หมายรับสั่ง เรื่อง ให้เตรียมกระบวนแห่พระอังคารและพระอัฐิกรมหมื่นนเรศรโยธีไปลอยและกลับวัง

ด้วยพระยาบำเรอภักดิ์ รับพระราชโองการใส่เกล้าฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สั่งว่า ณ วันเดือน ๗ แรม ๔ ค่ำ ปีเถาะ ตรีศก เพลาบ่ายพระราชทานเพลิงพระศพกรมหมื่นนเรศรโยธีเสร็จแล้ว สุมพระอัฐิไว้ พระสงฆ์สวดอยู่คืนหนึ่ง ครั้นรุ่งขึ้น ณ วันเดือน ๗ แรม ๕ ค่ำ เพลาเช้า พระสงฆ์รับพระราชทานฉัน แปรพระรูป แล้ว จะได้เชิญพระอังคารขึ้นทรงพระยานุมาศสามลำคาน เชิญพระอัฐิขึ้นทรงพระราชยานมีกง แห่ออกประตูพระเมรุด้านตะวันตกตามสถลมารค ไปลงเรือพระที่นั่งเอกไชย ณ ฉนวนท่าพระ แห่ทางชลมารค พระอังคารไปลอย ณ วัดประทุมคงคา พระอัฐิไปส่งที่วัง เหมือนอย่างทุกครั้งนั้น ให้ มหาดไทย กลาโหม เกณฑ์ กระบวนแห่พระอังคาร พระอัฐิ

ยกธงจีน หน้า ๔๐ หลัง ๒๐ นุ่งกางเกงปัสตูแดง ใส่เสื้อ หมวกแดง ๖๐ คน

คู่แห่ นุ่งสมปักทองขวางชายกรวย ใส่เสื้อครุย ลอมพอกขาว หน้า ๑๐๐ หลัง ๕๐ (รวม) ๑๕๐ คน

กลองชนะ จ่าปี่ ๑ จ่ากลอง ๑ (รวม) ๒ คน กลอง ๔๐ คน (รวม) ๔๒ คน แตรงอน ๖ คู่ แตรฝรั่ง ๔ คู่ สังข์คู่ ๑ (รวม) ๒๒ คน ให้นุ่งกางเกง ใส่เสื้อใส่หมวกแดง ๖๔ คน

เครื่องสูง หน้าหลัง ๒ สำรับ ๓๒ บังพระสูรย์องค์ ๑ ทานตะวันคัน ๑ ให้นุ่งกางเกง ยกใส่เสื้อมัสรู เกี้ยวผ้าลาย ๓๔

ภูษามาลาเชิญพระกลด นุ่งสมปักพื้นขาวชายกรวย ใส่เสื้อครุยขาว ๑

คนหามพระยานุมาศพระอังคาร ๔๐ คน พระราชยานพระอัฐิ ๑๒ คน นุ่งกางเกงยกเกี้ยวผ้าลาย ๕๒ คน

อินทร์พรหม ๑๖ คน (รวม) ๓๗๗ คน

เรือเอกไชยทรงพระอังคารไปลอย แล้วกลับมารับพระอัฐิส่งวัง ๑ ลำ

ดั้ง หน้า ๔ คู่ หลัง ๒ คู่ไปลอยพระอังคาร แล้วกลับมารับพระอัฐิส่งวัง มีธงจีนลำละ ๒ คัน ๖ ลำ พลพายใส่เสื้อ ใส่หมวกแดง ๗ ลำ

กราบ ราชการ ๒๐ คู่ แห่พระอังคาร แล้วให้กลับมาแห่พระอัฐิไปส่งวัง มีธงจีนลำละคัน ๔๐ ลำ (รวม) ๔๗ ลำ

และให้กระบวนบกไปพร้อมกันที่หน้าพระเมรุ ให้กระบวนเรือไปพร้อมกันที่ท่าพระ แต่ ณ วันเดือน ๗ แรม ๕ ค่ำ เพลาเช้าให้ทันกำหนด

ถ้ากระบวนเรือแห่พระอังคารไปถึงแล้ว ให้กลับมารับพระอัฐิที่ท่าพระไปส่งที่วัง ถ้ากระบวนบกแห่พระอังคารไปลงเรือ แล้วให้กลับคอยแห่พระอัฐิไปลงเรือเอกไชยคอยตามกำหนดมานี้จงทุกพนักงาน

อนึ่งให้ข้าทูลละอองธุลีพระบาทเป็นคู่เคียง พระอังคาร พระอัฐิ พระอนุรักษ์โยธา ๑ พระมหาสงคราม ๑ คู่ที่ ๑ พระราชมานู ๑ พระพิพิธเดชะ ๑ คู่ที่ ๒ พระพิเดชสงคราม ๑ พระอัคเนศร ๑ คู่ที่ ๓ พระราชวังเมือง ๑ พระไกรศรี ๑ คู่ที่ ๔ พระราไชย ๑ พระสมบัติบาล ๑ คู่ที่ ๕ พระงำเมือง ๑ พระอาลักษณ์ ๑ คู่ที่ ๖ (รวม) ๖ คู่ ๑๒ คน และให้ผู้ต้องเกณฑ์ทั้งนี้ นุ่งสมปักพื้นขาวชายกรวย นุ่งกางเกงสนับเพลา ใส่เสื้อครุยขาว ใส่ลอมพอกมีเกี้ยว ทุกคนให้มาพร้อมกันเคียงพระยานุมาศพระอังคาร ที่หน้าพระเมรุแห่ไปลงเรือเอกไชยที่ฉนวนท่าพระ แต่ ณ วันเดือน ๗ แรม ๕ ค่ำ เพลาเช้า ครั้นแห่พระอังคารไปลอยแล้ว เรือพระที่นั่งเอกไชยกลับมาถึงท่าพระแล้ว ให้คู่เคียง ๆ พระราชยานพระอัฐิ แห่ไปลงเรือพระที่นั่งเอกไชยอีกครั้งหนึ่ง

อนึ่งให้ชาวพระภูษามาลาไปเบิกผ้าขาว ต่อพระคลังวิเสท ปกรูปยาว ๒ แขน ๒ ท่อน ห่อพระอัฐิกว้างศอกจัตุรัส ๑ ท่อน ห่อพระอังคาร กว้าง ๒ ศอก ยาว ๒ ศอก ๒ ท่อน แล้วให้เชิญพระอังคารใส่พานแว่นฟ้า ตั้งบนพระยานุมาศ เชิญพระอัฐิขึ้นตั้งบนพระราชยานมีกงแห่ไปลงเรือพระที่นั่ง

คัดจากหมายรับสั่ง ร.๓ จ.ศ. ๑๑๙๓ เลขที่ ๕ สมุดไทยดำ

  1. ๑. ในราชการเรียกกันเป็นสองอย่างอยู่ เมื่อทำถ่านเป็นรูปที่แรกหันหัวไปทางตะวันตก เรียกว่า แจงรูป แล้วโกยถ่านกลับทำรูปใหม่หันหัวไปทางตะวันออก นี้เรียกว่าแปรรูป (สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยา นริศรานุวัดติวงศ์)

  2. ๒. เป็นคานหามขนาดใหญ่ ทำด้วยไม้สลักปิดทอดงประดับภาพ ๒ ชั้น มีพนักและคานหาม ๒ คาน คนหาม ๒ ผลัด ๖๐ คน เดิมใช้สำหรับเชิญพระโกศพระบรมศพพระมหากษัตริย์

  3. ๓. บริเวณที่เรียกว่าท่าช้างวังหลวงในปัจจุบัน

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ