเหลือ อัชฌาไสยไมตรีตรองใจเจือ ไว้ไยเยื่อเผื่อหน้าดีกว่าชัง พยัคฆ์ผอมย่อมกวางประมาทหมิ่น ใช่จะสิ้นเล็บเขี้ยวอย่าควรหวัง ถึงแรงน้อยถอยถดลดกำลัง พยดยังยากจะหายเพราะลายคง หากโกรธเกรี้ยวเขี้ยวเล็บสลัดลัด ตะกุยกัดขบคั้นไม่ทันผวง ครั้นรู้สึกนึกได้สิใจงง ตลึงหลงพลั้งท่าพาเสียที ฯ ๖ คำ ฯ

กลอนแปด

๏ อุรคะราชอาจแผลงสำแดงฤทธิ์ ลำพังพิษเพียงภาณุรังษี เสงี่ยมเงื่องเชื่องแช่มในเชิงที ไม่ผลามผลีเลื้อยเลี้ยวละลานลน แมลงป่องพิษน้อยสักนิดหนึ่ง ทำปั้นปึ่งยกหางขึ้นลอยหน ลำพองจิตรคิดเติบกำเริบตน อวดสกนธ์ไม่สังเกตุกายประมาณ อันผู้ดีมีเชื้อสกูลศักดิ์ ย่อมออมภักตร์พื้นพงษ์ภูมิสัณฐาน ยาจกได้ไอทรัพย์สักเสี้ยวปาน ก็ทยานยกยศพยายาม ฯ ๖ คำ ฯ

กลอนแปด

๏ สงวนศักดิ์จะสมัคสมานมิตร ประชุมชิดชูชมประชันสนาม พึงพินิจพิศดูอย่าวู่วาม อย่าโจมจามจาบจ้วงจงตรองการณ์ ที่ต่ำช้าทารุณสกุลชาติ อย่าฝ่าฝังสังวาศภิรมย์สมาน อัชฌาไสยฝ่ายพวกสันดานพาล มักร้ายรานก้าวร้าวกำเริบใจ สุนัขเลี้ยงล้อเล่นเช่นเคยคุ้น แม้มัวมุ่นมักลามตามนิไสย ไม่ลดหย่อนผ่อนละจังหวะใคร มีแต่ให้อัปยศประหยัดตาม ฯ ๖ คำ ฯ

กลอนแปด

๏ ที่แรงร้ายเริงร้อนอย่ารานตอบ พอห่อหอบหิ้วได้อย่าหาบหาม ที่เลี้ยวลดคดค้อมอย่าโค้งตาม ที่แนวหนามหนาเดินอย่าบุกบัน รู้ว่าพาลหาญห้าวอย่าก้าวก่อ เข้าต้านต่อโต้ตั้งประชันขัน ถึงจวบเจียนจวนตัวจะพัวพัน จงเกียดกันออกไปให้ไกลทาง สุนัขแล่นไล่กัดสลัดหลีก ปลดเปลื้องปลีกไปล่แปลงอย่าแซงขวาง อย่าคิดคบขบตอบสุวาณวาง จะระคางข้างอัปมงคลมี ฯ ๖ คำ ฯ

กลอนแปด

๏ เรียนความรู้เรียนได้ด้วยใจรัก อุปนิไสยไฝ่สมัคไม่เมินหนี ความเพียรเพิ่มเติมต่อตั้งทวี อย่าเลี่ยงลี้หลีกทิ้งสติตน จะฝนทั่งเปนเข็มก็ฝนได้ แต่อย่าให้ละเพียรพึงหมั่นฝน พร้อมทรัพย์สินโภคาวิชาชน อาไศรยผลความเพียรเปนพื้นมา ผู้เกียจคร้านการเพียรอาภัพซ้ำ เหมือนตักน้ำใส่ตะกร้าอย่าหวังหา ว่าจะขังขั้งค้างอย่างจินดา เหลือปัญญาที่จะดัดสันดานขบวน ฯ ๖ คำ ฯ

กลอนแปด

๏ จะหวีผมดูพอสมกับส่วนเกล้า พินิจเผ้าตามภูมิ์ภักตร์สงวน ถ้าเกินนักมักเขาจะเย้ายวน สำรวลสรวลเสซ้ำให้รำคาญ อันสุราพาพลอยอร่อยรศ แม้กินเพลินเกินกำหนดในอาหาร เปนเครื่องย้อมปลอมแปลงแต่งสันดาน พ้นประมาณเมามากมักงมงาย จะกอบกิจคิดก่อนให้รอบคอบ อย่าด่วนชอบแต่ลำพังลำพองหมาย แม้เพลี่ยงพลั้งดังดุจประจานกาย ให้ก่อร้ายเกิดโรคกำเริบรัน ฯ ๖ คำ ฯ

กลอนแปด

๏ สันดานชอบเช่นเชื้อเหมือนสื่อชัก จะดัดจิตรคิดหักไม่เหหัน เหมือนเช่นงูรู้ตีนพวกเดียวกัน อันฝูงไก่ไก่นั้นย่อมเห็นนม อันเหล่าโจรโจรย่อมจะรู้เลศ ตามประเภทพรรคพวกนิยมสม ส่วนพวกปราชญ์ปราชญ์ย่อมสมาคม ตามอารมณ์ร่วมรักเจริญใจ ไม่แผกผันชั้นเชิงชาติชนิด ตามจริตฤาจะร้างแรมนิไสย ไม่กลับเกลื่อนเคลื่อนคลาศสังวาศไกล ย่อมเปนไปตามสมัคกระมลตน ฯ ๖ คำ ฯ

กลอนแปด

๏ มณฑกสถิตย์นิตย์เนาในสะโรช ประทุมโชตช่อช้อยตระการหน แบ่งเกสรร่อนโรยวารีวน มิได้ยลรู้รศเรณูมาลย์ ภมรเนาเขาเขินเนินทุเรศ บินประเวศมาแสวงนิวัตสถาน เหมือนชนเฉาเนาสำนักเมธาจารย์ มิได้พานพบรศธรรมนิพนธ์ ปรีชาชาติมาดอยู่ให้ไกลถิ่น ก็ไม่สิ้นความเพียรที่ขวายขวน เพราะอยากรู้สู้ลำบากลำบนตน เที่ยวหาผลเพื่อศุขไม่เสื่อมชาม ฯ ๖ คำ ฯ

กลอนแปด

๏ สุวรรณหงษ์หลงละเลิงลานฉงน เข้าปะปนปวงกาพาหยาบหยาม พาลายเลือนเลื่อนลดหมดสีงาม ถึงไม่ซามก็เหมือนเสื่อมราษีทรง สีหราชยาตรเยื้องเข้าเคียงคู่ กับโคผู้ต่างพวกพิศวง สินธพเรียงเคียงลาประลาศพงษ์ ถึงจะคงเปนอาชาไม่น่ายล นักปราชญ์สู่หมู่พาลพำนักพัก ใช่สำนักที่จะเนาสำนึงหน ถึงรู้ธรรมจำเหมือนให้เฟือนตน เพราะต่างคนต่างนิไสยนิยมยิน ฯ ๖ คำ ฯ

กลอนแปด

๏ อันเงินทองปองเพียงอศรพิษ ประจงจิตรจองคเนคนึงถวิล เปนที่มาดอาจใจอยู่อาจิณ นิยมยินอยากจะได้ทุกใจคน เหล่าพาลร้ายไพรีผรุศจิตร ย่อมปองคิดคอยปลงประสงค์ผล ดูยิ่งยากมากอย่างระวังตน พึงตรองยลดูอย่าชล่าใจ ควรประกอบขอบเขื่อนเขตรจังหวัด ยั้งประหยัดยลท่าอัชฌาไสย เช่นวิถีที่สถิตย์สถานใด สำนักในเนานึกอย่ามัวมุฬห์ ฯ ๖ คำ ฯ

กลอนแปด

๏ พยัคฆ์ผอมตรอมกายกระหายเหยื่อ ไม่ควรเผื่อแผ่จิตรให้ชิดคุ้น หากเมตตาอารีมีการุญ จะเจือจุนก็อย่าใกล้มิใช่การ พาละชาติยากจะอาจรู้คุณคิด ทุจริตฤาจะจงจำนงสมาน ล้วนโทษทุกข์คลุกกลั้วมั่วสันดาน ปูนเปี่ยมปานไปด้วยผลทุพลใจ ประหยัดยั้งรั้งรอระวังผิด คนึงคิดข้อเหตุให้ควรไข อารีรอบชอบเล่ห์คเนใน ให้แน่ใจตามจริตชนิดชน ฯ ๖ คำ ฯ

กลอนแปด

๏ ร่ำกล่าวกลั่นสรรกลอนกลบท สังเขปพจน์เผยแสดงแถลงนุสนธิ์ โดยสารสอนงอนงามตามยุบล เบื้องนิพนธ์พากย์ประเภทพิบูลย์ประพันธ์ เฉกสังคีตดีดสีดนตรีกล่อม บรรเลงถนอมถนิมโสตรสงวนขวัญ เพียงประทิ่นกลิ่นปรุงจรุงจันทน์ เฉลิมสรรพ์ศุภอัตถ์สวัสดี ต่างแว่นแก้วแผ้วผ่องประไพพิศ ส่องพินิจฉ์กายสกนธ์ตระการฉวี สำเหนียกสำเนาเงาประจงประจำมี ขอสมมุติยุติทีเท่านี้เอย ฯ ๖ คำ ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ