หมายรับสั่ง เรื่อง พระราชพิธีอุปราชาภิเษกพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นศักดิพลเสพ

ด้วยเจ้าพระยาธรรมาฯ รับพระราชโองการใส่เกล้าฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สั่งว่า สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ เข้าสู่สวรรคตแล้ว ได้ตั้งพระมหามงคลราชพิธีราชาภิเษก สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชพระองค์ใหญ่ทรงพระนามกรมหมื่นเจษฎาบดินทร ขึ้นเป็นพระมหาบรมกษัตราธิราช พร้อมไปด้วยพระญาติประยูรวงศานุวงศ์ พระโหราพฤฒาจารย์ ข้าทูลละอองฝ่ายหน้าฝ่ายใน กราบถวายบังคมทูลเกล้าฯ ถวายศิริราชสมบัติ แต่ ณ วันอาทิตย์ เดือน ๙ ขึ้น ๗ ค่ำ ปีวอก ฉศก พร้อมเสร็จบริบูรณ์แล้ว สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวจึงมีพระราชโองการ มาณพระบัณฑูรสุรสิงหนาทดำรัสเหนือเกล้าฯ ปรึกษาด้วยพระญาติประยูรวงศานุวงศ์ ข้าราชการผู้ใหญ่ ผู้น้อยเฝ้าโดยลำดับว่า ที่อุปราชฝ่ายหน้าว่างอยู่ จะให้อุปราชาภิเษก พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นศักดิพลเสพ ขึ้นเป็นที่พระมหาอุปราชฝ่ายหน้า จึงพระญาติประยูรวงศานุวงศ์ ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยกราบถวายบังคมเห็นด้วยเกล้าฯ พร้อมอยู่แล้ว จึงพระโหราธิบดีมีชื่อ คำนวณพระฤกษ์ทูลเกล้าฯ ถวายว่า พระฤกษ์จะได้ตั้งพระราชพิธีมหาอุปราชาภิเษกพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นศักดิพลเสพ เป็นที่กรมพระราชวังบวรสถานมงคลฝ่ายหน้า ทั้งจะได้เฉลิมพระราชมณเฑียรด้วย และพระสงฆ์ราชาคณะจะได้ตั้งสวดพระพุทธมนต์ในพระที่นั่งมุขข้างเหนือ ๕ รูป มุขข้างใต้ ๕ รูป (รวม) ๑๐ รูป พระที่นั่งวสันตพิมาน ๑๐ รูป พระที่นั่งวายุสถานอมเรศ ๒๐ รูป พระที่นั่งพรหเมศร์รังสรรค์ ๑๐ รูป (รวม) ๕๐ รูป ณ วันเดือน ๙ แรม ๘,๙,๑๐ ค่ำ เพลาบ่ายโมงหนึ่งทั้ง ๓ วัน แล้วพระสงฆ์จะได้รับพระราชทานฉัน ยกพระสงฆ์ที่มุขเหนือ ๕ รูป ที่มุขใต้ ๕ รูป (รวม) ๑๐ รูป มาบรรจบฉันในพระที่นั่งวายุสถานอมเรศ ๒๐ รูป วันละ ๓๐ รูป พระราชทานฉันในพระที่นั่งวสันตพิมานวันละ ๑๐ รูป ในพระที่นั่งพรหเมศร์รังสรรค์วันละ ๑๐ รูป (รวม) ๒๐ รูป (รวม) ๕๐ รูป ณ วันเดือน ๙ แรม ๙,๑๐,๑๑ ค่ำ เพลาเช้า และจะได้เสด็จฯ ขึ้นไปทรงฟังพระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์ ทรงพระราชยานแห่แต่ ณ วันเดือน ๙ แรม ๘, ๙, ๑๐ ค่ำ เพลาบ่าย ๓ วัน

ทรงปรนนิบัติพระสงฆ์ ณ วันเดือน ๙ แรม ๙, ๑๐, ๑๑ ค่ำ เช้าทรงพระราชยานมีกงแห่ และในวันศุกร์ เดือน ๙ แรม ๑๑ ค่ำ เพลาเช้าโมงกับ ๔ บาท พระฤกษ์จะได้เชิญเสด็จฯ เข้าที่สรงสนาน ชาวพระภูษามาลาถวายเครื่องพระมุรธาภิเษก พระสงฆ์ราชาคณะรดน้ำด้วยพระเต้าประทุมนิมิตทอง พระเต้าประทุมนิมิตนาก พระเต้าประทุมนิมิตเงิน พระเต้าประทุมนิมิตสำริด พราหมณ์ถวายน้ำกลศ น้ำสังข์สะเดาะพระเคราะห์ แล้วเสด็จฯ มาทรงศีลประเคนสำรับพระสงฆ์ เสร็จแล้ว ทรงพระเครื่องต้นอย่างเทศ แล้วเสด็จฯ ออกมาขึ้นเกยทรงพระราชยานแห่เครื่องสูงสามชั้นลงมาเฝ้าสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัว ณ พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน และเมื่อจะรับพระสุพรรณบัฏนั้น ให้มีธูปเทียน ข้าวตอก ดอกไม้ ให้มหาดเล็กผู้อยู่เวรรับเข้าไปตั้งในที่รับพระสุพรรณบัฏ ครั้น ณ วันศุกร์ เดือน ๙ แรม ๑๑ ค่ำ เพลาบ่ายโมง พระฤกษ์จะได้ตั้งบายศรีแก้ว บายศรีทอง บายศรีเงิน สมโภชเวียนพระเทียนพระมหามณเฑียรข้างในเพลาหนึ่ง และพราหมณ์จะได้เข้าโรงพระราชพิธี ตรงหน้าพระที่นั่งสุธาสวรรย์ ข้างเหนือพร้อมกับพระราชพิธีสรง ณ วันเดือน ๙ แรม ๗ ค่ำ เพลาบ่าย (ตั้ง) กองกูณฑ์อ่านเวทตามเพศไสยศาสตร์ เพลากลางวัน และกลางคืนไปจนถึง ณ วันเดือน ๙ แรม ๑๑ ค่ำ เป็นคำรบ สามวันสามคืนแล้วจะได้เสด็จฯ มาประทับแรมอยู่ ณ โรงละคร แต่ ณ วันเดือน ๘ แรม ๗ ค่ำ ครั้นรุ่งขึ้น ณ วันเดือน ๙ แรม ๘, ๙, ๑๐ ค่ำ เพลาบ่าย แรม ๑๑ ค่ำ เพลาเช้า จะได้เสด็จฯ ขึ้นไปทรงพระเครื่องต้นบนพระที่นั่งเย็น แล้วทรงพระราชยานมีกง กระบวนแห่แต่พระที่นั่งขึ้นไปจนถึงพระที่นั่งสุธาสวรรย์ ทั้ง ๔ วันนั้น ให้ ๘ ตำรวจเอาเตียงแว่นฟ้าขึ้นไปตั้งบนพระที่นั่งวายุสถานอมเรศ ให้มีเสาขอโครงเพดานระบายรอบเตียงหนึ่ง แล้วให้เอาเตียงไปตั้งรองพระบรมธาตุ ๑ พระไชย ๑ พระห้ามสมุทร ๑ (รวม) ๓ เตียง แล้วให้เบิกผ้าขาวต่อชาวพระคลังวิเสทปูเตียงให้พอทั้ง ๓ เตียง แล้วให้ปลูกโรงพระกระยาสนานโรงหนึ่ง จะทำเป็นอย่างไรจะปลูกที่ไหนไม่แจ้ง ให้ไปกราบทูลพระเจ้าน้องยาเธอ เสด็จกรมหมื่นรักษ์รณเรศร์ก่อน แล้วให้เอาเตียงใหญ่ ลาดผ้าขาวปูบนเสื่ออ่อน ถาดทองแดงตั้งบนผ้าขาว แล้วให้เอาตั้งไม้มะเดื่อกว้าง ๑ ศอก ๑ คืบ จัตุรัส ตั้งบนถาดทองแดงปูผ้าขาว แล้วให้ปลูกโรงพระราชพิธีพราหมณ์โรงหนึ่ง ตรงหน้าพระที่นั่งสุธาสวรรย์ข้างเหนือยาว ๓ ห้อง ๆ ละ ๕ วา ๑ ศอก ขื่อ ๖ วา ๑ ศอก ๕ นิ้ว เกี้ยว๑๐พื้นสูงต่ำสมควรมีพาไลรอบ ยกพื้นลดเป็น ๒ ชั้น ผันหน้าโรงไปทิศทักษิณ หลังโรงไปทิศอุดร มีช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ นาคสะดุ้ง ทำด้วยไม้จริงปิดทองน้ำตะกู มุงจากดาดแผงทาแดงทับจาก ให้มีราวพนักพิงแผงบังทั้ง ๔ ด้าน มีบันไดขึ้นลงทิศทักษิณ ให้มีไม้โขลน ๔ คู่ ไม้ทวาร ๒ คู่ แล้วประดับราชวัติตาชะแลง ดอกจันทน์ประจำยาม ฉัตรกระดาษ ๕ ชั้นมีดอกหมาก ดอกมะพร้าวห้อยตามราชวัติ แล้วให้รับต้นกล้วย ต้นอ้อย ต่อกรมพระนครบาลผูกประดับโรงพระราชพิธี แล้วให้เอากระโจมเทียนไชย ที่วังพระเจ้าน้องยาเธอ เสด็จกรมหมื่นรักษ์รณเรศร์ขึ้นไปตั้งด้วย แล้วให้ทำธงกระดาษสีแดง ๖ คัน สีขาว ๑๕ คัน สีชมพู ๘ คัน สีดำ ๑๐ คัน สีเหลือง ๑๙ คัน สีเมฆ ๑๒ คัน สีทองลายเขียว ๒๑ คัน สีทองทึบ ๑๗ คัน วันละ ๑๐๘ คัน สีขาวควันอ้อย วันละ ๑๖ คัน ส่งโหร ณ วันเดือน ๙ แรม ๘, ๙, ๑๐ ค่ำ เช้า ๓ วัน แล้วให้ยืมเสลี่ยงงา สัปทนต่อชาวพระอภิรมย์ ชาวพระราชยานไปรับพระอิศวร พระนารายณ์ ณ เทวสถานขึ้นไปเข้าโรงพระราชพิธี แต่ ณ วันเดือน ๙ แรม ๗ ค่ำ เพลาบ่าย แล้วให้เอาเตียงกว้าง ๑ ศอก ๑ คืบ จัตุรัส สูง ๑ ศอก มีเสาขื่อโครงเพดาน ผ้าขาวตั้งรองพระเตียง ๑ แล้วให้เอาเตียงกว้าง ๑ ศอกจัตุรัส สูง ๑ ศอก ตั้งเครื่องบูชา ๑ เตียง ตั้งรองกลศ ๑ เตียง (รวม) ๒ เตียง แล้วให้รับกุณฑ์ทองแดง๑๑ ต่อชาวพระคลังในซ้าย

แล้วให้เอามูลโค เอาดินเหนียวขึ้นไปส่งพราหมณ์ ณ โรงพระราชพิธี แล้วให้ปลูกเกยรับเกยส่งเสด็จฯ ที่โรงละคร ๑ เกย ที่ท้ายพระที่นั่งสุธาสวรรย์ ๑ เกย (รวม) ๒ เกย แล้วให้เอาศาลเทวดาลด ๒ ชั้นไม้จริง ขึ้นไปตั้ง ๒ ศาล ให้มีตาชะแลง ธงกระดาษด้วย แล้วให้เอาเตียงกว้างศอกจัตุรัส มีเพดานผ้าขาว ขึ้นไปตั้งรองพระพุทธรูปที่พระที่นั่งวสันตพิมาน ๑ เตียง ที่พระที่นั่งพรหเมศรังสรรค์ ๑ เตียง (รวม) ๒ เตียง

อนึ่ง ให้ชาวมาลาชาวภูษาเชิญพระนพ๑๒ หีบพระธำมรงค์ เครื่องพระมรุธาภิเษก พระมหามงกุฎ พระอุณาโลมทำแท่ง๑๓ พระเกราะ พระนวม พระภูษารัตกำพล พระมาลาเบี่ยง พระมหาสังข์ทักขิณาวัฏ พระสังข์เงิน พระสังข์ทอง พระเต้าเบญจคัพย์ พระกลด พระชฎา สอดพระมหามงคลย่น๑๔ ถวายด้วยทั้ง ๓ วัน กับเครื่องพระพิไชยสงคราม ขึ้นไปตั้ง ณ เตียงพระมณฑลเหมือนอย่างพระราชพิธีสัมพัจฉรฉินท์

อนึ่งให้หลวงสำเร็จพระขรรค์ ให้หลวงสรรพาวุธ เชิญพระขรรค์ไชยศรี พระแสงดาบญี่ปุ่น พระแสงง้าว พระแสงจักร พระแสงหอกคู่ พระแสงตรีศูล พระแสงเกาทัณฑ์ พระแสงเขน พระแสงทวน พระแสงหอกไชย ขึ้นไปตั้ง ณ เตียงพระมณฑล ให้ทันพระฤกษ์

อนึ่งให้หลวงมหามณเฑียรชาวพระแสง (ษารภายุด) สรรพาวุธ เชิญพระแสงของ้าว เจ้าพระยาพลพ่าย พระแสงขอตีช้างล้ม พระแสงชะนักต้น ขึ้นไปตั้ง ณ เตียงพระมณฑล อนึ่ง ให้ชาวพระเครื่องอภิรมย์ เชิญพระเสมาธิปัตย์ พระฉัตรชัย พระเทวพาห์ขึ้นไปตั้ง ณ เตียงพระมณฑล (อนึ่งให้ชาวพระแสงพลพันเชิญพระแสงปืนคาบชุดข้ามแม่น้ำสโตงขึ้นไปตั้ง ณ เตียงพระมณฑล)๑๕

อนึ่งให้หลวงอัคเนศร ให้พระศรสำแดงเชิญพระแสงปืนคาบศิลาทรง ขึ้นไปตั้ง ณ เตียงพระมณฑล

อนึ่งให้ชาวภูษามาลา ให้ชาวที่ ให้ชาวราชยาน ให้ราชบัณฑิต กำกับกันเข้าไปรับพระบรมธาตุ พระไชยวัฒน์ ขึ้นไปตั้งประดิษฐานเป็นประธาน ณ เตียงพระมณฑล

อนึ่งให้มหาดเล็กเชิญพัชนีฝักมะขามขึ้นไปตั้ง ณ เตียงพระมณฑล แล้วให้เชิญพัชนี ท้ายพระที่นั่ง เชิญฉลองพระบาท ถวายตามเสด็จฯ ทั้ง ๔ วัน แล้วให้จัดมหาดเล็กไปรับพระแสงต่อหลวงสำเร็จพระขรรค์ หลวงสรรพาวุธ ไปแห่หว่างเครื่องหน้า ๘ องค์ หลัง ๔ องค์แล้ว ให้ยกน้ำชาต่อหัวป่าก์พ่อครัวถวายพระสงฆ์ทั้ง ๓ วัน ให้พอสวดพอฉัน แล้วไปรับเทียนธูปรับข้าวตอกดอกไม้ต่อเจ้ากรมเชิญเข้าไปตั้งที่รับพระสุพรรณบัฏด้วย

อนึ่งให้ชาวพระคลังมหาสมบัติ ส่งให้สนมพลเรือน พระเต้าประทุมนิมิต พระเต้าทอง พระเต้านาก ๑ พระเต้าเงิน ๑ พระเต้าสำริด ๑ (รวม) ๔ ใบ หม้อเงิน ๔ใบ เชิญไปตั้ง ณ เตียงพระมณฑล แล้วให้จ่ายทอง เงิน ให้แก่ชาวพระคลังวิเสท จะได้ส่งให้ชีพ่อพราหมณ์

ทองคำใส่หน้ากุณฑ์๑๖ หนัก ๒ สลึง ๑ เฟื้อง

เงินตราทักขิณาบูชา ๑ ตำลึง ๒ บาท เงินตราใส่หม้อน้ำมนต์ ๑ บาท ๑ เฟื้อง (รวม) ๑ ตำลึง ๓ บาท ๑ เฟื้อง

แหวนสหวิดรูปนาค๑๗ สำหรับพิธีวง ๑

พระกลศเงินสำหรับตั้งน้ำพิธีใบ ๑

แล้วให้ทำพานทอง คลุม กล่องทองจำหลัก ไปส่งให้อาลักษณ์สำหรับรับพระสุพรรณบัฏ แล้วให้เอากระโถน ขันน้ำ ขึ้นไปตั้งให้พอพระสงฆ์สวด ให้พอพระสงฆ์ฉัน ๕ แห่ง ๔ เพลา แล้วให้เอาดอกหมาก เอาลูกกุญแจ ใส่พานทอง เชิญขึ้นไปตั้ง ณ เตียงพระมณฑล ณ วันเดือน ๙ แรม ๗ ค่ำ

อนึ่งให้สังฆการีนิมนต์พระพุทธรูปห้ามสมุทร ไปตั้ง ณ เตียงพระมณฑล ๑ ไปตั้งในพระที่นั่งวสันตพิมาน ๑ ไปตั้งในพระที่นั่งพรหเมศรังสรรค์ ๑ (รวม) ๓ องค์

แล้วให้เชิญพระมหาธงไชยราชกระบี่ยุทธ พระมหาธงไชยพระครุฑพาหนะ ขึ้นไป ณ เตียงพระมณฑล แล้วให้เบิกขี้ผึ้งต่อชาวพระคลังในซ้าย มาฟั่นเทียนเล่มหนึ่งหนัก ๕ ชั้น ขึ้นไปตั้งเล่มหนึ่ง แล้วให้เบิกด้ายดิบต่อชาวพระคลังวิเสทมาจับสายสิญจน์วงให้รอบพระที่นั่ง รอบโรงพระราชพิธี เตียงพระมณฑล พระสงฆ์ถือสวดด้วย รอบกำแพงพระราชวังให้พอ แล้วให้เอาบาตรดินขึ้นไปตั้งบนพระที่นั่งวสันตพิมาน บาตรน้ำ ๕ใบ บาตรทราย ๒ ใบ

บนพระที่นั่งพรหเมศรังสรรค์บาตรน้ำ ๕ ใบ บาตรทราย ๒ ใบ

กับกำคา ๑๐ กำ ให้ตั้ง ณ วันเดือน ๙ แรม ๗ ค่ำ แล้วให้นิมนต์พระสงฆ์ราชาคณะ ๕๐ รูป ขึ้นไปจำเริญพระพุทธมนต์ ณ วันเดือน ๕ แรม ๘,๙,๑๐ ค่ำ เพลาบ่ายทั้ง ๓ วัน ครั้นรุ่งขึ้น ณ วันเดือน ๙ แรม ๙,๑๐,๑๑ ค่ำ เพลาเช้าพระสงฆ์รับพระราชทานฉันทั้ง ๓ วัน แล้วให้รับเภสัชอังคาสต่อวิเสทถวายพระสงฆ์ให้พอสวดให้พอฉัน

อนึ่งให้ชาวพระคลังศุภรัต เอาอาสนะขึ้นไปแต่งที่ถวายพระสงฆ์ให้พอสวดพอฉันทั้ง ๕ แห่ง

อนึ่งให้ชาวพระคลังในซ้าย เอาถาดทองแดงปากกว้าง ๓ ศอก ขึ้นไปตั้งรองสรงน้ำพระพุทธมนต์ใบหนึ่ง แล้วให้จ่ายขี้ผึ้งให้สังฆการีฟั่นเทียนใช้ให้พอ แล้วส่งกุณฑ์ทองแดงให้ ๔ ตำรวจ ไปส่งชีพ่อพราหมณ์ แล้วให้เอาอ่างจีนไปตั้งริมพระที่นั่ง สำหรับชำระเท้าพระสงฆ์ ๖ ใบ แล้วให้เอาขันลอยไว้ด้วย แล้วให้จ่ายด้ายดิบให้สังฆการีให้พอ

แล้วให้เอาด้ายดิบเช็ดหนึ่ง น้ำผึ้ง ๒ ทะนาน ไปส่งพราหมณ์ ณ โรงพิธี ให้เอาน้ำผึ้งทะนานหนึ่ง ส่งโหร ณ โรงนาฬิกาสำหรับพรมบัตร แต่ ณ วันเดือน ๙ แรม ๗ ค่ำ

(อนึ่งให้ชาวพระคลังในขวา เอาไหมแดงฟั่นเป็นเกลียว ยาวเส้นละศอก ๑๐ เส้น เอาไปส่งให้อาลักษณ์ สำหรับพันพระสุพรรณบัฏ ให้เอาเข้าไปส่ง ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ณ วันเดือน ๙ แรม ๗ ค่ำ เพลาเช้า)๑๘

อนึ่งให้ชาวพระคลังวิเสทไปเบิกทองคำ เงิน ต่อชาวพระคลังมหาสมบัติ ส่งพราหมณ ณ โรงพิธี

ทองคำใส่หน้ากุณฑ์ ๒ สลึง ๑ เฟื้อง

เงินตราทักขิณาบูชา ๑ ตำลึง ๒ บาท เงินตราใส่หม้อน้ำ ๑ บาท ๑ เฟื้อง (รวม) ๑ ตำลึง ๓ บาท ๑ เฟื้อง

แหวนปรวิดรูปนาค๑๙ สำหรับพิธีวง ๑

พระกลศเงินสำหรับตั้งน้ำพิธีใบ ๑

แล้วให้จ่ายผ้าขาว นุ่งห่มเสื้อสำหรับอาจารย์สำรับ ๑ ผ้าขาวยาว ๑๒ ศอกคืบ พันหม้อน้ำกุณฑ์ ๑ ผืน ผ้าขาวยาว ๕ ศอกคืบ กว้าง ๔ คืบ สำหรับโตรทวาร๒๐ ๔ ผืน ผ้าขาวรองนพวัก๒๑ ๑ ผืน ผ้าขาวรองเบญจคัพย์ ๑ ผืน ผ้าขาวรองอวิสูตร๒๒ ๑ ผืน ผ้าขาวรองพระ ๑ ผืน ผ้าขาวเพดานพระ ๑ ผืน ผ้าขาวสำหรับกุณฑ์ ๑ ผืน

ให้เร่งเอาทอง เงิน ผ้าขาว ขึ้นไปส่งให้ชีพราหมณ์ ณ โรงพระราชพิธีแต่ ณ วัน เดือน ๙ แรม ๗ ค่ำ เพลาเช้า

แล้วให้จ่ายผ้าขาวให้โหร รองจารึกพระสุพรรณบัฏ ๓ แขน ๑ ท่อน ให้โหรนุ่งห่มสำรับหนึ่ง ๑ ท่อน ให้เทวสถานท่อนละ ๓ แขน ๗ ท่อน ให้นพเคราะห์๒๓ ข้างที่ ๕ คืบ ๕ แขน ๒ ผืน จ่ายผ้าขาวให้อาลักษณ์ รองจารึกพระนามท่อน ๑ ให้อาลักษณ์นุ่งห่มสำรับหนึ่ง ๒ ผืน

แล้วจ่ายให้แก่โหร ผ้า(สี)ชมพูห้อยเทวสถานท่อนละ ๑ ศอก ๑ คืบ ๗ ท่อน ผ้าปูวงศาลเทวดายาว ๔ ศอก ๒ ท่อน กับผ้านุ่ง ๘ ผืน ผ้าห่ม ๘ ผืน ใส่พานเอาขึ้นไปส่งโหรแล้วให้จ่ายให้ ๔ ตำรวจปูเตียงพระบรมธาตุ ๑ ท่อน ปูเตียงพระไชย ๑ ท่อน ปูเตียงพระห้ามสมุทร ๑ ท่อน (รวม) ๓ ท่อน แล้วให้จ่ายให้สนมพลเรือนปูเตียงสรง ๓ ผืน

อนึ่ง ให้สนมพลเรือนรับพระ.......(ต้นฉบับขาด)......

ณ วันเดือน ๙ แรม ๘,๙,๑๐ ค่ำ เพลาบ่ายวันละสำรับ ให้มีดอกไม้ ธูปเทียน สำหรับเครื่องให้พร้อมแล้วให้ส่งเทียนเล่มละ ๑ บาท ๑๕ เล่ม ๆ ละ ๒ สลึง ๑๕๐ เล่ม เล่มละ ๑ เฟื้อง ๘๑ เล่ม ๆ ละ ๑ เฟื้อง สำหรับบัตรพลี ๓ วัน ๘๑ เล่ม ธูป ๘๐ ดอก สำหรับส่งให้พราหมณ์ ณ โรงพระราชพิธี แล้วให้ส่งให้วิเสทนอกสำหรับ แว่น ๕ สำรับ เล่มละ ๑ บาท ๒ สลึง ๓ ผลัด ๑๓๕ เล่ม สำหรับยอดบายศรีเล่มละ ๑ บาท ๓ เล่ม สำหรับชนวนเล่มละ ๒ สลึง ๓ เล่ม

แล้วให้ส่งให้แก่โหรสำหรับเทวสถานเล่มละ ๒ ตำลึง วันหนึ่ง ๒๘ เล่ม สำหรับสุพรรณบัฏ เล่มละ ๒ บาท ๑ สลึง เทียนทอง ๖ เล่ม เทียนเงิน ๖ เล่ม (รวม) ๑๒ เล่ม สำหรับพระนพเคราะห์ อุณหิศมหาศาล๒๔ เล่มละ ๑ บาท ทั้ง ๓ วัน ๒๓ เล่ม กับธูปใหญ่ ๔๐ ดอก ธูปเล็ก ๒๓๐ ดอก ส่งโหรแต่ ณ วันเดือน ๙ แรม ๘ ค่ำ เพลาบ่าย แล้วให้ฝนน้ำจันทน์ใส่โถให้สนมพลเรือน ๆ ส่งพราหมณ์ ณ โรงพระราชพิธี แต่ ณ วันเดือน ๙ แรม ๘ ค่ำ เพลาบ่ายโถหนึ่ง

อนึ่ง ให้ท่านพนักงานข้างในส่งขันทองถมราชาวดีคู่หนึ่งมีพานรองใส่ข้าวตอก ส่งให้กรมวัง ๆ จะได้ส่งพราหมณ์โปรยข้าวตอก เมื่อเสด็จฯเข้าที่สรง ให้ส่งแต่ ณ วันเดือน ๙ แรม ๑๑ ค่ำ เพลาย่ำรุ่ง และในวันเดือน ๙ แรม ๑๑ ค่ำ เพลาบ่ายโมงบาท พระฤกษ์จะได้ตั้งบายศรีแก้ว บายศรีทอง บายศรีเงิน สมโภชเวียนพระเทียนพระที่นั่งข้างในเพลาหนึ่ง จะเสด็จฯ ให้ทันฤกษ์ด้วย

อนึ่ง ให้วิเสทนอกส่งถั่วเขียว ๒ ทะนาน งาดิบ ๒ ทะนาน กล้วยน้ำ ๖ หวี แตงกวา ๑๐๐ ใบ เครื่องกระยาบวชวันละสำรับ กับเทียนเล่มละ ๑ เฟื้อง สำหรับบัตรพลีวันละ ๒๗ เล่ม ๓ วัน ๘๑ เล่ม ให้เอามาส่งพราหมณ์ ณ โรงพระราชพิธี แต่ ณ วันเดือน ๙ แรม ๘ ค่ำ เพลาบ่าย แล้วแต่งเครื่องหยิบบัตร๒๕ วันละ ๓ สำรับ แต่งกระทงเปล่าวันละ ๑๒๙ ใบ กับ แป้งหอม น้ำมันหอม ยกขึ้นไปส่งโหรแต่ ณ วันเดือน ๙ แรม ๘, ๙, ๑๐ ค่ำ เพลาบ่าย ทั้ง ๓ วัน แล้วให้ แต่งบายศรีตอง ๓ ชั้น ๕ สำรับ ศีรษะสุกร ๕ ศีรษะ ๕ ชั้น ๒ สำรับ ศีรษะสุกร ๒ ศีรษะ กับ แป้งหอม น้ำมันหอม เครื่องบายศรีให้พร้อม ให้ยกมาส่งโหร ณ ทิมดาบชาววัง แต่ ณ วันเดือน ๙ แรม ๘ ค่ำ เพลาเช้า แล้วเอาถั่วเขียววันละกระทงใหญ่ เอางาวันละกระทงใหญ่ เอาข้าวตอก วันละกระทงใหญ่ ส่งโหร ณ วันเดือน ๙ แรม ๘, ๙, ๑๐, ๑๑ ค่ำ เพลาเช้าทั้ง ๔ วัน แล้วให้แต่งบายศรีตอง ๕ ชั้น ๒ สำรับ กับมะพร้าวแก้วใส่พานเงิน ๒ ใบ แป้งหอม น้ำมันหอมเครื่องบายศรี ให้พร้อม เป็นเครื่องบวชยกไปส่งโหรแต่ ณ วันเดือน ๙ แรม ๑๑ ค่ำ เพลาเช้าย่ำฆ้องรุ่งแล้ว ให้แต่งบายศรีแก้ว บายศรีทอง บายศรีเงิน ๒ สำรับ ให้มีข้าวขันเชิงพานรอง ๆ น้ำวัก แว่นเวียนเทียน ๆ ติดแว่นยอดบายศรี มะพร้าวแก้ว แป้งหอม น้ำมันหอม เครื่องบายศรีให้พร้อม เป็นบายศรีดอกไม้ กับเทียนแว่น เล่มละ ๑ บาท ๒ สลึง ๕ สำรับ ๑๓๕ เล่ม เทียนยอดบายศรี เล่มละ ๑ บาท ๓ เล่ม เทียนชนวนเล่มละ ๒ สลึง ๓ เล่ม ให้ยกเข้าไปตั้งในพระราชวัง ณ วันเดือน ๙ แรม ๑๑ ค่ำ เพลาเที่ยง แล้วให้เอาแป้งข้าวโพดสาลี สำหรับโรยพระภัทรบิฐ ให้ส่งให้พราหมณ์ ณ โรงพิธี ณ วันเดือน ๙ แรม ๙ ค่ำ เพลาเช้า

อนึ่ง ให้วิเสทหมากพลูแต่งเภสัชอังคาสตั้งหัวท้ายหนังสือ น้ำชา ยาเสียง ฉันเช้าเพล ส่งให้สังฆการีถวายพระสงฆ์ในพระที่นั่ง ณ วันเดือน ๙ แรม ๘ ค่ำ บ่าย ๕๐ ซอง แรม ๙ ค่ำ เช้า ๕๐ ซอง บ่าย ๕๐ ซอง แรม ๑๐ ค่ำ เช้า ๕๐ ซอง บ่าย ๕๐ ซอง แรม ๑๑ ค่ำ เช้า ๕๐ ซอง แล้วให้แต่งน้ำชุบานใส่โถมีพานรอง ส่งให้สนมพลเรือนถวายพระสงฆ์ ณ วันเดือน ๙ แรม ๘, ๙, ๑๐ ค่ำ เพลาบ่ายวันละ ๕๐ โถ ทั้ง ๓ วัน แล้วให้แต่งเครื่องชา ส่งให้หัวป่าก์พ่อครัวต้มถวายพระสงฆ์ให้พอ แล้วแต่งพลูใบงาม ๙ กลุ่ม แต่งหมากดิบ ๑๕๐ ใบ แต่งหมากสง ๑๕๐ แต่งหมากซีก พลูจีบวันละ ๑๗๐ คำ ส่งพราหมณ์ ณ โรงพระราชพิธี แต่ ณ วันเดือน ๙ แรม ๘ ค่ำ เพลาเช้า

อนึ่งให้วิเสทกลางของคาวของหวานแต่งสำรับถวายพระสงฆ์ ณ วันเดือน ๙ แรม ๙, ๑๐, ๑๑ ค่ำ เพลาเช้า เอก คาววันละ ๕๐ สำรับ หวานวันละ ๕๐ สำรับ ให้มีขนมจีนน้ำยาสำรับข้าวพระด้วย แล้วให้จัดกระจาดถวายพระสงฆ์รูปละกระจาด ๕๐ กระจาด ๆ ละ ๑ บาท แล้ว ให้เบิกข้าวสารต่อกรมนามาหุงถวายพระสงฆ์ ๓ เพลา ข้าว ๑๕ ถัง ใส่กระจาด ๆ ละ ๕ ทะนาน ข้าว ๑๒ ถัง ๑๐ ทะนาน (รวม) ๒๗ ถัง ๑๐ ทะนาน ให้เร่งจัดกระจาด ณ วันเดือน ๙ แรม ๑๐ ค่ำ ให้มหาดไทย ให้กลาโหม ให้พระสัสดี หมายบอกเจ้าพนักงานผู้ซึ่งเกณฑ์ให้ทั่วอย่าให้ขาดแต่สิ่งใดสิ่งหนึ่งได้เป็นอันขาดทีเดียวตามรับสั่ง

เวร นายจำเนียร

นายแกว่น

คัดจากหมายรับสั่ง ร.๓ จ.ศ. ๑๑๘๖ เลขที่ ๑ สมุดไทยดำ

  1. ๑. นามเดิมเทศ เป็นพระยาเพชรบุรี ต่อในรัชกาลที่ ๒ เป็นเจ้าพระยาธรรมาฯ จนตลอดรัชกาล ท่านผู้นี้อยู่ในราชินิกุลบางช้าง ฝ่ายสมเด็จพระรูปฯ พระชนนีของสมเด็จพระอมรินทรามาตย์และท่านผู้หญิงของพระยาธรรมาฯ ก็เป็นราชินิกุลในฝ่ายพระชนกของสมเด็จพระอมรินทรามาตย์เช่นกัน

  2. ๒. พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย สวรรคตเมื่อ ๒๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๓๖๗

  3. ๓. พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ ขึ้นเสวยราชสมบัติเมื่อ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๓๖๗

  4. ๔. สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาเสนานุรักษ์ กรมพระราชวังบวรสถานมงคลในรัชกาลที่ ๒ ทิวงคตเมื่อ ๑๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๓๖๐

  5. ๕. พระราชโอรสรัชกาลที่ ๑ พระนามเดิมพระองค์เจ้าอรุโณทัย ทรงรับสถาปนาเป็นกรมหมื่นศักดิพลเสพ ใน พ.ศ. ๒๓๕๐ รัชกาลที่ ๒ ทรงกำกับกรมพระกลาโหม (คำนำพระนามดูรายละเอียดในภาคผนวก ๑)

  6. ๖. กรมพระราชวังบวรฯ ในรัชกาลที่ ๑ ถึงรัชกาลที่ ๕ ทรงใช้พระที่นั่งองค์นี้ในการบำเพ็ญพระราชกุศล และการพระราชพิธีมงคล คล้ายกับพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง พระที่นั่งสุธาสวรรย์องค์นี้ มีนามพ้องกับพระที่นั่งสุธาสวรรย์ (พระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาท) ในพระมหาราชวังแต่คงต่างกันที่สร้อยนาม โดยพระที่นั่งสุธาสวรรย์ที่วังหลวงมีนามว่า “พระที่นั่งสุธาสวรรย์ อนันตรัตนาธิบดี ศรีสุธาเทพมงคลพิมาน” ในรัชกาลที่ ๓ กรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพทรงปฏิสังขรณ์พระที่นั่งองค์นี้ขึ้นใหม่ แล้วทรงเปลี่ยนนามเพื่อมิให้พ้องกับพระที่นั่งในวังหลวง “พระที่นั่งพุทธาสวรรย์" ต่อมาใน พ.ศ. ๒๓๙๖ รัชกาลที่ ๔ พระราชทานนามใหม่ว่า “พระที่นั่งพุทไธสวรรย์” ปัจจุบันเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์

  7. ๗. อยู่ในพระบรมมหาราชวังสร้างในรัชกาลที่ ๑ ใช้สำหรับราชการอื่น ๆ ในพระบรมมหาราชวังด้วย ในคราวอุปราชาภิเษกวังหน้ารัชกาลที่ ๒ (คือกรมพระราชวังบวรสถานมงคล) ก็ได้เสด็จเข้ามาประทับแรม ณ โรงละครแห่งนี้แล้วแห่ออกไปจากวังหลวงเพื่อไปทรงบำเพ็ญพระกุศลที่วังหน้าจนได้เฉลิมพระราชมณเฑียรโรงละครนี้อยู่หลังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เพิ่งมารื้อในรัชกาลที่ ๕ ปรับเป็นสนามหน้าศาลาสหทัยสมาคมราชประเพณีให้ผู้ที่จะรับอุปราชาภิเษกเข้ามาประทับแรมในพระราชวังหลวงนั้นมีเพียงรัชกาลที่ ๒ ครั้งทรงเป็นกรมพระราชวังในรัชกาลที่ ๑ และกรมพระราชวังบวรฯ รัชกาลที่ ๒ และรัชกาลที่ ๓ เท่านั้น แต่วังหน้ารัชกาลที่ ๔ และรัชกาลที่ ๕ มิได้เสด็จเข้ามาประทับแรมแต่อย่างใด

  8. ๘. คือพระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งอยู่ทางด้านตะวันตกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย เป็นที่กรมพระราชวังบวรสถานมงคลเสด็จไปแต่งพระองค์แล้วแห่ไปพระราชวังบวรฯ ระหว่างงานพระราชพิธีอุปราชาภิเษก

  9. ๙. พระราชโอรสในรัชกาลที่ ๑ เลื่อนกรมในรัชกาลที่ ๓ เป็นกรมหลวงรักษ์รณเรศร์ สิ้นพระชนม์เมื่อ พ.ศ. ๒๓๙๑ (คำนำพระนามดูรายละเอียดในภาคผนวก ๑)

  10. ๑๐. ทรงหลังคาประเภทหนึ่ง

  11. ๑๑. เตาสำหรับโหมเพลิงในพิธีพราหมณ์ เป็นเตาทองแดงในเตามีดินและมูลโครอง ฟืนใช้ไม้พุทราและใบไม้หลายชนิดเช่น ใบมะม่วง ใบตะขบ ใบทอง ชุบน้ำผึ้งรวงและน้ำมันดิบ โหมกุณฑ์ ในรัชกาลที่ ๔ พิธีโหมกุณฑ์ให้คงมีแต่ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเฉลิมพระราชมณเฑียร และพิธีสัมพัจฉรฉินท์

  12. ๑๒. คือพระมหาสังวาลนพเก้า แต่ในหมายนี้จะจดตกหล่นไปไม่มีพระมหาสังวาลสร้อยอ่อนกับพระมหาสังวาลพราหมณ์อย่างคราวอุปราชาภิเษกวังหน้ารัชกาลที่ ๒

  13. ๑๓. คือแท่งครั้งประทับพระราชลัญจกรมหาอุณาโลม ตั้งแต่รัชกาลที่ ๔ ลงมา ใช้ตั้งหีบพระราชลัญจกร ในพระแท่นมณฑลแทนพระอุณาโลมทำแท่งในงานบรมราชาภิเษกส่วนการอุปราชาภิเษกคงใช้อนุโลมตามกันไป

  14. ๑๔. คือมงคลที่ทำจากด้ายมงคลสูตร (สายสิญจน์) ใช้สำหรับพระเจ้าแผ่นดิน หรือเจ้านายฝ่ายหน้าฝ่ายใน ทรงสวมพระเศียร ขณะฟังพระสงฆ์สวดพุทธมนต์ในพระราชพิธีสำคัญ เช่น บรมราชาภิเษก อุปราชาภิเษก ในพิธีตรุษ ราชพิธีอาพาธพินาศ พิธีโสกันต์ ฯลฯ ส่วนขุนนาง มงคลที่ใช้สวมศีรษะ เรียกว่า มงคลจักร

  15. ๑๕. ในต้นฉบับมีเส้นดินสอขาวขีดรอบเป็นเชิงว่าไม่ใช้

  16. ๑๖. ทำเป็นรูปเต่าหนักสองสลึงเฟื้อง ซึ่งเป็นประโยชน์รายได้ทางหนึ่งของพราหมณ์ผู้ทำพิธี

  17. ๑๗. น่าจะหมายถึง “ประวิชรูปนาค" คือ แหวนรูปนาค

  18. ๑๘. ข้อความในวงเล็บ ในต้นฉบับมีเส้นดินสอขาววงรอบไว้

  19. ๑๙. ประวิชรูปนาค คือ แหวนรูปนาค

  20. ๒๐. ผ้าพาดในโรงพิธีพราหมณ์ คือ การจัดโรงพิธีนั้นมีคร่าวไม้ติดเสาถึงกันทุกเสาตามตำราพราหมณ์เรียกว่า พรหมโองการแล้ว จึงพาดผ้าโตรทวาร

  21. ๒๑. เป็นเต้าอันหนึ่งซึ่งใช้ในพิธีพราหมณ์

  22. ๒๒. อาจเป็นผ้าขาวใช้รองนั่งในพิธีอวิสูตรอัตมสูทธ์ชำระตัวตามแบบพิธีทั้งปวง มีเจิมจันทน์อ่านเวท สอดสังวาลพราหมณ์

  23. ๒๓. อาจหมายถึงเทวรูปสำหรับโหรบูชาเทวรูปเทวดานพเคราะห์ หรือพระเต้านพเคราะห์

  24. ๒๔. พระนพเคราะห์อุณหิศมหาศาล อาจตรงกับพระภิฆเนศวรหรือเทวรูปเทวดานพเคราะห์ทั้งหมดก็ได้

  25. ๒๕. เครื่องใช้ในการเซ่นสรวงสังเวย

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ